ASTV ผู้จัดการรายวัน – หุ้นไทยร่วมขบวนตลาดหุ้นภูมิภาค ปรับตัวเพิ่มขึ้นขานรับ ญี่ปุ่นประกาศผ่อนคลายนโยบายทางการเงิน ปิดที่ 1,285.46จุด เพิ่มขึ้น 12.60 จุด สถาบัน-ต่างชาติ-บัญชีบล. รวมกันซื้อสุทธิ กว่า 2พันล้าน โบรกฯประเมินยังไรปัจจัยใหม่ผลักดันดัชนี ทำให้ช่วงนี้อยู่ในช่วงพักฐานเพื่อปรับตัวขึ้น ภาพรวมยังมั่นใจได้เห็น 1,300 จุด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (19ก.ย.) ปรับตัวในแดนบวก โดยปิดที่ระดับ 1,285.46 จุด เพิ่มขึ้น 12.60 จุด หรือ 0.99% มูลค่าการซื้อขาย 36,277 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 1,285.55 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,273.60 จุด ภาพรวมตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาค เช่น ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวที่ปิดทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 4 เดือน ขานรับธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ที่ประกาศใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม โดยปิดที่ 9,232.21 จุด เพิ่มขึ้น 108.44 จุด , ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดปรับตัวสูงขึ้น 239.98 จุด ที่ระดับ 20,841.91 จุด
ขณะที่มูลค่าการซื้อขายแยกตามประเภทนักลงทุน พบว่า สถาบันซื้อสุทธิ 1,092.46 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 630.30 ล้านบาท และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์(บล.) ซื้อสุทธิ 294.18 ล้านบาท
หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 368 หลักทรัพย์ ลดลง 176 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 167 หลักทรัพย์ ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ KTB มูลค่าการซื้อขาย 1,739.52 ล้านบาท ปิดที่ 18.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.90 บาท BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,698.16 ล้านบาท ปิดที่ 193.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง SCC มูลค่าการซื้อขาย 1,327.32 ล้านบาท ปิดที่ 358.00 บาท เพิ่มขึ้น 7.00 บาท BLAND มูลค่าการซื้อขาย 1,292.19 ล้านบาท ปิดที่ 1.45 บาท เพิ่มขึ้น 0.11 บาท และ AAV มูลค่าการซื้อขาย 1,199.78 ล้านบาท ปิดที่ 3.98 บาท เพิ่มขึ้น 0.14 บาท
นางภรณี ทองเย็น ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้น เพราะนักลงทุนต่างชาติน่าจะกลับมาซื้อหุ้นต่อ และหลังจากสหรัฐฯประกาศมาตรการ QE3 ทำให้ตลาดย่อตัว ซึ่งหุ้นที่จะปรับขึ้นรอบนี้เน้นหุ้นที่ยัง Laggard เช่น BANPU, PTTEP และกลุ่มแบงก์
ขณะที่ ประเด็นที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นประกาศใช้นโยบายผ่อนคลายการเงินเพิ่มเติม มองว่าทางการญี่ปุ่นก็พยายามจะช่วยเหลือผู้ประกอบการ เพราะเงินเยนของญี่ปุ่นแข็งค่าจนทำธุรกิจค่อนข้างยาก แต่ทุกวันนี้อัตราดอกเบี้ยก็ต่ำมากแล้วถึงจะเป็น 0% ก็คงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้
ด้าน นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้บริหารสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์และกลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยยังปรับขึ้นแกว่งในกรอบแนวต้าน 1,285 จุด คิดว่ายังไม่น่าจะผ่านไปได้ เพราะปัญหาคือไม่ค่อยมีปัจจัยใหม่ แต่สำหรับการลงทุนระยะยาวยังมองภาพเป็นบวกต่อ
ส่วนระยะสั้น ความที่ไม่มีปัจจัยใหม่มาช่วยตลาด จึงเป็นช่วงสร้างฐานดัชนีบริเวณแถว 1,270-1,285 จุด ซึ่งจะเป็นกรอบใหญ่ที่ดัชนีจะแกว่งขึ้นๆ ลงๆ แถวนี้ เป็นการสร้างฐานตามปกติ แต่ที่สุดแล้วน่าจะผ่านไปได้ ทำให้
ยังคงมองเป้าดัชนีปลายปีอาจได้เห็น 1,300 จุด แต่ในระยะสั้นระดับ 1-2 วันนี้อาจแกว่ง ยกเว้นถ้ามีปัจจัยบวกใหม่ๆเข้ามาในตลาดจะช่วยให้ดัชนีผ่าน 1,285 จุดได้
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (19ก.ย.) ปรับตัวในแดนบวก โดยปิดที่ระดับ 1,285.46 จุด เพิ่มขึ้น 12.60 จุด หรือ 0.99% มูลค่าการซื้อขาย 36,277 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 1,285.55 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,273.60 จุด ภาพรวมตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาค เช่น ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวที่ปิดทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 4 เดือน ขานรับธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ที่ประกาศใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม โดยปิดที่ 9,232.21 จุด เพิ่มขึ้น 108.44 จุด , ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดปรับตัวสูงขึ้น 239.98 จุด ที่ระดับ 20,841.91 จุด
ขณะที่มูลค่าการซื้อขายแยกตามประเภทนักลงทุน พบว่า สถาบันซื้อสุทธิ 1,092.46 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 630.30 ล้านบาท และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์(บล.) ซื้อสุทธิ 294.18 ล้านบาท
หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 368 หลักทรัพย์ ลดลง 176 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 167 หลักทรัพย์ ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ KTB มูลค่าการซื้อขาย 1,739.52 ล้านบาท ปิดที่ 18.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.90 บาท BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,698.16 ล้านบาท ปิดที่ 193.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง SCC มูลค่าการซื้อขาย 1,327.32 ล้านบาท ปิดที่ 358.00 บาท เพิ่มขึ้น 7.00 บาท BLAND มูลค่าการซื้อขาย 1,292.19 ล้านบาท ปิดที่ 1.45 บาท เพิ่มขึ้น 0.11 บาท และ AAV มูลค่าการซื้อขาย 1,199.78 ล้านบาท ปิดที่ 3.98 บาท เพิ่มขึ้น 0.14 บาท
นางภรณี ทองเย็น ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้น เพราะนักลงทุนต่างชาติน่าจะกลับมาซื้อหุ้นต่อ และหลังจากสหรัฐฯประกาศมาตรการ QE3 ทำให้ตลาดย่อตัว ซึ่งหุ้นที่จะปรับขึ้นรอบนี้เน้นหุ้นที่ยัง Laggard เช่น BANPU, PTTEP และกลุ่มแบงก์
ขณะที่ ประเด็นที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นประกาศใช้นโยบายผ่อนคลายการเงินเพิ่มเติม มองว่าทางการญี่ปุ่นก็พยายามจะช่วยเหลือผู้ประกอบการ เพราะเงินเยนของญี่ปุ่นแข็งค่าจนทำธุรกิจค่อนข้างยาก แต่ทุกวันนี้อัตราดอกเบี้ยก็ต่ำมากแล้วถึงจะเป็น 0% ก็คงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้
ด้าน นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้บริหารสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์และกลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยยังปรับขึ้นแกว่งในกรอบแนวต้าน 1,285 จุด คิดว่ายังไม่น่าจะผ่านไปได้ เพราะปัญหาคือไม่ค่อยมีปัจจัยใหม่ แต่สำหรับการลงทุนระยะยาวยังมองภาพเป็นบวกต่อ
ส่วนระยะสั้น ความที่ไม่มีปัจจัยใหม่มาช่วยตลาด จึงเป็นช่วงสร้างฐานดัชนีบริเวณแถว 1,270-1,285 จุด ซึ่งจะเป็นกรอบใหญ่ที่ดัชนีจะแกว่งขึ้นๆ ลงๆ แถวนี้ เป็นการสร้างฐานตามปกติ แต่ที่สุดแล้วน่าจะผ่านไปได้ ทำให้
ยังคงมองเป้าดัชนีปลายปีอาจได้เห็น 1,300 จุด แต่ในระยะสั้นระดับ 1-2 วันนี้อาจแกว่ง ยกเว้นถ้ามีปัจจัยบวกใหม่ๆเข้ามาในตลาดจะช่วยให้ดัชนีผ่าน 1,285 จุดได้