xs
xsm
sm
md
lg

3.5แสนล้านสูญเปล่า หวั่นน้ำท่วมซ้ำรอยปี54

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- ประชาธิปัตย์ อัดรัฐบาลใช้ปากแก้ปัญหา น้ำจึงท่วมทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ หากมีคนตายนายกฯ ต้องรับผิดชอบ "คำนูณ"จวกรัฐบาลกู้เงิน 3.5 แสนล้านด้วยการออกพ.ร.ก.โดยอ้างถึงความรีบด่วนในการป้องกันน้ำท่วม แต่จนถึงบัดนี้เพิ่งเบิกจ่ายไปแค่ 900 ล้าน ทำให้เสียดอกเบี้ยมหาศาล “ธีระชน” แนะรัฐบาลยึดพระราชดำรัสในหลวงเร่งผันน้ำเหนือออกคลอง 8-13 ออกชายทะเลสมุทรปราการ

นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการป้องกันและแก้ปัญหาน้ำท่วมว่า รัฐบาลไม่มีความจริงใจ ใช้ประเทศเป็นสนามทดลองงานของพวกมือใหม่ เห็นความทุกข์ของประชาชนเป็นเรื่องตลก และไม่สำคัญ โดยเห็นได้จากการรับมือน้ำท่วม ซึ่งหากติดตามคำพูดของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะ นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์ฯ และกรรมการชุดต่างๆ ก็พยายามพูดย้ำเสมอว่า รัฐบาลพร้อมรับมือน้ำท่วม ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ แต่ปรากฏว่า ขณะนี้สภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พื้นที่ต้นน้ำ เกิดภาวะน้ำท่วมแล้ว 8 จังหวัด กลางน้ำ 3 จังหวัด และปลายน้ำ 1 จังหวัด จึงขอถามรัฐบาล และนายปลอดประสพ ที่ออกมาบอกว่า พร้อมรับมือน้ำท่วมนั้น เป็นการพร้อมในห้องทดลองหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจ เป็นเพียงราคาคุย และปาหี่เท่านั้น เพราะสถานการณ์ในขณะนี้ไม่แตกต่างจากปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (10 ก.ย.) น้ำได้ทะลักเข้าไปในตัวเมือง จ.สุโขทัย การซ่อมคันกั้นน้ำก็ไม่เรียบร้อย และตนทราบมาว่า ขณะนี้มีความพยายามจะนำบิ๊กแบ็คไปอุดคันกั้นน้ำที่พัง จึงเห็นว่า รัฐบาลมัวแต่ประชุมอยู่ในกทม. หรือในวงสนทนา ไม่ได้มีมาตรการในการป้องกันอุทกภัย และป้องกันเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน

"รัฐบาลเห็นว่าเป็นเวทีทดลองงาน หากมีคนเสียชีวิตจากเหตุการณ์น้ำท่วม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องรับผิดชอบโดยตรง เพราะรัฐบาลมีเวลาตั้ง 1 ปีที่จะแก้ไขปัญหา อีกทั้งยังมีเงินกู้ 3 แสนล้านบาท มีคณะกรรมการชุดต่าง ๆไม่รู้กี่ชุด แต่เหตุการณ์ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง ชี้ให้เห็นว่า รัฐบาลไม่มีความจริงใจแก้ปัญหาให้กับประชาชน" นายชวนนท์ กล่าว

** รีบร้อนกู้เงิน 3.5แสนล.แต่ไม่รีบใช้

ในการประชุมวุฒิสภาเมื่อวานนี้ (10 ก.ย.) นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา ได้หารือต่อที่ประชุมในช่วงก่อนเข้าสู่วาระ ว่า การที่รัฐบาลออก พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อวางระบบการบริหารจัดการน้ำ และสร้างอนาคตของประเทศ จำนวน 3.5 แสนล้านบาท และได้วางกรอบเวลาให้กระทำได้ไม่เกิน 30 มิ.ย.56 แต่ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ชี้แจงในการประชุมวุฒิสภา ช่วงการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2556 ว่า เงินใช้ไปเพียง 900 ล้านบาท และการจัดทำทีโออาร์ ในโครงการนี้ ก็ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่ทราบว่าจะเสร็จสิ้นในปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า และการจัดทำทีโออาร์ จะมีการประกวดแนวคิดด้วย ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งการใช้เงินจำนวน 3.5 แสนล้านบาท ต้องทยอยใช้เป็นปีๆ ดังนั้นรัฐบาลกู้เงินมาเก็บไว้ แล้วเสียดอกเบี้ยจำนวนมหาศาล หรือจะออก พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่ม พ.ร.ก.หรือไม่ อย่างไร

ขณะที่นายวิบูลย์ คูหิรัญ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า การซ้อมปล่อยน้ำ เพื่อทดสอบความสามารถของแม่น้ำ คู คลอง ที่จะรองรับน้ำ รวมทั้งระบบป้องกันน้ำท่วมผ่าน หากต้องการจะได้ประโยชน์สูงสุด ควรนำข้อมูลทั้งหมด รวมกับข้อมูลที่ได้เก็บไว้ตอนน้ำท่วมใหญ่ เพื่อสร้าง หรือปรับปรุงระบบจำลองขึ้นให้ทันสมัย

ทั้งนี้ตอนน้ำท่วมปี 54 มีการเดินระบบจำลอง ที่มีการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมไว้แล้ว แต่ไม่ได้รับความสนใจที่จะนำไปประยุกต์ใช้ จึงทำให้เกิดน้ำท่วมขนาดใหญ่ ดังนั้นในการซ้อมปล่อยน้ำจึงน่าจะนำข้อมูลมาปรับปรุงระบบจำลองให้ทันสมัย โดยใช้ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ จีอาร์เอสช่วยด้วย ครั้งต่อไปอาจจะพัฒนาให้เป็นระบบควบคุมน้ำระยะไกลอัตโนมัติ ด้วยคอมพิวเตอร์สตาร์ด้า เหมือนกับระบบควบคุมไฟ้ฟ้า ที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคใช้อยู่ เมื่อระบบจำลองเสร็จจากการสร้างขึ้นใหม่ หรือปรับปรุงของเดิมให้ทันสมัย ต่อไปจะได้ทดสอบระบบจำลองเลย ไม่ต้องซ้อมปล่อยน้ำจริง เพื่อทดสอบให้เกิดความกังวล ตื่นเต้นเหมือนครั้งนี้ และเมื่อมีเหตุการณ์น้ำหลากครั้งต่อไป จะสามารถเดินระบบจำลองแต่ละกรณี โดยเลือกวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุด ใช้วิธีการประยุกต์ให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด

อย่างไรก็ตามการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค มีบุคลากรที่ทำงานในเรื่องพีอาร์เอส สตาร์ด้า ระบบจำลองที่ใช้ควบคุมไฟฟ้าทำงานด้านนี้กว่า 10 ปี น่าจะมีประโยชน์ เพราะระบบน้ำกับไฟฟ้า น่าจะปรับแนวความคิดใช้กันได้

***“ธีระชน” แนะยึดพระราชดำรัสเร่งผันน้ำ

นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า ตนเองอยากให้รัฐบาลเร่งช่วยชาวบ้านตอนบนโดยเฉพาะพื้นที่อยุธยาที่ขณะนี้น้ำมาแล้ว ดังนั้นในฐานะที่เคยเป็นคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำอยากให้รัฐบาลเร่งผันน้ำเข้าฟลัดเวย์ทางด้านตะวันออกตั้งแต่คลอง 8-13 และต้องเร่งสูบน้ำน้ำบริเวณชายทะเลให้แห้งเพื่อที่จะได้ดึงน้ำจากคลอง 8-13 ออกทะเล ซึ่งหากดำเนินการได้ดังนี้จะทำให้น้ำไม่ท่วมสมุทรปราการ กทม. ปทุมธานี เพราะน้ำจะส่งต่อกันจนออกทะเลที่สมุทราปราการ และที่สำคัญน้ำจะไม่ท่วมพื้นที่อยุธยา

“อยากให้ยึดตามแนวทางพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงรับสั่งให้ผันน้ำเข้าฟลัดเวย์ทางด้านตะวันออกอย่าผันน้ำผ่านคลองแสนแสบ คลองลาดพร้าว คลองประเวศ คลองบางนา คลองสำโรง เพราะไม่ควรรับน้ำจากอยุธยาเนื่องจากจะทำให้น้ำท่วมพระนคร และระบบระบายน้ำของ กทม.รับเฉพาะน่้ำฝนเท่านั้น ซึ่งในคืนวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา ที่มีปริมาณน้ำฝนถึง 145 มิลลิเมตร คิดเป็น 10 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณน้ำฝนทั้งปีกทม.ก็สามารถบริหารจัดการได้ แต่น้ำเหนือนั้น กทม.ไม่ควรรับ ที่รับเมื่อปีที่แล้ว เพราะเกิดวิกฤต กทม.จีงยอมให้น้ำผ่านได้"

นายธีระชน กล่าวต่อว่า การบริหารจัดการน้ำด้านเหนือเป็นหน้าที่ของกรมชลประทานซึ่งขณะนี้ได้มีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำจำนวน 67 เครื่อง แต่เปิดทำงานเพียง 8 เครื่องเท่านั้น ดังนั้นตนเองจึงขอให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องอย่าไปก้าวก่ายกรมชลประทาน เจ้าหน้าที่กรมชลประทานเขารู้ดีว่าจะต้องดำเนินการอย่างไร

“ในฐานะคนไทยคนหนึ่งอยากแนะไปยังรัฐบาลอย่าระบายน้ำเหมือนปีที่แล้วที่เอาน้ำมาปล่อยกลางเมืองที่ถูกตเองคือต้องผันออกทางคลอง 8-13 ปิดคลอง 1-7 ไว้ เร่งสูบน้ำชายทะเลให้แห้ง อย่าไปทำอะไรขัดกับหลักวิชาการ กรมชลประทานรู้ดีที่สุดว่าต้องทำยังไง ถ้าฟังกระแสพระราชดำรัสดีๆ ก็จะรู้ว่าไม่ควรทดลองระบายน้ำฝั่งตะวันออก แต่ต่อไปคือการรับน้ำเหนือซึ่งตอนนี้มีเวลา 50 วันที่จะต้องเร่งเอาน้ำออกชายทะเลอย่าไปรอให้เกิดวิกฤตเหมือนปีที่แล้ว” นายธีระชน กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น