วานนี้ ( 9 ก.ย.) ผู้สื่อรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า กกต.ได้ประกาศรายชื่อบุคคลที่ได้บริจาคเงินให้กับพรรคการเมืองในเดือน ก.ค. 9 พรรคการเมือง ประกอบด้วย พรรคเสรีนิยม 100,000 บาท พรรคชาติไทยพัฒนา 300,333 บาท พรรคชาติพัฒนา 1,540,000 บาท โดยพบว่ามีผู้บริจาครายใหญ่ คือ นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา จำนวน 1,500,000 บาท พรรคการเมืองใหม่ 22,000 บาท พรรคกิจสังคม 5,000 บาท พรรคประชาธรรม 80,000 บาท พรรคเพื่อฟ้าดิน 6,000 บาท พรรคเพื่อไทย 1,000,000 บาท ซึ่งมีผู้บริจาคเพียงรายเดียว คือ นายวรวีร์ มะกูดี กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย หลังจากที่ไม่มีใครบริจาคเงินให้พรรคเพื่อไทยเลย ตั้งแต่เดือนเม.ย.ที่ผ่านมา แม้แต่สมาชิกพรรคเอง
สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ มียอดเงินบริจาคจำนวน 3,545,000 บาท โดยมีผู้บริจาครายใหญ่ 2 คน คือ นายสมชัย ตัณมานะศิริ ประธานบริหารบริษัท เอ.ซี.ไอ. (ไทยแลนด์) จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนนำเข้านาฬิกาชื่อดัง และนายต่อเกียรติ ศรพรหม ได้บริจาคให้กับพรรคประชาธิปัตย์เกือบทุกเดือน ๆ ละ 1,000,000 บาท ส่วนนายสมชัย เพิ่งปรากฏรายชื่อเป็นผู้บริจาคให้กับพรรคประชาธิปัตย์จำนวน 1 ล้านบาท เช่นกัน.
ด้านนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ในวันที่ 10 ก.ย.นี้ จะทำหนังสือถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อขอให้ตรวจสอบการบริจาคเงินให้พรรคการเมือง ว่า ขัดต่อพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่า ด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2550 มาตรา 57 วรรคสอง ที่ระบุว่า การบริจาคแก่พรรคการเมืองตั้งแต่ 2 หมื่นบาทขึ้นไปจะต้องบริจาคโดยวิธีการสั่งจ่ายเป็นตั๋วแลกเงินหรือเช็คขีดคร่อมเท่านั้น
นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเงินบริจาคของพรรคการเมืองพบว่า พรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์ มีการบริจาคเงินของส.ส.และสมาชิกพรรคครั้งละ 2 หมื่นบาทอยู่เป็นจำนวนมาก จึงขอให้เรียกเอกสารหลักฐาน การบริจาคเงินของพรรคภูมิใจไทยเดือน ต.ค. 2552 เดือน มี.ค.,ส.ค. 2553 และเดือน ส.ค. 2554 และของพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่เดือนธ.ค. 2550-ก.ค. 2555 มาตรวจสอบว่าการบริจาคเงินตั้งแต่ 2 หมื่นบาทขึ้นไปได้มีการสั่งจ่ายโดยเช็คตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่หรือฝากเข้าบัญชีเป็นเงินสดจากบุคคลใดอีกหรือไม่
นายเรืองไกร กล่าวด้วยว่า ตัวอย่างเช่น การบริจาคของนายชวน หลีกภัย จำนวน 41,409 บาทตามเลขที่หนังสือนำส่ง ปชป. 5000745/2550 ลงวันที่ 11 ธ.ค. 2550 เพราะหากกระทำผิดจะมีโทษตามมาตรา 114 คือ จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่น้อยกว่า 3 เท่าของจำนวนเงิน ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดให้แก่พรรคการเมืองหรือทั้งจำทั้งปรับและให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งกำหนด 5 ปี โดยนับเป็นรายกระทง อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ได้ยื่นให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ตรวจสอบกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์รับบริจาคเงินสด 3 แสนบาทรวมอยู่ด้วย.
สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ มียอดเงินบริจาคจำนวน 3,545,000 บาท โดยมีผู้บริจาครายใหญ่ 2 คน คือ นายสมชัย ตัณมานะศิริ ประธานบริหารบริษัท เอ.ซี.ไอ. (ไทยแลนด์) จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนนำเข้านาฬิกาชื่อดัง และนายต่อเกียรติ ศรพรหม ได้บริจาคให้กับพรรคประชาธิปัตย์เกือบทุกเดือน ๆ ละ 1,000,000 บาท ส่วนนายสมชัย เพิ่งปรากฏรายชื่อเป็นผู้บริจาคให้กับพรรคประชาธิปัตย์จำนวน 1 ล้านบาท เช่นกัน.
ด้านนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ในวันที่ 10 ก.ย.นี้ จะทำหนังสือถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อขอให้ตรวจสอบการบริจาคเงินให้พรรคการเมือง ว่า ขัดต่อพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่า ด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2550 มาตรา 57 วรรคสอง ที่ระบุว่า การบริจาคแก่พรรคการเมืองตั้งแต่ 2 หมื่นบาทขึ้นไปจะต้องบริจาคโดยวิธีการสั่งจ่ายเป็นตั๋วแลกเงินหรือเช็คขีดคร่อมเท่านั้น
นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเงินบริจาคของพรรคการเมืองพบว่า พรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์ มีการบริจาคเงินของส.ส.และสมาชิกพรรคครั้งละ 2 หมื่นบาทอยู่เป็นจำนวนมาก จึงขอให้เรียกเอกสารหลักฐาน การบริจาคเงินของพรรคภูมิใจไทยเดือน ต.ค. 2552 เดือน มี.ค.,ส.ค. 2553 และเดือน ส.ค. 2554 และของพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่เดือนธ.ค. 2550-ก.ค. 2555 มาตรวจสอบว่าการบริจาคเงินตั้งแต่ 2 หมื่นบาทขึ้นไปได้มีการสั่งจ่ายโดยเช็คตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่หรือฝากเข้าบัญชีเป็นเงินสดจากบุคคลใดอีกหรือไม่
นายเรืองไกร กล่าวด้วยว่า ตัวอย่างเช่น การบริจาคของนายชวน หลีกภัย จำนวน 41,409 บาทตามเลขที่หนังสือนำส่ง ปชป. 5000745/2550 ลงวันที่ 11 ธ.ค. 2550 เพราะหากกระทำผิดจะมีโทษตามมาตรา 114 คือ จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่น้อยกว่า 3 เท่าของจำนวนเงิน ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดให้แก่พรรคการเมืองหรือทั้งจำทั้งปรับและให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งกำหนด 5 ปี โดยนับเป็นรายกระทง อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ได้ยื่นให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ตรวจสอบกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์รับบริจาคเงินสด 3 แสนบาทรวมอยู่ด้วย.