xs
xsm
sm
md
lg

“เรืองไกร” ยังดื้อ อ้าง ปชป.ไม่ทำรายงานเงินบริจาคน้ำท่วมต่อ กกต.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ (แฟ้มภาพ)
“เรืองไกร” ยังไม่เลิก อ้าง ปชป.ไม่รายงานยอดเงินบริจาคช่วยน้ำท่วมต่อ กกต. พร้อมถามหาดอกเบี้ยที่งอกระหว่างอยู่ในบัญชีก่อนส่งมอบสำนักนายกฯ บอกหากเป็นการเข้าใจผิดก็พร้อมนำกระเช้าดอกไม้ขอโทษ “มาร์ค” ต่อหน้าสื่อ

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา ในฐานะผู้ร้องให้นายทะเบียนพรรคการเมือง ตรวจสอบงบการเงินของพรรคประชาธิปัตย์ อาจเข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 62, 45, 82 ประกอบมาตรา 42 วรรคสอง และมาตรา 93 กล่าวว่า ตามที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง อดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาแถลงตอบโต้กรณีเงินบริจาคน้ำท่วม บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสต์วอเตอร์ โดยยืนยันว่าเป็นเพียงตัวกลางรับเงินบริจาคผ่านไปยังรัฐบาล และทำทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมายนั้นยังมีประเด็นสงสัยตามมามาก เพราะไม่ได้ชี้แจงว่ามีการลงบัญชีพรรคไว้อย่างไร จึงขอให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกรัฐมนตรี นำสมุดบัญชีรายวันและบัญชีแยกประเภทของพรรคปี 2553 พร้อมเอกสารประกอบ เช่น สำเนาบัญชีเงินฝาก สำเนาใบเสร็จ สำเนาหนังสือแจ้งนายทะเบียน มาแถลงเพิ่มเติมต่อสื่อมวลชนด้วย

นายเรืองไกรกล่าวว่า หากพบว่าเป็นความเข้าใจผิดของตนหรือกล่าวหาอันเป็นเท็จ ก็พร้อมจะนำกระเช้าดอกไม้ขอขมานายอภิสิทธิ์ต่อหน้าสื่อมวลชนที่ห้องแถลงข่าวรัฐสภา ทั้งนี้ได้ส่งสำเนาคำร้องพร้อมหลักฐานแจ้งต่อดีเอสไอแล้ว เพราะเรื่องนี้ลึกลับซับซ้อนในการลงบัญชีพอสมควร

“เรื่องนี้ผมร้องให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์มาตั้งแต่วันที่ 5 ม.ค. 2555 แล้วไม่ใช่เพิ่งมาร้อง การที่นายสาทิตย์ออกมายอมรับเองว่ามีผู้บริจาคทั้งสิ้น 191 ราย รวมเป็นเงินสุทธิ 36,454,909 บาท มีการซื้อแคชเชียร์เช็คสั่งจ่ายสำนักนายกรัฐมนตรี แสดงให้เห็นว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้รับเงินไว้ในนามของพรรคตลอดเดือน พ.ย. 2553 แต่จากการตรวจสอบรายงานการรับบริจาคที่พรรคประชาธิปัตย์รายงานต่อ กกต. เดือน พ.ย. 2553 ไม่พบมีการรายงานดังกล่าวแต่อย่างใด และในงบการเงินของพรรคก็ไม่มีการแสดงรายรับดังกล่าวไว้ในงบรายได้

ขณะเดียวกันก็ไม่ได้แสดงรายจ่ายตามยอดในแคชเชียร์เช็คที่จ่ายออกไปยังสำนักนายกรัฐมนตรีด้วย จึงเข้าลักษณะการไม่ลงบัญชีให้ถูกต้อง และยังมีข้อสงสัยว่าเงินบริจาคที่มาพักอยู่ในบัญชีของพรรค ดอกเบี้ยที่งอกขึ้นมาเป็นของใคร ขณะที่มีการรายงานยอดเงินเข้าทั้งปี 2553 อยู่ที่ 22 ล้านบาทเศษ แต่ไม่มียอดเงิน 36 ล้านบาทเศษดังกล่าว จึงขอให้นายทะเบียนฯ ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ด้วยการเรียกสมุดบัญชีรายวัน บัญชีแยกประเภท สำเนาใบเสร็จ เอกสารการเปิดบัญชีธนาคาร และเอกสารประกอบการลงบัญชีเพื่อให้พรรคประชาธิปัตย์ได้รับการพิจารณาตรวจสอบอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม ผมยินดีหากพรรคประชาธิปัตย์จะรีบฟ้อง จะได้เปิดเผยข้อมูลกันในศาล”
กำลังโหลดความคิดเห็น