00 ออกตัวแรงในตอนต้นจนเกือบจะเข้าวินอยู่แล้วเชียว สำหรับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบ.ชน. ถ้าบังเอิญว่าไม่ไปสะดุดข้อเท้าตัวเองเสียก่อน ดันลืม “ปลดรูปสำคัญ” ที่ติดโชว์ขู่พวกเดียวกันอยู่ในห้องทำงานให้รู้ว่า “กูเด็กใคร” เพราะในฐานะตำรวจผ่านงานสอบสวนมามากมาย ทั้งในชายแดนใต้ในอดีตที่ทิ้งปม “เพาะเชื้อไฟ” จนลุกลามมาจนถึงบัดนี้ก็น่าจะรู้ดี ว่าสถานะของ ทักษิณ ชินวัตร ในทางกฎหมายในประเทศไทยเป็นอย่างไร
00 รู้กันดีอยู่แล้วว่า ทักษิณ ชินวัตร เป็นนักโทษหนีคดีทุจริตที่ถูกศาลจำคุก 2 ปี ถูกยึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาท หลบหนีหมายจับ ถูกดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ คดีก่อการร้าย รวมทั้งคดีทุจริตที่ยังคาอยู่ในศาลมากมาย และต้องย้ำว่าคำตัดสินของศาล หรือหมายจับของศาลดังกล่าวนั้น ออกโดย “ศาลยุติธรรม”ในพระปรมาภิไธย ที่ทุกคนในประเทศนี้ต้องให้การเคารพ ย้ำว่า “ไม่ใช่ศาลเตี้ย”
00 ภาพที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ไปเอียงบ่าแล้วเอาสองมือกุมเป้านอบน้อมให้ ทักษิณ ที่มีสถานะเป็นนักโทษ หรือพูดให้ตรงๆก็คือ “โจร” หลบหนีคดี ประดับยศให้ รับรองว่าใครได้เห็นภาพนี้ก็ “รู้สึกอึ้ง” ด้วยกันทั้งนั้น ถ้า “ขอย้ำว่าถ้า” วันเวลาที่ระบุวันที่ถ่ายรูปดังกล่าวเป็นความจริง ซึ่งย่อมมีกระบวนการพิสูจน์จนเป็นความจริงแล้วถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ตามมาอีกหลายกระทง เพราะมันเป็นช่วงใกล้เคียงกับที่เขาได้รับการ “โปรดเกล้าฯ” ติดยศ พลตำรวจโท ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจนครบาล
00 แต่เอาทีละเรื่องก่อน เรื่องแรกก็คือ ในฐานะตำรวจเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายเห็นผู้ร้ายที่มีหมายจับติดตัวที่ไหนต้องจับทันทีไม่มียกเว้น จะมาตอบแบบ “ศรีธนญชัย” ว่า “ไม่ได้พบกันในราชอาณาจักรไทย ไม่มีอำนาจจับ” พูดได้ แต่มันฟังแล้วมันจะอ๊วก สะอิดสะเอียน หรือหากมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดจริงๆ เหมือนกับรายอื่นๆ ที่ยกโขยงกันไปกราบไข่แม้ว นั้นก็ไม่เคยมีใครทิ้งหลักฐานให้ปรากฏโจ่งแจ้งให้เห็น มีแต่ปฏิเสธคอเป็นเอ็นทั้งสิ้น เพราะรู้ดีว่ามันเสี่ยงต่อความผิด สังเกตหรือไม่ว่าแม้แต่ ยงยุทธ วิชัยดิษฐ ที่รู้ทั้งรู้ว่าต้องไปกราบกรานมาเหมือนกัน แต่ล่าสุดก็ยังเถียงว่า ไม่จริง อ้างว่าเป็นแค่ข่าวลือไปเสียฉิบ
00 แต่กรณีของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เชื่อว่าเป็นเพราะเผลอเรอ “ลืมปลดรูป” ออกไป เพราะตอนแรกต้องการ “โชว์ออฟ”เรื่องคดี “ลูกเสี่ยกระทิงแดง” ขับรถชนดาบตำรวจตาย กำลังขึงขัง รุกไล่ได้ใจชาวบ้าน เอาจริงเอาจังกับ สารวัตรปราบปราม ยศพันตำรวจโทนายหนึ่งที่ “จัดฉาก” ช่วยเหลือ แต่ขอโทษ ความผิดและโทษของ คำรณวิทย์ กับ สวป.ทองหล่อคนนั้น นาทีนี้ไม่ต้องอธิบายอะไรกันมากน่าจะรู้ดีว่าความผิดของใครฉกรรจ์มากกว่ากัน จริงอยู่ สวป.คนดังกล่าวสมควรลงโทษหนัก แต่สำหรับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ที่เป็นตำรวจ แต่ดันไปนอบน้อมกับโจร นอกจากย่ำยีหัวใจคนไทยแล้ว ยัง “ย่ำยีศาล” ย่ำยีกระบวนการยุติธรรมอย่าง “น่าอัปยศ” ที่สุด
00 คำกล่าวอ้างสั้นๆ มั่วๆ ว่า เป็น “ภาพที่รักและเคารพมากที่สุด” นั้น มันคนละประเด็น เพราะสิ่งที่ต้องอธิบายว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในภาพ เป็นความจริงหรือไม่ต่างหาก หรือแม้แต่ข้อความที่เขียนเอาไว้ใต้ภาพว่า “มีวันนี้เพราะพี่ให้” แล้วอ้างว่า “เป็นชื่อเพลง” มันก็เหมือนฉี่รดหัวใจชาวบ้านที่เสียภาษีเลี้ยงดูตำรวจอย่างนี้ และ “หลงเชื่อภาพ” มานาน ดังนั้นถ้าจะคิดจะไล่ สวป.ทองหล่อ ก็ต้องไล่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ในคราวเดียวกันไปด้วย และเสี่ยงต่อการถูกดำเนินคดีอาญา ม.157 ด้วย และที่สำคัญต่อไปนี้ เขา “หมดความชอบธรรม” ที่จะเป็นตำรวจเป็นผู้รักษากฎหมายแล้ว เพราะภาพที่ติดตาก็คือ นับเขาเป็นตำรวจใต้เท้าของทักษิณเท่านั้น “ไม่ใช่ตำรวจของประชาชน” อีกต่อไป เพราะคำว่า มีวันนี้เพราะพี่ให้ ก็ต้องต่อท้ายว่า “ต่อไปผมจะรับใช้พี่ให้สมกับที่พี่ให้กับผม” อย่างนั้นหรือ ทุด !!
00 ส่วนที่กระทรวงกลาโหมก็ทำท่าวุ่นไม่แพ้กัน และยังเดิมพันกันด้วยคุก น่าหวาดเสียว แต่คนที่ขาข้างหนึ่งแหย่เข้าไปครึ่งตัวแล้วก็เห็นจะเป็น “เสี่ยโอ๋” พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ที่กำลังถูกฟ้องจาก พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ปลัดฯกลาโหม และ พล.อ.ชาตรี ทัตติ รองปลัดกลาโหม ฐานใช้อำนาจโดยมิชอบ ล่าสุดศาลปกครองได้รับฟ้อง และไต่สวนเพิ่มเติมซึ่งอาจถึงขั้น “คุ้มครองฉุกเฉิน” หรือไม่ ก็น่าลุ้น น่าติดตาม แต่รับรองว่าจบไม่สวยแน่นอน !!
00 รู้กันดีอยู่แล้วว่า ทักษิณ ชินวัตร เป็นนักโทษหนีคดีทุจริตที่ถูกศาลจำคุก 2 ปี ถูกยึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาท หลบหนีหมายจับ ถูกดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ คดีก่อการร้าย รวมทั้งคดีทุจริตที่ยังคาอยู่ในศาลมากมาย และต้องย้ำว่าคำตัดสินของศาล หรือหมายจับของศาลดังกล่าวนั้น ออกโดย “ศาลยุติธรรม”ในพระปรมาภิไธย ที่ทุกคนในประเทศนี้ต้องให้การเคารพ ย้ำว่า “ไม่ใช่ศาลเตี้ย”
00 ภาพที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ไปเอียงบ่าแล้วเอาสองมือกุมเป้านอบน้อมให้ ทักษิณ ที่มีสถานะเป็นนักโทษ หรือพูดให้ตรงๆก็คือ “โจร” หลบหนีคดี ประดับยศให้ รับรองว่าใครได้เห็นภาพนี้ก็ “รู้สึกอึ้ง” ด้วยกันทั้งนั้น ถ้า “ขอย้ำว่าถ้า” วันเวลาที่ระบุวันที่ถ่ายรูปดังกล่าวเป็นความจริง ซึ่งย่อมมีกระบวนการพิสูจน์จนเป็นความจริงแล้วถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ตามมาอีกหลายกระทง เพราะมันเป็นช่วงใกล้เคียงกับที่เขาได้รับการ “โปรดเกล้าฯ” ติดยศ พลตำรวจโท ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจนครบาล
00 แต่เอาทีละเรื่องก่อน เรื่องแรกก็คือ ในฐานะตำรวจเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายเห็นผู้ร้ายที่มีหมายจับติดตัวที่ไหนต้องจับทันทีไม่มียกเว้น จะมาตอบแบบ “ศรีธนญชัย” ว่า “ไม่ได้พบกันในราชอาณาจักรไทย ไม่มีอำนาจจับ” พูดได้ แต่มันฟังแล้วมันจะอ๊วก สะอิดสะเอียน หรือหากมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดจริงๆ เหมือนกับรายอื่นๆ ที่ยกโขยงกันไปกราบไข่แม้ว นั้นก็ไม่เคยมีใครทิ้งหลักฐานให้ปรากฏโจ่งแจ้งให้เห็น มีแต่ปฏิเสธคอเป็นเอ็นทั้งสิ้น เพราะรู้ดีว่ามันเสี่ยงต่อความผิด สังเกตหรือไม่ว่าแม้แต่ ยงยุทธ วิชัยดิษฐ ที่รู้ทั้งรู้ว่าต้องไปกราบกรานมาเหมือนกัน แต่ล่าสุดก็ยังเถียงว่า ไม่จริง อ้างว่าเป็นแค่ข่าวลือไปเสียฉิบ
00 แต่กรณีของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เชื่อว่าเป็นเพราะเผลอเรอ “ลืมปลดรูป” ออกไป เพราะตอนแรกต้องการ “โชว์ออฟ”เรื่องคดี “ลูกเสี่ยกระทิงแดง” ขับรถชนดาบตำรวจตาย กำลังขึงขัง รุกไล่ได้ใจชาวบ้าน เอาจริงเอาจังกับ สารวัตรปราบปราม ยศพันตำรวจโทนายหนึ่งที่ “จัดฉาก” ช่วยเหลือ แต่ขอโทษ ความผิดและโทษของ คำรณวิทย์ กับ สวป.ทองหล่อคนนั้น นาทีนี้ไม่ต้องอธิบายอะไรกันมากน่าจะรู้ดีว่าความผิดของใครฉกรรจ์มากกว่ากัน จริงอยู่ สวป.คนดังกล่าวสมควรลงโทษหนัก แต่สำหรับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ที่เป็นตำรวจ แต่ดันไปนอบน้อมกับโจร นอกจากย่ำยีหัวใจคนไทยแล้ว ยัง “ย่ำยีศาล” ย่ำยีกระบวนการยุติธรรมอย่าง “น่าอัปยศ” ที่สุด
00 คำกล่าวอ้างสั้นๆ มั่วๆ ว่า เป็น “ภาพที่รักและเคารพมากที่สุด” นั้น มันคนละประเด็น เพราะสิ่งที่ต้องอธิบายว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในภาพ เป็นความจริงหรือไม่ต่างหาก หรือแม้แต่ข้อความที่เขียนเอาไว้ใต้ภาพว่า “มีวันนี้เพราะพี่ให้” แล้วอ้างว่า “เป็นชื่อเพลง” มันก็เหมือนฉี่รดหัวใจชาวบ้านที่เสียภาษีเลี้ยงดูตำรวจอย่างนี้ และ “หลงเชื่อภาพ” มานาน ดังนั้นถ้าจะคิดจะไล่ สวป.ทองหล่อ ก็ต้องไล่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ในคราวเดียวกันไปด้วย และเสี่ยงต่อการถูกดำเนินคดีอาญา ม.157 ด้วย และที่สำคัญต่อไปนี้ เขา “หมดความชอบธรรม” ที่จะเป็นตำรวจเป็นผู้รักษากฎหมายแล้ว เพราะภาพที่ติดตาก็คือ นับเขาเป็นตำรวจใต้เท้าของทักษิณเท่านั้น “ไม่ใช่ตำรวจของประชาชน” อีกต่อไป เพราะคำว่า มีวันนี้เพราะพี่ให้ ก็ต้องต่อท้ายว่า “ต่อไปผมจะรับใช้พี่ให้สมกับที่พี่ให้กับผม” อย่างนั้นหรือ ทุด !!
00 ส่วนที่กระทรวงกลาโหมก็ทำท่าวุ่นไม่แพ้กัน และยังเดิมพันกันด้วยคุก น่าหวาดเสียว แต่คนที่ขาข้างหนึ่งแหย่เข้าไปครึ่งตัวแล้วก็เห็นจะเป็น “เสี่ยโอ๋” พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ที่กำลังถูกฟ้องจาก พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ปลัดฯกลาโหม และ พล.อ.ชาตรี ทัตติ รองปลัดกลาโหม ฐานใช้อำนาจโดยมิชอบ ล่าสุดศาลปกครองได้รับฟ้อง และไต่สวนเพิ่มเติมซึ่งอาจถึงขั้น “คุ้มครองฉุกเฉิน” หรือไม่ ก็น่าลุ้น น่าติดตาม แต่รับรองว่าจบไม่สวยแน่นอน !!
