เอแบคโพลเผยประชาชน 83% จี้ "โต้งไวท์ลาย" ลาออกรับผิดชอบโกหกสีขาว ส่วนสวนดุสิตโพลถามก้าวสู่ปีที่ 2 รัฐบาลยิ่งลักษณ์ พบชาวบ้านไม่ปลื้มของแพง 49.42 % แนะรัฐเร่งทำผลงานให้เป็นรูปธรรม 45.99 % จี้นายกฯ ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน 40.17%
สำนักวิจัยเอแบคโพล มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เผยผลวิจัยเชิงสำรวจ ในหัวข้อ ความกังวลของสาธารณชน ต่อการโกหกสีขาว ของรัฐมนตรีคลัง และการทดสอบการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาล โดยสำรวจจากความคิดเห็นของประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปใน 17 จังหวัดของประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 2,157 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 27 สิงหาคม - 1 กันยายน 2555
ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 73.4 ระบุว่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติลดลง หลังมีข่าวการโกหกสีขาวของรัฐมนตรีคลัง ในขณะที่ร้อยละ 26.6 ระบุว่าการโกหกของรัฐมนตรีคลังไม่ทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติลดลง ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 66.3 ระบุ หลังมีข่าวการโกหกสีขาวของรัฐมนตรีคลัง ส่งผลทำให้ความน่าเชื่อถือของรัฐบาลลดลง ในขณะที่ร้อยละ 33.7 ระบุไม่ลดลง
เมื่อสอบถามถึงความตกต่ำของมาตรฐานคุณธรรม จริยธรรมของนักการเมืองไทย หลังมีข่าวการโกหกของรัฐมนตรีคลัง พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 84.3 ระบุ มาตรฐานคุณธรรม จริยธรรมของนักการเมืองไทยตกต่ำลง ในขณะที่ ร้อยละ 15.7 ระบุไม่ตกต่ำ นอกจากนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 82.9 กังวลต่อเด็กและเยาวชนของชาติที่จะลอกเลียนแบบพฤติกรรมของรัฐมนตรีคลังของไทย ในขณะที่ร้อยละ 17.1 ไม่กังวล ผลสำรวจยังระบุด้วยว่า ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 83.5 ระบุถึงความรับผิดชอบของรัฐมนตรีคลังภายหลังมีข่าวการโกหกว่าควรลาออก
เมื่อสอบถามประชาชนถึงแผนของรัฐบาลในการซ้อมปล่อยน้ำเข้ากรุงเทพมหานคร พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 60.2 ระบุช่วงเวลาวันที่ 5 - 7 กันยายนนี้ ยังไม่เหมาะสมกับการซ้อมแผนระบายน้ำเข้ากรุงเทพมหานคร เพราะเป็นช่วงมรสุม ฝนตกหนัก น้ำทะเลหนุน ขณะที่ร้อยละ 39.8 ระบุว่าเหมาะสมแล้ว เพราะทำตอนน้ำมากจะได้ข้อมูลใกล้เคียงความจริง เป็นการเตรียมพร้อมรับมือของหน่วยงานต่างๆ และการทดสอบคูคลองต่างๆ เป็นต้น
ส่วนความกังวลต่อการซ้อมแผนระบายน้ำเข้ากรุงเทพมหานครครั้งนี้ พบว่า คนกรุงเทพฯ และปริมณฑลส่วนใหญ่ร้อยละ 74.9 กังวล และมีสัดส่วนมากกว่าประชาชนในต่างจังหวัดที่เกินครึ่งหรือร้อยละ 55.6 รู้สึกกังวลต่อแผนซ้อมการระบายน้ำเข้ากรุงเทพฯ เช่นกัน
ด้านสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,497 คน ถึงความเห็นต่อรัฐบาลยิ่งลักษณ์ กับการก้าวเข้าสู่ปีที่ 2 โดยถามถึงการบริหารประเทศของรัฐบาลในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ที่ประชาชนคิดว่าโดดเด่น และอยากให้ดำเนินการต่อไปในปีที่ 2 พบว่า 36.93% การปราบปรามยาเสพติดอย่างเอาจริงเอาจัง และขุดคุ้ยสืบสาวไปถึงต้นตอแหล่งผลิต 28.12% การทำตามนโยบายที่ได้สัญญาไว้ในช่วงหาเสียง โดยเฉพาะเรื่องการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน เช่น การขึ้นเงินเดือน ขึ้นค่าแรง, เพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ, 30 บาทรักษาทุกโรค เป็นต้น 16.65% นโยบายที่ทำเพื่อประชาชน ประชาชนได้รับประโยชน์โดยตรง เช่น นโยบายประชานิยม รถคันแรก บ้านหลังแรก นโยบายสาธารณะ รถเมล์-รถไฟฟรี น้ำ-ไฟฟรี 9.73% การสนับสนุนด้านการศึกษา แจกแท็บเล็ตให้เด็กนักเรียน ป.1 และ 8.57% การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การก้าวสู่ประชาคมอาเซียน
เมื่อถามถึงการบริหารประเทศของรัฐบาลในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ที่ประชาชนคิดว่า ย่ำแย่ และอยากให้แก้ไขโดยด่วน 34.76% ปัญหาเรื่องปากท้อง ความเป็นอยู่ของประชาชน รายได้ไม่พอใช้ ข้าวของแพง 30.14% การดำเนินการเรื่องน้ำท่วม การวางแผนป้องกัน การเตรียมพร้อม การช่วยเหลือเยียวยาที่ไม่ทั่วถึง 17.13% ปัญหาการทุจริต คอร์รัปชัน เช่น การสวมสิทธิจำนำข้าว การจัดซื้อครุภัณฑ์อาชีวะ การช่วยเหลือพวกพ้อง เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน 9.67% ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และ 8.30% การทะเลาะเบาะแว้ง ความแตกแยกขาดความสามัคคีในคนกลุ่มต่างๆ/แนวทางการสร้างความปรองดอง การชุมนุมหรือการเคลื่อนไหวทางการเมืองของประชาชน
เมื่อถามว่า ถ้าจะให้รัฐบาลมั่นคง ประชาชนคิดว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ควรบริหารประเทศ ดังต่อไปนี้ คือ 49.42% รัฐบาลจะต้องเดินหน้าบริหารประเทศ ทำตามนโยบายที่สัญญาไว้กับประชาชน เร่งทำผลงานให้เป็นรูปธรรมชัดเจน มีความตั้งใจและจริงใจในการทำงาน 18.51% การสร้างความเข้าใจและขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงานในเรื่องต่างๆ โดยไม่มีการปกปิดหรือปิดบังข้อมูลที่เป็นจริงกับทุกฝ่าย 16.24% นายกฯ ต้องเป็นผู้นำที่เข้มแข็ง เร่งปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน ไม่ปกป้องหรือช่วยเหลือผู้ที่กระทำผิด การควบคุมดูแลพฤติกรรมของ ส.ส.และนักการเมืองให้อยู่ในระเบียบวินัย 10.67% การลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม พบปะพูดคุยกับประชาชนเพื่อรับฟังปัญหาความเดือดร้อนและนำมาแก้ไข ให้ตรงจุดอย่างทั่วถึงทุกพื้นที่ของประเทศ และ 5.16% ไม่แทรกแซงการทำงานของข้าราชการ ให้อิสระในการทำงาน คัดเลือกผู้ที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาทำงานอย่างเหมาะสม
เมื่อถามว่า ในการบริหารประเทศที่ก้าวเข้าสู่ปีที่ 2 ถ้าประชาชนเป็นนายกรัฐมนตรีจะเร่งสร้างผลงานอะไรบ้าง 45.99% การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน เช่น การขึ้นเงินเดือน ขึ้นค่าแรง การช่วยเหลือผู้ที่ตกงาน ว่างงาน สนับสนุนด้านการศึกษา แก้ไขปัญหายาเสพติด เป็นต้น 30.87% แก้ปัญหาของแพง กระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมการท่องเที่ยว การเกษตร การส่งออก-นำเข้า ฯลฯ 9.51% ปราบปรามการทุจริต คอร์รัปชัน การรับสินบน ซื้อขายตำแหน่ง 8.57% แก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กวาดล้างโจรใต้ การเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ การให้ความช่วยเหลือครอบครัวผู้ที่เสียชีวิต และ 5.06% การสร้างความปรองดองโดยรับฟังเสียงจากประชาชนส่วนใหญ่ว่าอยากให้ดำเนินการอย่างไร
ส่วนเมื่อถามว่า ประชาชนคิดว่าการบริหารประเทศในปีที่ 2 ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์จะยากหรือง่ายกว่า 1 ปีที่ผ่านมา 40.17% คงจะเหมือนๆเดิม เพราะการเมืองไทยก็ยังคงมีการทะเลาะเบาะแว้ง แบ่งฝักแบ่งฝ่าย, ทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านต่างก็มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันไป, การแก้ไขปัญหาต่างๆ ก็ยังคงต้องเป็นไปตามกระบวนการขั้นตอนเหมือนเดิม ฯลฯ 34.92% คงจะบริหารยากขึ้นกว่า 1 ปีที่ผ่านมา เพราะรัฐบาลถูกคาดหวังและเป็นที่จับตามองของสังคมมากขึ้น, การดำเนินงานในเรื่องสำคัญๆ อาจมีปัจจัยทางสังคม เศรษฐกิจ การเมืองเข้ามามีผลกระทบต่อการดำเนินนโยบายทั้งที่ปัญหาเก่ายังไม่ได้รับการแก้ไข ฯลฯ 24.91% คงจะบริหารง่ายกว่า 1 ปีที่ผ่านมา เพราะในช่วง 1 ปีที่ผ่านมารัฐบาลน่าจะมองเห็นถึงปัญหาหรือสิ่งที่ควรดำเนินการอย่างเร่งด่วน, การทำงานเริ่มจะเข้าที่เข้าทาง และมีความชัดเจนเป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยเฉพาะนายกฯ มีความเจนจัดทางการเมืองมากขึ้น ฯลฯ.
สำนักวิจัยเอแบคโพล มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เผยผลวิจัยเชิงสำรวจ ในหัวข้อ ความกังวลของสาธารณชน ต่อการโกหกสีขาว ของรัฐมนตรีคลัง และการทดสอบการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาล โดยสำรวจจากความคิดเห็นของประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปใน 17 จังหวัดของประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 2,157 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 27 สิงหาคม - 1 กันยายน 2555
ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 73.4 ระบุว่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติลดลง หลังมีข่าวการโกหกสีขาวของรัฐมนตรีคลัง ในขณะที่ร้อยละ 26.6 ระบุว่าการโกหกของรัฐมนตรีคลังไม่ทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติลดลง ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 66.3 ระบุ หลังมีข่าวการโกหกสีขาวของรัฐมนตรีคลัง ส่งผลทำให้ความน่าเชื่อถือของรัฐบาลลดลง ในขณะที่ร้อยละ 33.7 ระบุไม่ลดลง
เมื่อสอบถามถึงความตกต่ำของมาตรฐานคุณธรรม จริยธรรมของนักการเมืองไทย หลังมีข่าวการโกหกของรัฐมนตรีคลัง พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 84.3 ระบุ มาตรฐานคุณธรรม จริยธรรมของนักการเมืองไทยตกต่ำลง ในขณะที่ ร้อยละ 15.7 ระบุไม่ตกต่ำ นอกจากนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 82.9 กังวลต่อเด็กและเยาวชนของชาติที่จะลอกเลียนแบบพฤติกรรมของรัฐมนตรีคลังของไทย ในขณะที่ร้อยละ 17.1 ไม่กังวล ผลสำรวจยังระบุด้วยว่า ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 83.5 ระบุถึงความรับผิดชอบของรัฐมนตรีคลังภายหลังมีข่าวการโกหกว่าควรลาออก
เมื่อสอบถามประชาชนถึงแผนของรัฐบาลในการซ้อมปล่อยน้ำเข้ากรุงเทพมหานคร พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 60.2 ระบุช่วงเวลาวันที่ 5 - 7 กันยายนนี้ ยังไม่เหมาะสมกับการซ้อมแผนระบายน้ำเข้ากรุงเทพมหานคร เพราะเป็นช่วงมรสุม ฝนตกหนัก น้ำทะเลหนุน ขณะที่ร้อยละ 39.8 ระบุว่าเหมาะสมแล้ว เพราะทำตอนน้ำมากจะได้ข้อมูลใกล้เคียงความจริง เป็นการเตรียมพร้อมรับมือของหน่วยงานต่างๆ และการทดสอบคูคลองต่างๆ เป็นต้น
ส่วนความกังวลต่อการซ้อมแผนระบายน้ำเข้ากรุงเทพมหานครครั้งนี้ พบว่า คนกรุงเทพฯ และปริมณฑลส่วนใหญ่ร้อยละ 74.9 กังวล และมีสัดส่วนมากกว่าประชาชนในต่างจังหวัดที่เกินครึ่งหรือร้อยละ 55.6 รู้สึกกังวลต่อแผนซ้อมการระบายน้ำเข้ากรุงเทพฯ เช่นกัน
ด้านสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,497 คน ถึงความเห็นต่อรัฐบาลยิ่งลักษณ์ กับการก้าวเข้าสู่ปีที่ 2 โดยถามถึงการบริหารประเทศของรัฐบาลในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ที่ประชาชนคิดว่าโดดเด่น และอยากให้ดำเนินการต่อไปในปีที่ 2 พบว่า 36.93% การปราบปรามยาเสพติดอย่างเอาจริงเอาจัง และขุดคุ้ยสืบสาวไปถึงต้นตอแหล่งผลิต 28.12% การทำตามนโยบายที่ได้สัญญาไว้ในช่วงหาเสียง โดยเฉพาะเรื่องการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน เช่น การขึ้นเงินเดือน ขึ้นค่าแรง, เพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ, 30 บาทรักษาทุกโรค เป็นต้น 16.65% นโยบายที่ทำเพื่อประชาชน ประชาชนได้รับประโยชน์โดยตรง เช่น นโยบายประชานิยม รถคันแรก บ้านหลังแรก นโยบายสาธารณะ รถเมล์-รถไฟฟรี น้ำ-ไฟฟรี 9.73% การสนับสนุนด้านการศึกษา แจกแท็บเล็ตให้เด็กนักเรียน ป.1 และ 8.57% การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การก้าวสู่ประชาคมอาเซียน
เมื่อถามถึงการบริหารประเทศของรัฐบาลในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ที่ประชาชนคิดว่า ย่ำแย่ และอยากให้แก้ไขโดยด่วน 34.76% ปัญหาเรื่องปากท้อง ความเป็นอยู่ของประชาชน รายได้ไม่พอใช้ ข้าวของแพง 30.14% การดำเนินการเรื่องน้ำท่วม การวางแผนป้องกัน การเตรียมพร้อม การช่วยเหลือเยียวยาที่ไม่ทั่วถึง 17.13% ปัญหาการทุจริต คอร์รัปชัน เช่น การสวมสิทธิจำนำข้าว การจัดซื้อครุภัณฑ์อาชีวะ การช่วยเหลือพวกพ้อง เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน 9.67% ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และ 8.30% การทะเลาะเบาะแว้ง ความแตกแยกขาดความสามัคคีในคนกลุ่มต่างๆ/แนวทางการสร้างความปรองดอง การชุมนุมหรือการเคลื่อนไหวทางการเมืองของประชาชน
เมื่อถามว่า ถ้าจะให้รัฐบาลมั่นคง ประชาชนคิดว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ควรบริหารประเทศ ดังต่อไปนี้ คือ 49.42% รัฐบาลจะต้องเดินหน้าบริหารประเทศ ทำตามนโยบายที่สัญญาไว้กับประชาชน เร่งทำผลงานให้เป็นรูปธรรมชัดเจน มีความตั้งใจและจริงใจในการทำงาน 18.51% การสร้างความเข้าใจและขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงานในเรื่องต่างๆ โดยไม่มีการปกปิดหรือปิดบังข้อมูลที่เป็นจริงกับทุกฝ่าย 16.24% นายกฯ ต้องเป็นผู้นำที่เข้มแข็ง เร่งปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน ไม่ปกป้องหรือช่วยเหลือผู้ที่กระทำผิด การควบคุมดูแลพฤติกรรมของ ส.ส.และนักการเมืองให้อยู่ในระเบียบวินัย 10.67% การลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม พบปะพูดคุยกับประชาชนเพื่อรับฟังปัญหาความเดือดร้อนและนำมาแก้ไข ให้ตรงจุดอย่างทั่วถึงทุกพื้นที่ของประเทศ และ 5.16% ไม่แทรกแซงการทำงานของข้าราชการ ให้อิสระในการทำงาน คัดเลือกผู้ที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาทำงานอย่างเหมาะสม
เมื่อถามว่า ในการบริหารประเทศที่ก้าวเข้าสู่ปีที่ 2 ถ้าประชาชนเป็นนายกรัฐมนตรีจะเร่งสร้างผลงานอะไรบ้าง 45.99% การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน เช่น การขึ้นเงินเดือน ขึ้นค่าแรง การช่วยเหลือผู้ที่ตกงาน ว่างงาน สนับสนุนด้านการศึกษา แก้ไขปัญหายาเสพติด เป็นต้น 30.87% แก้ปัญหาของแพง กระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมการท่องเที่ยว การเกษตร การส่งออก-นำเข้า ฯลฯ 9.51% ปราบปรามการทุจริต คอร์รัปชัน การรับสินบน ซื้อขายตำแหน่ง 8.57% แก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กวาดล้างโจรใต้ การเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ การให้ความช่วยเหลือครอบครัวผู้ที่เสียชีวิต และ 5.06% การสร้างความปรองดองโดยรับฟังเสียงจากประชาชนส่วนใหญ่ว่าอยากให้ดำเนินการอย่างไร
ส่วนเมื่อถามว่า ประชาชนคิดว่าการบริหารประเทศในปีที่ 2 ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์จะยากหรือง่ายกว่า 1 ปีที่ผ่านมา 40.17% คงจะเหมือนๆเดิม เพราะการเมืองไทยก็ยังคงมีการทะเลาะเบาะแว้ง แบ่งฝักแบ่งฝ่าย, ทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านต่างก็มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันไป, การแก้ไขปัญหาต่างๆ ก็ยังคงต้องเป็นไปตามกระบวนการขั้นตอนเหมือนเดิม ฯลฯ 34.92% คงจะบริหารยากขึ้นกว่า 1 ปีที่ผ่านมา เพราะรัฐบาลถูกคาดหวังและเป็นที่จับตามองของสังคมมากขึ้น, การดำเนินงานในเรื่องสำคัญๆ อาจมีปัจจัยทางสังคม เศรษฐกิจ การเมืองเข้ามามีผลกระทบต่อการดำเนินนโยบายทั้งที่ปัญหาเก่ายังไม่ได้รับการแก้ไข ฯลฯ 24.91% คงจะบริหารง่ายกว่า 1 ปีที่ผ่านมา เพราะในช่วง 1 ปีที่ผ่านมารัฐบาลน่าจะมองเห็นถึงปัญหาหรือสิ่งที่ควรดำเนินการอย่างเร่งด่วน, การทำงานเริ่มจะเข้าที่เข้าทาง และมีความชัดเจนเป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยเฉพาะนายกฯ มีความเจนจัดทางการเมืองมากขึ้น ฯลฯ.