นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ แถลงผลการประชุมคณะกรรมการ ที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า เป็นการประชุมนัดแรก โดยคณะกรรมการชุดนี้ตั้งขึ้น ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาภัยพิบัติแห่งชาติ เพื่อดูแลและป้องกันเกี่ยวกับเรื่องภัยพิบัติ 18 ประเภท
ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติตั้งคณะอนุกรรมกรรมการ 6 ชุด ประกอบด้วย 1.อนุกรรมการช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่มีปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธาน 2. อนุกรรมการประชาสัมพันธ์ มีปลัดสำนักนายกฯเป็นประธาน 3. อนุกรรมการด้านต่างประเทศ ที่มีปลัดกระทรวงการต่างประเทศเป็นประธาน 4. อนุกรรมการชุดแผ่นดินไหวและคลื่นซึนามิ 5. อนุกรรมการอุทกภัยและ 6. อนุกรรมการวาตภัย โดยทำงานประสานกับปภ. ดูแลป้องกันสถาณการณ์ภัยพิบัติต่างๆ ทั้งในระดับปกติและระดับรุนแรง
นอกจาก นี้นายวิบูลย์ กล่าวถึงสถานการณ์ภัยแล้งในหลายพื้นที่ว่า สถานการณ์ภัยแล้งที่หลายฝ่ายเป็นห่วงในขณะนี้ ทราบว่าประสบอยู่ในแค่ส่วนของการพืชผลการเกษตร แต่ในส่วนของการบริโภคและอุปโภคน้ำของประชาชน ส่วนใหญ่จะยังไม่มีผลกระทบ โดยนายกฯ ได้สั่งการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประสานกับกระทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานเกี่ยวข้องดูแล โดยรายงานผู้ได้รับผลกระทบขณะนี้อยู่ 4.4 แสนราย และพื้นที่การเกษตรประมาณ 2.5 ล้านไร่ ที่พื้นที่รับผลกระทบส่วนใหญ่อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนืออาทิ จ.ชัยภูมิ และมหาสารคาม
ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติตั้งคณะอนุกรรมกรรมการ 6 ชุด ประกอบด้วย 1.อนุกรรมการช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่มีปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธาน 2. อนุกรรมการประชาสัมพันธ์ มีปลัดสำนักนายกฯเป็นประธาน 3. อนุกรรมการด้านต่างประเทศ ที่มีปลัดกระทรวงการต่างประเทศเป็นประธาน 4. อนุกรรมการชุดแผ่นดินไหวและคลื่นซึนามิ 5. อนุกรรมการอุทกภัยและ 6. อนุกรรมการวาตภัย โดยทำงานประสานกับปภ. ดูแลป้องกันสถาณการณ์ภัยพิบัติต่างๆ ทั้งในระดับปกติและระดับรุนแรง
นอกจาก นี้นายวิบูลย์ กล่าวถึงสถานการณ์ภัยแล้งในหลายพื้นที่ว่า สถานการณ์ภัยแล้งที่หลายฝ่ายเป็นห่วงในขณะนี้ ทราบว่าประสบอยู่ในแค่ส่วนของการพืชผลการเกษตร แต่ในส่วนของการบริโภคและอุปโภคน้ำของประชาชน ส่วนใหญ่จะยังไม่มีผลกระทบ โดยนายกฯ ได้สั่งการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประสานกับกระทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานเกี่ยวข้องดูแล โดยรายงานผู้ได้รับผลกระทบขณะนี้อยู่ 4.4 แสนราย และพื้นที่การเกษตรประมาณ 2.5 ล้านไร่ ที่พื้นที่รับผลกระทบส่วนใหญ่อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนืออาทิ จ.ชัยภูมิ และมหาสารคาม
