นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตำหนิ น.อ.สุรพล นะวะมวัฒน์ ที่ปรึกษา รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที และที่ปรึกษาคณะกรรมการตรวจรับโครงการแท็บเล็ต ป.1 ที่ออกมาระบุว่า รัฐบาลจะทุ่มงบประมาณ 120 ล้านบาท เพื่อว่าจ้างให้บริษัท เอส เอ พี (SAP) ผู้ผลิตโปรแกรมป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์ จัดทำโปรแกรมป้องกันการเข้าเว็บไซต์ไม่เหมาะสม หรือเว็บไซต์ลามกอนาจาร ผ่านทางแท็บเล็ต ป.1 โดยเซ็นสัญญาเป็นระยะเวลา 1 ปี โดยคาดว่า จะติดตั้งในแท็บเล็ตทั้งหมดได้ ในวันที่ 1 ธันวาคมนี้ ว่ามีเรื่องที่ทางไอซีที ต้องตอบคำถาม 4 ประเด็น คือ
1. การเซ็นต์สัญญา 1 ปีวงเงิน 120 ล้านบาท เพื่อใช้โปรแกรมดังกล่าว หมายถึงว่า ทุกปีจะต้องใช้งบประมาณ 120 ล้าน เพื่อบล็อคเว็บโป๊ จนกว่าเครื่องจะพังใช่หรือไม่ เป็นการใช้งบประมาณที่คุ้มค่า และแก้ปัญหาอย่างถูกทางหรือเปล่า และราคา 120 ล้านบาท แพงเกินไปหรือไม่ มีการประมูลงานที่ถูกต้องตามระเบียบราชการหรือไม่ อย่างไร
2. การจะติดตั้งโปรแกรมดังกล่าว เท่ากับว่าจะต้องมีการเรียกเครื่องแท็บเล็ตที่แจกไปแล้วกลับคืนมา เพื่อติดตั้ง ถามว่าความไม่รอบคอบของกระทรวงไอซีที ที่ไม่ป้องกันตั้งแต่แรก ยิ่งเป็นการเพิ่มภาระผู้ปกครอง และโรงเรียน อีกทั้งในขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนด้วยว่า แท็บเล็ต 1 ล้านเครื่อง มีการส่งมอบกันครบถ้วนแล้วหรือยัง การตรวจสอบในการติดตั้งดังกล่าว จะเป็นอย่างไร ส่วนไหนที่จะติดตั้งไปพร้อมเครื่องได้เลยก่อนที่จะส่งไปยังโรงเรียน มีการจำแนกแยกแยะไว้เพื่อให้เกิดความโปร่งใสหรือไม่
3. เหตุใดไอซีที จึงไม่มีการบล็อกตั้งแต่ต้นทาง เพราะมีการระบุว่าไม่เน้นให้เด็กใช้แบบออนไลน์ แต่มุ่งให้ใช้เป็นสื่อการสอนโดยให้ใช้แบบออฟไลน์ จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องติดตั้งระบบ wifi ในตัวเครื่องมาตั้งแต่ต้น ซึ่งจะทำให้ช่วยลดงบประมาณการจัดซื้อเครื่องแท็บเล็ตลงได้ด้วย
4. กรณีที่ปรึกษา รมว.ไอซีที ระบุว่าการติดตั้งโปรแกรมดังกล่าว ไม่ใช่เรื่องวัวหายแล้วล้อมคอก แต่ดำเนินการตามขั้นตอนเพราะมีการจัดงบประมาณสำหรับเรื่องซอฟต์แวร์ไว้แล้วนั้น ก็ต้องชี้แจงให้ชัดเจนว่า เมื่อเตรียมงบประมาณแล้วทำไมไม่ทำให้แล้วเสร็จตั้งแต่ก่อนแจกเครื่อง แต่กลับมาดำเนินการหลังพบปัญหา และมีการร้องเรียนจากประชาชน
นายบุญยอด กล่าวด้วยว่า สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนถึงความสับสนในเชิงนโยบาย เพราะระดับรัฐมนตรี กับนายกรัฐมนตรี ก็พูดไม่ตรงกัน เกี่ยวกับการใช้งาน โดยนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ต้องการให้เด็กได้มีโอกาสสร้างฐานความรู้ต่อยอดจากการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต แต่ รมว.ไอซีที บอกว่า เน้นให้ใช้งานแบบออฟไลน์ ถามว่าตกลงนโยบายรัฐบาลที่มีการแจกเครื่องแท็บเล็ตให้เด็กคืออะไร เพราะเท่ากับพวกท่านตั้งโครงการขึ้นมาใช้งบประมาณกว่า 2 พันล้านบาท แต่ตลอดการดำเนินการเต็มไปด้วยความสับสน และคำถาม ตั้งแต่การจัดซื้อจัดจ้างที่บริษัทเสิ่นเจิ้นสโคป ได้รับงาน ไปจนถึงการส่งมอบ การจัดศูนย์บริการให้เพียงพอตามสัญญา จนกระทั่งมาถึงปัญหาการใช้งานเกี่ยวกับการเชื่อมต่อกับระบบอินเตอร์เน็ต
" ผมอยากถามว่าพวกท่านเอาสมองส่วนไหนคิด ที่จะเอาเงินภาษีประชาชน 120 ล้านบาท มาใช้ในการเขียนโปรแกรมบล็อกเว็บไม่เหมาะสม ในช่วงเวลาเพียงแค่ 1 ปี สิ่งที่ที่ปรึกษา รมว.ไอซีที พูดสะท้อนถึงสติปัญญาของรัฐมนตรีด้วยว่า อยู่ในระดับไหน จึงได้เลือกที่ปรึกษาแบบนี้เข้ามาดูแลโครงการหลายพันล้านบาท ผมจะเสนอต่อพรรคให้อภิปรายไม่ไว้วางใจ นาวาอากาศเอก อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.ไอซีที เพราะมีความชัดเจนว่ากระบวนการเกี่ยวกับการดำเนินการในโครงการเท็บเล็ตเด็ก ป.1 นั้น น่าจะเข้าข่ายไม่ถูกต้อง และยังทำให้เกิดค่าใช้จ่ายที่มากเกินจำเป็น ทำให้ประชาชนเสียประโยชน์ แต่คนที่ได้ประโยชน์คือเอกชน ผมขอถามไปยังที่ปรึกษา และ รมว.ไอซีที ว่า ที่พวกท่านกำลังทำอยู่จะให้เรียกว่าเป็นโกหกสีขาวหรือว่า เป็นการโกหกเพื่อเอาตัวรอดไปวันๆ กันแน่" นายบุญยอด กล่าว
1. การเซ็นต์สัญญา 1 ปีวงเงิน 120 ล้านบาท เพื่อใช้โปรแกรมดังกล่าว หมายถึงว่า ทุกปีจะต้องใช้งบประมาณ 120 ล้าน เพื่อบล็อคเว็บโป๊ จนกว่าเครื่องจะพังใช่หรือไม่ เป็นการใช้งบประมาณที่คุ้มค่า และแก้ปัญหาอย่างถูกทางหรือเปล่า และราคา 120 ล้านบาท แพงเกินไปหรือไม่ มีการประมูลงานที่ถูกต้องตามระเบียบราชการหรือไม่ อย่างไร
2. การจะติดตั้งโปรแกรมดังกล่าว เท่ากับว่าจะต้องมีการเรียกเครื่องแท็บเล็ตที่แจกไปแล้วกลับคืนมา เพื่อติดตั้ง ถามว่าความไม่รอบคอบของกระทรวงไอซีที ที่ไม่ป้องกันตั้งแต่แรก ยิ่งเป็นการเพิ่มภาระผู้ปกครอง และโรงเรียน อีกทั้งในขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนด้วยว่า แท็บเล็ต 1 ล้านเครื่อง มีการส่งมอบกันครบถ้วนแล้วหรือยัง การตรวจสอบในการติดตั้งดังกล่าว จะเป็นอย่างไร ส่วนไหนที่จะติดตั้งไปพร้อมเครื่องได้เลยก่อนที่จะส่งไปยังโรงเรียน มีการจำแนกแยกแยะไว้เพื่อให้เกิดความโปร่งใสหรือไม่
3. เหตุใดไอซีที จึงไม่มีการบล็อกตั้งแต่ต้นทาง เพราะมีการระบุว่าไม่เน้นให้เด็กใช้แบบออนไลน์ แต่มุ่งให้ใช้เป็นสื่อการสอนโดยให้ใช้แบบออฟไลน์ จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องติดตั้งระบบ wifi ในตัวเครื่องมาตั้งแต่ต้น ซึ่งจะทำให้ช่วยลดงบประมาณการจัดซื้อเครื่องแท็บเล็ตลงได้ด้วย
4. กรณีที่ปรึกษา รมว.ไอซีที ระบุว่าการติดตั้งโปรแกรมดังกล่าว ไม่ใช่เรื่องวัวหายแล้วล้อมคอก แต่ดำเนินการตามขั้นตอนเพราะมีการจัดงบประมาณสำหรับเรื่องซอฟต์แวร์ไว้แล้วนั้น ก็ต้องชี้แจงให้ชัดเจนว่า เมื่อเตรียมงบประมาณแล้วทำไมไม่ทำให้แล้วเสร็จตั้งแต่ก่อนแจกเครื่อง แต่กลับมาดำเนินการหลังพบปัญหา และมีการร้องเรียนจากประชาชน
นายบุญยอด กล่าวด้วยว่า สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนถึงความสับสนในเชิงนโยบาย เพราะระดับรัฐมนตรี กับนายกรัฐมนตรี ก็พูดไม่ตรงกัน เกี่ยวกับการใช้งาน โดยนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ต้องการให้เด็กได้มีโอกาสสร้างฐานความรู้ต่อยอดจากการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต แต่ รมว.ไอซีที บอกว่า เน้นให้ใช้งานแบบออฟไลน์ ถามว่าตกลงนโยบายรัฐบาลที่มีการแจกเครื่องแท็บเล็ตให้เด็กคืออะไร เพราะเท่ากับพวกท่านตั้งโครงการขึ้นมาใช้งบประมาณกว่า 2 พันล้านบาท แต่ตลอดการดำเนินการเต็มไปด้วยความสับสน และคำถาม ตั้งแต่การจัดซื้อจัดจ้างที่บริษัทเสิ่นเจิ้นสโคป ได้รับงาน ไปจนถึงการส่งมอบ การจัดศูนย์บริการให้เพียงพอตามสัญญา จนกระทั่งมาถึงปัญหาการใช้งานเกี่ยวกับการเชื่อมต่อกับระบบอินเตอร์เน็ต
" ผมอยากถามว่าพวกท่านเอาสมองส่วนไหนคิด ที่จะเอาเงินภาษีประชาชน 120 ล้านบาท มาใช้ในการเขียนโปรแกรมบล็อกเว็บไม่เหมาะสม ในช่วงเวลาเพียงแค่ 1 ปี สิ่งที่ที่ปรึกษา รมว.ไอซีที พูดสะท้อนถึงสติปัญญาของรัฐมนตรีด้วยว่า อยู่ในระดับไหน จึงได้เลือกที่ปรึกษาแบบนี้เข้ามาดูแลโครงการหลายพันล้านบาท ผมจะเสนอต่อพรรคให้อภิปรายไม่ไว้วางใจ นาวาอากาศเอก อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.ไอซีที เพราะมีความชัดเจนว่ากระบวนการเกี่ยวกับการดำเนินการในโครงการเท็บเล็ตเด็ก ป.1 นั้น น่าจะเข้าข่ายไม่ถูกต้อง และยังทำให้เกิดค่าใช้จ่ายที่มากเกินจำเป็น ทำให้ประชาชนเสียประโยชน์ แต่คนที่ได้ประโยชน์คือเอกชน ผมขอถามไปยังที่ปรึกษา และ รมว.ไอซีที ว่า ที่พวกท่านกำลังทำอยู่จะให้เรียกว่าเป็นโกหกสีขาวหรือว่า เป็นการโกหกเพื่อเอาตัวรอดไปวันๆ กันแน่" นายบุญยอด กล่าว