คนที่ติดตามข่าวสารบ้านเมืองมาตลอด โดยเฉพาะผู้ที่เคยร่วมเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ หรือเกี่ยวข้องให้การสนับสนุน หรือแม้กระทั่งผู้ที่ถูกระบุว่าเป็นพลังเงียบ แต่รู้สึกเข้าอกเข้าใจกลุ่มคนที่ออกไปเคลื่อนไหว ห้วงเวลานี้คงเดือดเนื้อร้อนใจ อึดอัด ขัดข้อง หมองขุ่นกันถ้วนหน้ากับสถานการณ์บ้านเมือง
โดยเฉพาะในช่วงที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กุมบังเหียนประเทศชาติมาครบรอบ 1 ขวบปีเต็ม!!
คงไม่ต้องแจกแจงรายละเอียดว่าอะไรคือสาเหตุ เพราะได้เห็นกันทนโท่แล้วกับละครการเมืองเรื่องของการยึดอำนาจและแย่งชิงผลประโยชน์
อันเป็นละครภายใต้การกำกับของนักโทษหนีคุกทักษิณ ชินวัตร ที่มีเสียงร่ำลือว่า แม้ต้องไปเร่ร่อนอยู่นอกประเทศ แต่ได้ตั้งตัวเองเป็นประธานาธิบดีรัฐไทยใหม่ แล้วยื่นมือเข้ามาชักใยกลุ่มก๊วนและน้องสาวในประเทศ
มีกระแสเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นที่ประหวั่นพรั่นพรึงกันไปต่างๆ นานา ถึงขั้นมีคนระบุว่า ห้วงเวลานี้สังคมไทยกำลังเดินหน้าไปสู่หุบเหวแห่งความรุนแรง บ้างก็ว่าเข้าใกล้จุดวิกฤตแบบสุดๆ หรือไม่ก็ชี้ว่าเป็นจุดพลิกผันครั้งสำคัญที่สุดทางการเมือง อันจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ชาติไทย
พอได้ยินได้ฟังแล้วความรู้สึกยิ่งถูกทับถมเพิ่มขึ้นไปอีก!!
สำหรับผมห้วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ ไม่มีทางออกอะไรดีไปกว่าการแปรความรู้สึกที่ถูกถมทับให้เป็นความคิดสร้างสรรค์ขึ้นมาเสียเลย!!
โดยประมวลภาพการบริหารบ้านเมืองของรัฐบาลปูนิ่มในรอบ 1 ขวบปี แล้วลองหาคำจำกัดความตั้งเป็นคำขวัญเท่ๆ เหมือนกับที่เขาทำจนเป็นที่สนุกสนานกันทุกๆ ปี
โดยเฉพาะช่วงวันสองวันมานี้ใช้ความพยายามหาข้อมูลผลงานรัฐบาลอย่างหนัก แต่สิ่งที่ได้ผมกลับรู้สึกว่าไม่รู้ทำไมมันมีแต่เรื่องเลอะเทอะเปรอะไปหมด ไม่เป็นโล้เป็นพาย ไม่เป็นชิ้นเป็นอันเท่าไหร่
เรื่องดีๆ หาได้ยากยิ่ง แต่เรื่องไม่ดีไม่งามกลับถูกหยิบยกเอาไปใช้เชิดหน้าชูตากันเสียฉิบ?!
โดยเฉพาะเมื่อประมวลจากคำแถลงผลงานรอบ 1 ปีของรัฐมนตรีประจำกระทรวงต่างๆ ที่ทยอยนำเสนอกันอยู่ อย่างที่ เดอะปึ้ง-สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล แห่งกระทรวงการต่างประเทศตั้งอกตั้งใจนำเสนอต่อสาธารณชนไปแล้วไง
อย่างไรก็ตาม นิยาม 1 ขวบปีรัฐบาลปูนิ่มที่ผมพยายามประมวลแล้วประมวลอีกจนกลั่นออกมาได้ แม้จะไม่ดีนัก เพราะยังเก็บความคิดหรือความรู้สึกได้ไม่หมด อีกทั้งอาจจะยังไม่เพราะพริ้งเพียงพอ แต่ผมก็ว่าน่าจะได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งก็เอามาตั้งเป็นชื่อบทความชิ้นนี้นั่นเอง?!
ประเด็นแรกในรอบ 1 ขวบปีภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลปูนิ่ม ประเทศไทยได้กลายเป็น “รัฐที่ล้มเหลว” อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว หากใครว่าไม่จริงลองนำไปเทียบกับคำนิยามที่เป็นที่เปิดเผยและเผยแพร่จนเข้าใจกันแล้วดูนะครับ
รัฐที่ล้มเหลว (Failed State) หมายถึงรัฐที่ไม่สามารถบริหารการปกครองได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือไม่สามารถดำรงรักษาไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อยภายใน มีความขัดแย้งทางการเมืองและสังคมอย่างรุนแรง มีการเปลี่ยนรัฐบาลบ่อย รัฐบาลและกลไกรัฐขาดความมั่นคงและประสิทธิภาพ จนไม่สามารถบริหารประเทศและแก้ปัญหาต่างๆ ให้ประสบผลสำเร็จได้
ท่านผู้อ่านว่าสังคมไทยเราภายใต้อุ้งมือรัฐบาลปูนิ่มช่วง 1 ขวบปีที่ผ่านมา ได้ถูกกระทำต่อเนื่องจนเข้าหลักการรัฐที่ล้มเหลวไปแล้วกี่ข้อครับ??
ประเด็น “รมต.โกหก” เรื่องนี้ไม่เพียงข่าวที่ยังเป็นที่ฮือฮาและที่สั่นสะเทือนสังคมไทยทั้งในและนอกประเทศคือ การโกหกสีขาว (White lie) ของ เดอะโต้ง-กิตติรัตน์ ณ ระนอง เท่านั้น แต่น่าจะรวมได้แทบจะทุกเรื่องที่แต่ละ รมต.ชักแถวออกบอกอะไรกับสังคม โดยเฉพาะคนจากใน ครม.ปูนิ่มทั้ง 2 ชุดในรอบ 1 ขวบปีที่ผ่านมา
19 เรื่องโกหกสีขาวที่พลพรรคประชาธิปัตย์ฝ่ายค้านมือหนึ่งของไทย ได้เตรียมหยิบยกไปถล่มรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยนั้น น่าจะเป็นแค่เรื่องจิ๊บๆ ตามวิสัยแมลงสาบที่แค่ชอบดมดอมแล้วสร้างความรำคาญเสียมากกว่า
ขอหยิบยกมาแค่เตือนความจำกันพอเป็นสีสัน ซึ่งเป็นการโกหกทั้งสีขาวและสีอื่นๆ และหลุดจากปากของทั้งหัวแถวถึงท้ายแถวใน ครม.ไล่เลียงได้ตั้งแต่คำประกาศเรื่องฉุดค่าครองชีพให้ต่ำ ดันรายได้ประชาชนให้สูงขึ้น กระชากราคาน้ำมันให้ลดลง ค่าแรง 300 บาท/วัน เงินเดือน 15,000 บาท/เดือน กรณีชั้น 7 โฟร์ซีซั่นส์ มหาอุทกภัย จำนำข้าว การตั้งราคาน้ำมันและการถ่ายเทผลประโยชน์ใน ปตท. การแก้รัฐธรรมนูญ กฎหมายปรองดอง ฯลฯ
เหล่านี้ไม่รู้ว่ามีการโกหกมาแล้วกี่พะเรอเกวียน มิพักต้องพูดถึงการแหลเพื่อพี่ หรือใครๆ อีกมากมายที่ชอบอ้างประเทศชาติและประชาชน แต่แท้จริงเป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ของคนที่บงการอยู่ต่างประเทศ
ด้านประเด็น “นายกฯ งี่เง่า” ผมคิดว่าคงไม่ต้องกล่าวอะไรซ้ำซากให้เปลื้องตัวอักษรไปมากกว่านี้เลย เอาเป็นว่ามันจี๊ดอยู่ในหัวใจท่านผู้อ่านมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งมาแล้วนั่นแหละ?!
เอาแค่พอเป็นกระษัยในเรื่องที่ปล่อยไก่ได้ตลอด เช่น หญ้าแพรก เรือดำน้ำ พฤศจิกาคม จังหวัดหาดใหญ่ ประเทศซิดนีย์ ประธานาธิบดีมาเลเซีย ห้าหมื่นสามแสนเก้าร้อยสิบแปดล้านบาท มวยปล้ำ เอาหินโยนลงทะเลที่ประตูน้ำบางโฉมศรี จ.สิงห์บุรี เหล่านี้ยังไม่รวมเรื่องเสร่อๆ ต่อหน้าผู้นำนานาชาติอีกมากมาย
ส่วนประเด็นสุดท้ายก็อย่างที่ว่าล่ะครับ นอกจากกรณีชั้น 7 โฟร์ซีซั่นส์แล้ว ผมไม่เห็นว่าในรอบ 1 ขวบปีที่ผ่านมา การบริหารงานของรัฐบาลปูนิ่มในด้านที่ทำเพื่อชาติและประชาชนจริงๆ สามารถเอาอะไรได้อยู่สักเรื่องเดียว แต่ที่ยังเดินหน้ากันต่อไปก็เพราะ...
แม้พวกตูจะ “เอาไม่อยู่” แต่พวกตูยัง “หน้าด้าน” เท่านั้นเอง?!?!