ASTVผู้จัดการรายวัน - บุญทรง” ชี้ปรับเป้าส่งออกไม่ใช่เรื่องเสียหน้า เตรียมเรียกผู้ประกอบการส่งออก 7 กลุ่มหลักหารือ 3 ก.ย.นี้ เพื่อทบทวนตัวเลขส่งออกปีนี้ใหม่ ด้านผู้ประกอบการไทยคาดปีนี้ส่งออกโตเกิน 8% เนื่องจากรายใหญ่เร่งส่งออก
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) ว่า จะมีการประชุมคณะทำงานติดตามสถานการณ์และขับเคลื่อนการส่งออกยังตลาดในภูมิภาคยุโรปและตลาดศักยภาพอื่นๆ โดยให้กรมส่งเสริมการส่งออกเรียกตัวแทนผู้ประกอบการส่งออก 7 กลุ่มหลัก ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์ ชิ้นส่วนประกอบ อิเล็กทรอนิกส์ สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม อาหาร อัญมณี และสินค้าเกษตรแปรรูป เพื่อประเมินสถานการณ์ส่งออกในช่วงครึ่งปีหลังในวันที่ 3 ก.ย.นี้ ว่า ทิศทางการส่งออกจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ทางกระทรวงพาณิชย์ได้เคยประเมินไว้ก่อนหน้านี้หรือไม่
”เป้าส่งออกปีนี้คงต้องมีการทบทวนใหม่แน่นอน เพราะปัญหาเศรษฐกิจในกลุ่มยุโรปยังไม่ฟื้นตัว และหากปรับเป้าส่งออกจากเดิม 15% เหลือตัวเลขหลักเดียวที่ 7-9% ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหน้าอะไร เพราะตัวเลขที่กระทรวงประกาศออกไปเป็นเป้าหมายในการทำงานเพื่อผลักดันการส่งออก แต่เมื่อมีหลายปัจจัยเข้ามากระทบก็เป็นเรื่องที่ยอมรับได้”นายบุญทรง กล่าว
ส่วนกรณีที่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกและรมว.คลัง ออกมายอมรับว่า ตัวเลขการส่งออกไทยปีนี้ไม่ถึง 15% ตามเป้าที่ตั้งไว้ จนเกิดกรณีการวิพากษ์ว่าเป็นการโกหกเพื่อชาติ (White lie) นั้น นายบุญทรง กล่าวว่า ไม่สามารถให้ความคิดเห็นใดๆได้ แต่การทำงานของกระทรวงพาณิชย์ โดยเฉพาะการส่งออกได้แถลงสถานการณ์ส่งออกอย่างต่อเนื่องและชัดเจน แต่เมื่อไม่เป็นไปตามหวังก็เป็นเรื่องสุดวิสัย มั่นใจว่าจะไม่กระทบความเชื่อมั่นผู้ส่งออก
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 12 ก.ย.นี้ กระทรวงพาณิชย์แถลงผลงานในรอบ 1ปี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลจากทุกหน่วยงาน โดยไม่มีความกังวลว่าถูกพรรคฝ่ายค้านโจมตี เนื่องจากที่ผ่านมาตนและกระทรวงพาณิชย์ก็ทำงานอย่างเต็มที่แล้ว
นายจิรบูลย์ วิทยสิงห์ ประธานกิตติมศักดิ์สมาคมของขวัญของชำร่วยไทยและของตกแต่งบ้านและเลขาธิการสมาพันธ์ผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ไทย กล่าวถึงภาพรวมการส่งออกไทยปี 2555 น่าจะเติบโตเกิน 8% เพราะอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ได้เร่งส่งออก โดยเฉพาะยานยนต์และอิเลคโทรนิกส์ ส่วนกลุ่มอื่นๆก็เร่งผลักดันเช่นกัน แต่อาจตัวเลขชะลอตัวบ้าง ดังนั้น รัฐบาลต้องให้ความสำคัญต่อการออกมาตรการที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการโดยเฉพาะเอสเอ็ม
ส่วนตลาดไลฟ์สไตล์ปีนี้มีโอกาสโตแค่ 3-6% เพราะมีการปรับตัวหลังน้ำท่วม ทั้งการขาดแคลนวัตถุดิบและต้นทุนการผลิตสูงขึ้นจากนโยบายปรับค่าแรงงานขั้นต่ำเป็นวันละ 300 บาท และกำลังซื้อในตลาดยุโรปหดตัวหลายประเทศ ทำให้ต้องผลิตจำนวนลดลงและระมัดระวังการทำตลาดในต่างประเทศเพิ่มขึ้น แต่ปีหน้าส่งออกเพิ่มเป็น 10% โดยตลาดอาเซียนยังโต 30-40% ญี่ปุ่นโต 20% ทำให้มูลค่าการส่งออกเกิน 1 แสนล้านบาทเป็นครั้งแรก จากปีนี้น่าจะมีมูลค่ากว่า 9 หมื่นล้านบาท
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) ว่า จะมีการประชุมคณะทำงานติดตามสถานการณ์และขับเคลื่อนการส่งออกยังตลาดในภูมิภาคยุโรปและตลาดศักยภาพอื่นๆ โดยให้กรมส่งเสริมการส่งออกเรียกตัวแทนผู้ประกอบการส่งออก 7 กลุ่มหลัก ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์ ชิ้นส่วนประกอบ อิเล็กทรอนิกส์ สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม อาหาร อัญมณี และสินค้าเกษตรแปรรูป เพื่อประเมินสถานการณ์ส่งออกในช่วงครึ่งปีหลังในวันที่ 3 ก.ย.นี้ ว่า ทิศทางการส่งออกจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ทางกระทรวงพาณิชย์ได้เคยประเมินไว้ก่อนหน้านี้หรือไม่
”เป้าส่งออกปีนี้คงต้องมีการทบทวนใหม่แน่นอน เพราะปัญหาเศรษฐกิจในกลุ่มยุโรปยังไม่ฟื้นตัว และหากปรับเป้าส่งออกจากเดิม 15% เหลือตัวเลขหลักเดียวที่ 7-9% ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหน้าอะไร เพราะตัวเลขที่กระทรวงประกาศออกไปเป็นเป้าหมายในการทำงานเพื่อผลักดันการส่งออก แต่เมื่อมีหลายปัจจัยเข้ามากระทบก็เป็นเรื่องที่ยอมรับได้”นายบุญทรง กล่าว
ส่วนกรณีที่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกและรมว.คลัง ออกมายอมรับว่า ตัวเลขการส่งออกไทยปีนี้ไม่ถึง 15% ตามเป้าที่ตั้งไว้ จนเกิดกรณีการวิพากษ์ว่าเป็นการโกหกเพื่อชาติ (White lie) นั้น นายบุญทรง กล่าวว่า ไม่สามารถให้ความคิดเห็นใดๆได้ แต่การทำงานของกระทรวงพาณิชย์ โดยเฉพาะการส่งออกได้แถลงสถานการณ์ส่งออกอย่างต่อเนื่องและชัดเจน แต่เมื่อไม่เป็นไปตามหวังก็เป็นเรื่องสุดวิสัย มั่นใจว่าจะไม่กระทบความเชื่อมั่นผู้ส่งออก
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 12 ก.ย.นี้ กระทรวงพาณิชย์แถลงผลงานในรอบ 1ปี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลจากทุกหน่วยงาน โดยไม่มีความกังวลว่าถูกพรรคฝ่ายค้านโจมตี เนื่องจากที่ผ่านมาตนและกระทรวงพาณิชย์ก็ทำงานอย่างเต็มที่แล้ว
นายจิรบูลย์ วิทยสิงห์ ประธานกิตติมศักดิ์สมาคมของขวัญของชำร่วยไทยและของตกแต่งบ้านและเลขาธิการสมาพันธ์ผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ไทย กล่าวถึงภาพรวมการส่งออกไทยปี 2555 น่าจะเติบโตเกิน 8% เพราะอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ได้เร่งส่งออก โดยเฉพาะยานยนต์และอิเลคโทรนิกส์ ส่วนกลุ่มอื่นๆก็เร่งผลักดันเช่นกัน แต่อาจตัวเลขชะลอตัวบ้าง ดังนั้น รัฐบาลต้องให้ความสำคัญต่อการออกมาตรการที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการโดยเฉพาะเอสเอ็ม
ส่วนตลาดไลฟ์สไตล์ปีนี้มีโอกาสโตแค่ 3-6% เพราะมีการปรับตัวหลังน้ำท่วม ทั้งการขาดแคลนวัตถุดิบและต้นทุนการผลิตสูงขึ้นจากนโยบายปรับค่าแรงงานขั้นต่ำเป็นวันละ 300 บาท และกำลังซื้อในตลาดยุโรปหดตัวหลายประเทศ ทำให้ต้องผลิตจำนวนลดลงและระมัดระวังการทำตลาดในต่างประเทศเพิ่มขึ้น แต่ปีหน้าส่งออกเพิ่มเป็น 10% โดยตลาดอาเซียนยังโต 30-40% ญี่ปุ่นโต 20% ทำให้มูลค่าการส่งออกเกิน 1 แสนล้านบาทเป็นครั้งแรก จากปีนี้น่าจะมีมูลค่ากว่า 9 หมื่นล้านบาท