ASTVผู้จัดการรายวัน- “ประยุทธ์”ฮึม!”ดีเอสไอ”หุบปากใส่ร้ายทหารยิงเสื้อแดง ชี้คดียังไม่จบ “เหลิม”ผวา กองทัพไม่พอใจ ส่ง “ภาณุพงศ์”ตท.ร่วมรุ่น “บิ๊กตู่”ไปเคลียร์ ชิงบอกจ้องเอาผิดเฉพาะผู้สั่งการ ส่วนทหารกม. คุ้มครอง100% “ธาริต”ปัดพาดพิงกองทัพ เผยชันสูตรสลายชุมนุมเสร็จ19ราย
วานนี้ (16 ส.ค.55) ที่สโมสรทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ออกมาเปิดเผยผลการสอบสวนคดีการสลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 ว่า การเสียชีวิตของประชาชนเกิดการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐว่า ทุกอย่างเป็นเรื่องของประบวนการยุติธรรม ถ้ายังไม่ยุติก็ไม่สมควรออกมาพูดจา ซึ่งได้ขอร้องผ่านนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอกันไปแล้ว ซึ่งท่านรับปากว่า จะดูให้ และท่านได้ขอโทษ รวมถึงบอกว่า จะไปบอกนายประเวศน์ มูลประมุข รองอธิบดีดีเอสไอให้ ซึ่งทางรัฐบาลตอบกลับมาว่า จะให้ลดเรื่องนี้ลงไป ทั้งนี้ขอร้องกันให้หยุดพูด เพราะคดียังไม่สิ้นสุด จะไปทำอะไรกัน ตนไม่รู้ แต่ทั้งหมดมีผู้เสียหายทั้งสองฝ่าย ต้องเห็นใจตน เพราะตนดูแลลูกน้อง และครอบครัว ลูก เมียเขา ขอให้เข้าใจแค่นี้ ตนไม่ได้ต่อต้านใคร แต่ต้องเห็นใจเพราะมีเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ประชาชน ที่เสียชีวิต และชัดเจนว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ยิง เมื่อไม่ใช่เจ้าหน้าที่ยิงแล้วใครยิงก็ต้องไปหากันมา ถ้าจะพูดขอให้พูดทั้ง2ทาง ขอให้พูดในส่วนของเจ้าหน้าที่ด้วยว่า เขาบาดเจ็บและเสียชีวิตจากใคร ตนไม่อยากไปรื้อฟื้น เพราะตนเป็นผุ้บังคับบัญชารู้ว่า อะไรควรพุด อะไรไม่ควรพุด
เมื่อถามถึงกรณีที่ทางดีเอสไอจะเรียกทหารสไนเปอร์ที่อยู่ในคลิปมาให้ปากคำ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้อนถามว่า สไนเปอร์อะไร ใครเป็นคนใช้สไนเปอร์ แล้วรู้หรือไม่ว่า สไนป์เปอร์เป็นใคร ซึ่งในรูปที่ปรากฎเป็นทหารที่เขาติดกล้องเฉยๆ และกล้องตัวนั้นและปืนตัวนั้นไม่ใช่แบบสไนเปอร์ ถ้าพูดแล้วไม่รู้ อย่าพูดดีกว่า แต่สิ่งที่ใช้เพื่อใช้ระวังป้องกัน ซึ่งในตลาดนัดก็มีขายที่ใช้สำหรับยิงนก ไม่ใช่สไนเปอร์ อย่าพูดเรื่อยเปื่อย
เมื่อถามถึงกรณีที่คณะกรรมาธิการทหาร(กมธ.ทหาร) สภาผู้แทนราษฎรระบุว่า ในปี 53 มีการเบิกกระสุนมา 3 พันนัด ใช้ไป 800 นัด อยากทราบว่า กระสุนที่เหลือหายไปไหน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กระสุนที่เขาเบิกมา เมื่อเหลือเขาก็จะส่งคืน นอกเหนือจากนั้นใช้ฝึกหัด และจำหน่ายต่อไป ไม่เห็นว่า จะต้องไปยิง อยากถามว่า ถ้าเขาเบิกไป 3 พันนัด ยิงไป 300 นัด ขาดไป 2700 นัด แสดงว่าต้องมีคนตาย 2700 คนหรือไม่ ถามว่า คนตายอยู่ที่ไหน มีใครบอกว่า ทหารเอาปืนไปยิงคน สื่อไปเอามาจากไหน ต้องไปถามข้อมูลจากคณะกรรมาธิการทหาร เพราะตนถามลูกน้อง เขาบอกว่า ไม่ได้ยิงใครสักคน มีแต่โดนยิง
**ธาริตปัดพาดพิงกองทัพยิงผู้ชุมนุม
ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวถึงกรณีที่กองทัพบกออกมาแสดงความไม่พอใจ ว่า ตนไม่ได้เป็นคนให้สัมภาษณ์ และไม่ใช่ผู้ที่ออกมาเปิดเผยรายละเอียดในส่วนดังกล่าว เพราะหลังการประชุมคณะพนักงานสอบสวนชุดใหม่เมื่อวันที่ 8 ส.ค. ที่ผ่านมา ยังไม่มีการรายงานความคืบหน้าใดๆ มาถึงตน รวมถึงกำหนดการลงพื้นที่สอบปากคำมือยิงสไนเปอร์ ดังนั้น ต้องสอบถามข้อเท็จจริงกับผู้ที่ให้ข้อมูลเอง
**เหลิมผวาส่งภาณุพงศ์เคลียร์ใจ
ที่รัฐสภา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การที่ผบ.ทบ.แสดงความเป็นห่วงผู้ใต้บังคับบัญชานั้น ถูกต้องแล้ว โดยเฉพาะเรื่องขวัญและกำลังใจ เมื่อวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้มอบหมายพล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รอง ผบ.ตร. ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นโรงเรียนเตรียมทหารกับพล.อ.ประยุทธ์ ไปชี้แจงทำความเข้าใจกับพล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รอง ผบ.ทบ.เพื่อนำเรียนผบ.ทบ.ให้ทราบว่า ข้อเท็จจริงข้าราชการผู้ปฏิบัติหน้าที่ได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 70 และ 152 เรื่องนี้เกิดจากดีเอสไอได้รับคำร้องทุกข์ก็ต้องดำเนินการเรียกสอบเจ้าหน้าที่และจะกันเป็นพยาน ซึ่งหลังการพูดคุย พล.ต.อ.ภานุพงศ์โทรศัพท์มารายงานตนว่า ผบ.ทบ.เข้าใจ ดังนั้นไม่มีหรอกที่รัฐบาลนี้กับทหารจะแตกแยก
เมื่อถามว่า เป็นการไปยืนยันว่า ทหารจะไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เป็นการให้ความเข้าใจกับทหาร เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานต้องได้รับความคุ้มครองแน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์ รัฐบาลไม่มีเจตนาทำร้าย ทำลายกองทัพ
ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์ระบุว่าเป็นการกลั่นแกล้งนั้น ไม่มีแน่นอนทุกอย่างเป็นไปตามพยานหลักฐาน ไม่มีใครเป็นเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงข้อกฎหมายได้และยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับกรณีที่ฝ่ายค้านจะขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทั้งนี้ขอให้สัมภาษณ์เรื่องนี้เป็นครั้งสุดท้ายและไม่พูดอีกแล้ว
เมื่อถามว่า นายทหารที่ร่วมประชุมก่อนจะมีคำสั่งสลายชุมนุมมีความผิดด้วยหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ผิด เจ้าหน้าที่ไม่ผิด
เมื่อถามต่อว่า ท้ายที่สุดความผิดจะอยู่เฉพาะฝ่ายการเมือง ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ใครเป็นคนสั่งการก็ผิด
**มาร์คไม่หวั่นสอบมือสไนเปอร์
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ไม่รู้สึกกังวลเพราะทราบว่าข้อเท็จจริงคืออะไรและเห็นว่าเป็นความพยายามของฝ่ายการเมืองจะดำเนินการในเรื่องนี้ ซึ่งไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมาย แต่เจ้าหน้าที่จะต้องปฏิบัติตรงไปตรงมา หากมีการกลั่นแกล้ง พวกตนก็สามารถใช้สิทธิตามกฎหมายได้และเห็นว่า ร.ต.อ.เฉลิม พยายามทำผลงานในเรื่องนี้ แต่ขอเตือนว่าหากกลั่นแกล้ง หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จะต้องถูกฟ้องร้อง
**เผยชันสูตรสลายชุมนุมเสร็จ19ราย
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลพล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น.รับผิดชอบงานด้านการสอบสวน ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานสอบสวนสำนวนคดีชันสูตรพลิกศพผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมคนเสื้อแดงเมื่อปี 2553 เปิดเผยว่า ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษส่งมอบสำนวน22คดีมาให้ บช.น.สอบสวนชันสูตรพลิกศพตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา150 นั้นคณะพนักงานสอบสวนร่วมกับพนักงานอัยการได้สอบสวนสำนวนคดีดังกล่าวเสร็จสิ้นแล้ว 19 สำนวนอยู่ระหว่างการสอบสวน 3 สำนวนคือสำนวนชันสูตรพลิกศพพลตรีขัตติยะ สวัสดิผลและผู้เสียชีวิต 2 ราย
สำนวนคดีที่ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว 19 สำนวนนั้นมีคดีที่มีความชัดเจนโดยศาลนัดฟังคำสั่งในวันที่ 17 ก.ย.เวลา 09.00 น.เป็นคดีตามคำร้องของศาลอาญาที่ อช.2/2553คดีชันสูตรพลิกศพของ สน.พญาไทที่ ช.57/2553นายพัน คำกอง ถูกยิงเสียชีวิตที่หน้าอาคารไอดีโอคอนโด ถนนราชปรารภ เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2553 ศาลได้สืบพยานโจทก์และเจ้าหน้าที่ผุ้ปฏิบัติเสร็จสิ้นแล้ว
ส่วนคดีชันสูตรพลิกศพนายฮิโรยูมิ มูราโมโต้ นายวสันต์ ภู่ทอง และนายทศชัย เมฆงามฟ้า ศาลอาญากรุงเทพใต้มีคำสั่งให้รวมการพิจารณาเข้าด้วยกันรวมพยานที่ต้องเบิกความทั้งสิ้น 41 ปากโดยเริ่มไตร่สวนพยานครั้งแรกในวันที่ 4 ก.ย.และกำหนดสืบพยานเสร็จภายในวันที่ 29 พ.ย. 2555 ขณะที่คดีชันสูตรพลิกศพนายฟาบิโอ ผู้สื่อข่าวและช่างภาพชาวอิตาลี ศาลอาญาใต้ได้ไต่สวน น.ส.อลิสซาเบด้า โปเลงกี้ น้องสาวของนายฟาบิโอและพนักงานสอบสวนผู้ร้องไว้แล้วขณะนี้คดีอยู่ระหว่างพิจารณา.
วานนี้ (16 ส.ค.55) ที่สโมสรทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ออกมาเปิดเผยผลการสอบสวนคดีการสลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 ว่า การเสียชีวิตของประชาชนเกิดการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐว่า ทุกอย่างเป็นเรื่องของประบวนการยุติธรรม ถ้ายังไม่ยุติก็ไม่สมควรออกมาพูดจา ซึ่งได้ขอร้องผ่านนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอกันไปแล้ว ซึ่งท่านรับปากว่า จะดูให้ และท่านได้ขอโทษ รวมถึงบอกว่า จะไปบอกนายประเวศน์ มูลประมุข รองอธิบดีดีเอสไอให้ ซึ่งทางรัฐบาลตอบกลับมาว่า จะให้ลดเรื่องนี้ลงไป ทั้งนี้ขอร้องกันให้หยุดพูด เพราะคดียังไม่สิ้นสุด จะไปทำอะไรกัน ตนไม่รู้ แต่ทั้งหมดมีผู้เสียหายทั้งสองฝ่าย ต้องเห็นใจตน เพราะตนดูแลลูกน้อง และครอบครัว ลูก เมียเขา ขอให้เข้าใจแค่นี้ ตนไม่ได้ต่อต้านใคร แต่ต้องเห็นใจเพราะมีเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ประชาชน ที่เสียชีวิต และชัดเจนว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ยิง เมื่อไม่ใช่เจ้าหน้าที่ยิงแล้วใครยิงก็ต้องไปหากันมา ถ้าจะพูดขอให้พูดทั้ง2ทาง ขอให้พูดในส่วนของเจ้าหน้าที่ด้วยว่า เขาบาดเจ็บและเสียชีวิตจากใคร ตนไม่อยากไปรื้อฟื้น เพราะตนเป็นผุ้บังคับบัญชารู้ว่า อะไรควรพุด อะไรไม่ควรพุด
เมื่อถามถึงกรณีที่ทางดีเอสไอจะเรียกทหารสไนเปอร์ที่อยู่ในคลิปมาให้ปากคำ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้อนถามว่า สไนเปอร์อะไร ใครเป็นคนใช้สไนเปอร์ แล้วรู้หรือไม่ว่า สไนป์เปอร์เป็นใคร ซึ่งในรูปที่ปรากฎเป็นทหารที่เขาติดกล้องเฉยๆ และกล้องตัวนั้นและปืนตัวนั้นไม่ใช่แบบสไนเปอร์ ถ้าพูดแล้วไม่รู้ อย่าพูดดีกว่า แต่สิ่งที่ใช้เพื่อใช้ระวังป้องกัน ซึ่งในตลาดนัดก็มีขายที่ใช้สำหรับยิงนก ไม่ใช่สไนเปอร์ อย่าพูดเรื่อยเปื่อย
เมื่อถามถึงกรณีที่คณะกรรมาธิการทหาร(กมธ.ทหาร) สภาผู้แทนราษฎรระบุว่า ในปี 53 มีการเบิกกระสุนมา 3 พันนัด ใช้ไป 800 นัด อยากทราบว่า กระสุนที่เหลือหายไปไหน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กระสุนที่เขาเบิกมา เมื่อเหลือเขาก็จะส่งคืน นอกเหนือจากนั้นใช้ฝึกหัด และจำหน่ายต่อไป ไม่เห็นว่า จะต้องไปยิง อยากถามว่า ถ้าเขาเบิกไป 3 พันนัด ยิงไป 300 นัด ขาดไป 2700 นัด แสดงว่าต้องมีคนตาย 2700 คนหรือไม่ ถามว่า คนตายอยู่ที่ไหน มีใครบอกว่า ทหารเอาปืนไปยิงคน สื่อไปเอามาจากไหน ต้องไปถามข้อมูลจากคณะกรรมาธิการทหาร เพราะตนถามลูกน้อง เขาบอกว่า ไม่ได้ยิงใครสักคน มีแต่โดนยิง
**ธาริตปัดพาดพิงกองทัพยิงผู้ชุมนุม
ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวถึงกรณีที่กองทัพบกออกมาแสดงความไม่พอใจ ว่า ตนไม่ได้เป็นคนให้สัมภาษณ์ และไม่ใช่ผู้ที่ออกมาเปิดเผยรายละเอียดในส่วนดังกล่าว เพราะหลังการประชุมคณะพนักงานสอบสวนชุดใหม่เมื่อวันที่ 8 ส.ค. ที่ผ่านมา ยังไม่มีการรายงานความคืบหน้าใดๆ มาถึงตน รวมถึงกำหนดการลงพื้นที่สอบปากคำมือยิงสไนเปอร์ ดังนั้น ต้องสอบถามข้อเท็จจริงกับผู้ที่ให้ข้อมูลเอง
**เหลิมผวาส่งภาณุพงศ์เคลียร์ใจ
ที่รัฐสภา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การที่ผบ.ทบ.แสดงความเป็นห่วงผู้ใต้บังคับบัญชานั้น ถูกต้องแล้ว โดยเฉพาะเรื่องขวัญและกำลังใจ เมื่อวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้มอบหมายพล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รอง ผบ.ตร. ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นโรงเรียนเตรียมทหารกับพล.อ.ประยุทธ์ ไปชี้แจงทำความเข้าใจกับพล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รอง ผบ.ทบ.เพื่อนำเรียนผบ.ทบ.ให้ทราบว่า ข้อเท็จจริงข้าราชการผู้ปฏิบัติหน้าที่ได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 70 และ 152 เรื่องนี้เกิดจากดีเอสไอได้รับคำร้องทุกข์ก็ต้องดำเนินการเรียกสอบเจ้าหน้าที่และจะกันเป็นพยาน ซึ่งหลังการพูดคุย พล.ต.อ.ภานุพงศ์โทรศัพท์มารายงานตนว่า ผบ.ทบ.เข้าใจ ดังนั้นไม่มีหรอกที่รัฐบาลนี้กับทหารจะแตกแยก
เมื่อถามว่า เป็นการไปยืนยันว่า ทหารจะไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เป็นการให้ความเข้าใจกับทหาร เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานต้องได้รับความคุ้มครองแน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์ รัฐบาลไม่มีเจตนาทำร้าย ทำลายกองทัพ
ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์ระบุว่าเป็นการกลั่นแกล้งนั้น ไม่มีแน่นอนทุกอย่างเป็นไปตามพยานหลักฐาน ไม่มีใครเป็นเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงข้อกฎหมายได้และยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับกรณีที่ฝ่ายค้านจะขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทั้งนี้ขอให้สัมภาษณ์เรื่องนี้เป็นครั้งสุดท้ายและไม่พูดอีกแล้ว
เมื่อถามว่า นายทหารที่ร่วมประชุมก่อนจะมีคำสั่งสลายชุมนุมมีความผิดด้วยหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ผิด เจ้าหน้าที่ไม่ผิด
เมื่อถามต่อว่า ท้ายที่สุดความผิดจะอยู่เฉพาะฝ่ายการเมือง ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ใครเป็นคนสั่งการก็ผิด
**มาร์คไม่หวั่นสอบมือสไนเปอร์
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ไม่รู้สึกกังวลเพราะทราบว่าข้อเท็จจริงคืออะไรและเห็นว่าเป็นความพยายามของฝ่ายการเมืองจะดำเนินการในเรื่องนี้ ซึ่งไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมาย แต่เจ้าหน้าที่จะต้องปฏิบัติตรงไปตรงมา หากมีการกลั่นแกล้ง พวกตนก็สามารถใช้สิทธิตามกฎหมายได้และเห็นว่า ร.ต.อ.เฉลิม พยายามทำผลงานในเรื่องนี้ แต่ขอเตือนว่าหากกลั่นแกล้ง หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จะต้องถูกฟ้องร้อง
**เผยชันสูตรสลายชุมนุมเสร็จ19ราย
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลพล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น.รับผิดชอบงานด้านการสอบสวน ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานสอบสวนสำนวนคดีชันสูตรพลิกศพผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมคนเสื้อแดงเมื่อปี 2553 เปิดเผยว่า ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษส่งมอบสำนวน22คดีมาให้ บช.น.สอบสวนชันสูตรพลิกศพตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา150 นั้นคณะพนักงานสอบสวนร่วมกับพนักงานอัยการได้สอบสวนสำนวนคดีดังกล่าวเสร็จสิ้นแล้ว 19 สำนวนอยู่ระหว่างการสอบสวน 3 สำนวนคือสำนวนชันสูตรพลิกศพพลตรีขัตติยะ สวัสดิผลและผู้เสียชีวิต 2 ราย
สำนวนคดีที่ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว 19 สำนวนนั้นมีคดีที่มีความชัดเจนโดยศาลนัดฟังคำสั่งในวันที่ 17 ก.ย.เวลา 09.00 น.เป็นคดีตามคำร้องของศาลอาญาที่ อช.2/2553คดีชันสูตรพลิกศพของ สน.พญาไทที่ ช.57/2553นายพัน คำกอง ถูกยิงเสียชีวิตที่หน้าอาคารไอดีโอคอนโด ถนนราชปรารภ เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2553 ศาลได้สืบพยานโจทก์และเจ้าหน้าที่ผุ้ปฏิบัติเสร็จสิ้นแล้ว
ส่วนคดีชันสูตรพลิกศพนายฮิโรยูมิ มูราโมโต้ นายวสันต์ ภู่ทอง และนายทศชัย เมฆงามฟ้า ศาลอาญากรุงเทพใต้มีคำสั่งให้รวมการพิจารณาเข้าด้วยกันรวมพยานที่ต้องเบิกความทั้งสิ้น 41 ปากโดยเริ่มไตร่สวนพยานครั้งแรกในวันที่ 4 ก.ย.และกำหนดสืบพยานเสร็จภายในวันที่ 29 พ.ย. 2555 ขณะที่คดีชันสูตรพลิกศพนายฟาบิโอ ผู้สื่อข่าวและช่างภาพชาวอิตาลี ศาลอาญาใต้ได้ไต่สวน น.ส.อลิสซาเบด้า โปเลงกี้ น้องสาวของนายฟาบิโอและพนักงานสอบสวนผู้ร้องไว้แล้วขณะนี้คดีอยู่ระหว่างพิจารณา.