วานนี้ (13 ส.ค. 55) พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) กระทรวงยุติธรรม เปิดเผยความคืบหน้าในการตรวจสอบเจ้าหน้าที่รัฐ ร่วมมือกับนายทุน ทุจริตออกเอกสารสิทธิอันเป็นเท็จว่า ในวันที่ 14 ส.ค.นี้ จะเข้าพบน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อหารือและขอความขัดเจนว่า รัฐบาลมีนโยบายอย่างไร ในการแก้ปัญหาการบุกรุกทรัพยากรธรรมชาติ เพราะการบุกรุกทรัพยากรธรรมชาตินั้น มีทั้งนักการเมืองฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล ข้าราชการผู้ใหญ่ และเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่าง ๆ เข้าไปเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการบุกรุกพื้นที่ป่า ทั้งกระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานปฏิรูปที่ดิน และกรมป่าไม้ ต้องหารือร่วมกัน เพื่อกำหนดแนวทาง ในวันพรุ่งนี้ซึ่งจะลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ร่วมกัน คาดหวังว่าจะเป็นการป้องปราม ไม่ให้บางพื้นที่ ที่อยู่ระหว่างการออกเอกสารที่ดินเท็จ ชะงักการดำเนินการ ส่วนแปลงที่ออกไปแล้วต้องเพิกถอน ดังนั้นถ้ารัฐบาลตั้งใจทำอย่างจริงจังจะแก้ไขได้ มิเช่นนั้นจะลูบหน้าปะจมูกไปเรื่อย
"ยืนยันว่า ป.ป.ท.ทำคดีไม่เน้นว่า จะต้องเป็นนักการเมืองพรรคใด เพราะทุกพรรค ทุกฝ่าย ล้วนทำผิดหรือมีส่วนร่วมในคดีบุกรุกทรัพยากรทั้งสิ้น"เลขาธิการป.ป.ท.กล่าวและว่า ล่าสุดได้ตรวจสอบการบุกรุกพื้นที่สาธารณะ ในจังหวัดภูเก็ตอีกแปลง พบว่ามีแกนนำคนเสื้อแดง เข้าไปถือครองที่ดินและเตรียมออกเอกสารสิทธิ ทั้งที่คนที่มาเป็นแกนนำมวลชน ไม่ควรทำผิดเสียเอง เพราะจะทำให้ขาดความน่าเชื่อถือ
พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวยืนยันว่า ป.ป.ท.จะขัดขวาง ไม่ยอมให้ออกเอกสารสิทธิแน่นอน เพราะปัญหาการบุกรุกที่ดินในจังหวัดภูเก็ตขยายตัวอย่างกว้างขวาง จากการลงพื้นที่สืบสวนพบว่า มีเกาะหลายแห่ง ถูกนักการเมืองปลอมแปลงเอกสารสิทธิ เพื่อถือครองทั้งเกาะ และชักชวนต่างชาติมาพัฒนาเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยถือหุ้นในรูปแบบบริษัท เดิมคนไทยถือหุ้นร่วมกับชาวอังกฤษ ในสัดส่วน 51-49 ต่อมาถูกต่างชาติโกง นำที่ดินไปขายต่อให้นักธุรกิจชาวบูรไน ซึ่งขณะนี้ ป.ป.ท.มีข้อมูลบางส่วนแล้ว
สำหรับเจ้าหน้าที่รังวัดที่ดินภูเก็ต กับพวกอีก 7 คน ที่ร่วมกันทุจริตออกโฉนด ให้อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย และอดีตรองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต จะเสนอให้คณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง ป.ป.ท. ไต่สวนเพื่อเอาผิดทางอาญา และจะขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ เข้ามาดำเนินการ เพราะเป็นคดีที่มีผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลัง
"ส่วนที่มือดีบุกปากระจกรถ เจ้าหน้าที่ป.ป.ท.ที่นำคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่ภูเก็ต ได้กำชับเจ้าหน้าที่ระมัดระวัง เพราะถูกกลุ่มชายฉกรรจ์พกพาอาวุธติดตาม ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุปองร้ายจะทำเรื่องให้เจ้าหน้าที่ป.ป.ท.มีอำนาจพกพาอาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุน"พ.ต.อ.ดุษฎีกล่าว
"ยืนยันว่า ป.ป.ท.ทำคดีไม่เน้นว่า จะต้องเป็นนักการเมืองพรรคใด เพราะทุกพรรค ทุกฝ่าย ล้วนทำผิดหรือมีส่วนร่วมในคดีบุกรุกทรัพยากรทั้งสิ้น"เลขาธิการป.ป.ท.กล่าวและว่า ล่าสุดได้ตรวจสอบการบุกรุกพื้นที่สาธารณะ ในจังหวัดภูเก็ตอีกแปลง พบว่ามีแกนนำคนเสื้อแดง เข้าไปถือครองที่ดินและเตรียมออกเอกสารสิทธิ ทั้งที่คนที่มาเป็นแกนนำมวลชน ไม่ควรทำผิดเสียเอง เพราะจะทำให้ขาดความน่าเชื่อถือ
พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวยืนยันว่า ป.ป.ท.จะขัดขวาง ไม่ยอมให้ออกเอกสารสิทธิแน่นอน เพราะปัญหาการบุกรุกที่ดินในจังหวัดภูเก็ตขยายตัวอย่างกว้างขวาง จากการลงพื้นที่สืบสวนพบว่า มีเกาะหลายแห่ง ถูกนักการเมืองปลอมแปลงเอกสารสิทธิ เพื่อถือครองทั้งเกาะ และชักชวนต่างชาติมาพัฒนาเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยถือหุ้นในรูปแบบบริษัท เดิมคนไทยถือหุ้นร่วมกับชาวอังกฤษ ในสัดส่วน 51-49 ต่อมาถูกต่างชาติโกง นำที่ดินไปขายต่อให้นักธุรกิจชาวบูรไน ซึ่งขณะนี้ ป.ป.ท.มีข้อมูลบางส่วนแล้ว
สำหรับเจ้าหน้าที่รังวัดที่ดินภูเก็ต กับพวกอีก 7 คน ที่ร่วมกันทุจริตออกโฉนด ให้อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย และอดีตรองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต จะเสนอให้คณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง ป.ป.ท. ไต่สวนเพื่อเอาผิดทางอาญา และจะขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ เข้ามาดำเนินการ เพราะเป็นคดีที่มีผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลัง
"ส่วนที่มือดีบุกปากระจกรถ เจ้าหน้าที่ป.ป.ท.ที่นำคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่ภูเก็ต ได้กำชับเจ้าหน้าที่ระมัดระวัง เพราะถูกกลุ่มชายฉกรรจ์พกพาอาวุธติดตาม ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุปองร้ายจะทำเรื่องให้เจ้าหน้าที่ป.ป.ท.มีอำนาจพกพาอาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุน"พ.ต.อ.ดุษฎีกล่าว