ศรีไทยฯเร่งทำแผนยุทธศาสตร์ทางธุรกิจ โดยวางเป้าหมายเข้าซื้อและควบรวมกิจการในต่างประเทศในปี 59 หลังเปิดAEC ส่งผลให้บริษัทเติบโตอย่างรวดเร็ว หลังจากมีต่างชาติเสนอขายกิจการแล้ว 2-3ราย มั่นใจปีนี้ยอดขายได้ตามเป้า 7.8 พันล้านบาท หลังรับรู้รายได้โรงงานที่เวียดนาม
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัทศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างการทำแผนยุทธศาสตร์ทางธุรกิจ เพื่อการเติบโตอย่างรวดเร็วและยั่งนยืน โดยจะเน้นการซื้อหรือควบรวมกิจการ(Merger)ในต่างประเทศในธุรกิจหลัก เนื่องจากที่ผ่านมา บริษัทฯมีการขยายกิจการอย่างรวดเร็ว ทำให้เป็นที่รู้จักในต่างประเทศ ล่าสุดมีบริษัทต่างชาติที่ดำเนินธุรกิจด้านฝาปิดขวดและPreform 2-3 รายเสนอขายธุรกิจให้ แต่บริษัทฯยังไม่พิจารณา เนื่องจากยังไม่พร้อมด้านกำลังคน
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯวางเป้าหมายว่าในปี 2559 จะมองหาโอกาสการซื้อหรือควบรวมกิจการในต่างประเทศหลังจากการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)แล้ว โดยมองว่าการควบรวมกิจการจะทำได้ง่าย เนื่องจากเป็นตลาดเดียว และไม่เห็นว่าเป็นการเสียโอกาสหากไม่ทำการซื้อหรือควบรวมกิจการในช่วงนี้
สำหรับความพร้อมด้านแหล่งเงินทุนนั้น นายสนั่น กล่าวว่า ไม่มีปัญหา เนื่องจากอัตราหนี้สินต่อทุนของศรีไทยฯไม่ถึง 1 เท่า ขณะที่อุตสาหกรรมดังกล่าวมีอัตราหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 2:1 เท่า จึงมีโอกาสในการกู้ยืมเงินอีกมาก รวมทั้งผู้ถือหุ้นก็พร้อมที่จะเพิ่มทุนหากมีการลงทุนในโครงการที่ดี
สำหรับผลการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทฯยังคงเป้าหมายรายได้ที่ตั้งไว้ 7.8 พันล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 17 % โดยไตรมาส 2 /2555 นี้ บริษัทฯมียอดขายรวม 2,090 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขาย 1.8 พันล้านบาท และมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 21%ดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 2.5% โดยสัดส่วนรายได้หลักมาจากธุรกิจพลาสติก 65% ธุรกิจเมลามีน 30 %และธุรกิจซื้อมาขายไป 5 %
ผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังนี้ บริษัทฯมั่นใจว่ายอดขายจะสูงกว่า 6เดือนแรกของปีที่มียอดขายรวม 4.1 พันล้านบาท เนื่องจากทุกปียอดขายในครึ่งปีหลังจะดีกว่า และรับรู้รายได้จากโรงงานผลิตฝาปิดขวดและPreformจากเวียดนามที่เพิ่งเริ่มเปิดดำเนินงานในเดือนก.ค.นี้ คาดว่าทั้งปีจะรับรู้รายได้ 200 ล้านบาท และปีถัดไปจะรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นเป็น 900-1,000 ล้านบาทเนื่องจากบริษัทฯได้ลงทุนเพิ่มเติมอีก 650 ล้านบาทเพื่อขยายกำลังการผลิตเพิ่ม เพื่อใช้เป็นฐานการส่งออกไปยังฟิลิปปินส์และกัมพูชา โดยปีหน้าโรงงานนี้จะเดินเครื่องจักรได้เต็มที่
นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีแผนที่จะตั้งโรงงานผลิตเมลามีนที่เวียดนาม ใช้เงินลงทุน 100 ล้านบาทในปีหน้า คาดว่าจะดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2556 ส่งผลให้ยอดขายศรีไทยฯในปี 2556 เพิ่มขึ้นเป็น 9 พันล้านบาท ส่วนการขยายผลิตฝาปิดขวดและPreformในอินโดนีเซียนั้น บริษัทฯตัดสินใจว่ายังไม่มีการลงทุนโครงการดังกล่าวในช่วงนี้ เนื่องจากขาดแคลนบุคลากร คงต้องรออีกระยะหนึ่ง นอกจากนี้ยังสนใจตั้งโรงงานผลิตเมลามีนที่อินเดีย ซึ่งอยู่ระหว่างการรอรัฐบาลไทยเจรจากับอินเดีย เพื่อขอให้ปรับลดอัตราภาษีนำเข้าวัตถุดิบเมลามีนที่เดิมจัดเก็บอยู่ 28%ซึ่งเป็นอัตราเดียวกับภาษีนำเข้าผลิตภัณฑ์เมลามีน
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัทศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างการทำแผนยุทธศาสตร์ทางธุรกิจ เพื่อการเติบโตอย่างรวดเร็วและยั่งนยืน โดยจะเน้นการซื้อหรือควบรวมกิจการ(Merger)ในต่างประเทศในธุรกิจหลัก เนื่องจากที่ผ่านมา บริษัทฯมีการขยายกิจการอย่างรวดเร็ว ทำให้เป็นที่รู้จักในต่างประเทศ ล่าสุดมีบริษัทต่างชาติที่ดำเนินธุรกิจด้านฝาปิดขวดและPreform 2-3 รายเสนอขายธุรกิจให้ แต่บริษัทฯยังไม่พิจารณา เนื่องจากยังไม่พร้อมด้านกำลังคน
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯวางเป้าหมายว่าในปี 2559 จะมองหาโอกาสการซื้อหรือควบรวมกิจการในต่างประเทศหลังจากการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)แล้ว โดยมองว่าการควบรวมกิจการจะทำได้ง่าย เนื่องจากเป็นตลาดเดียว และไม่เห็นว่าเป็นการเสียโอกาสหากไม่ทำการซื้อหรือควบรวมกิจการในช่วงนี้
สำหรับความพร้อมด้านแหล่งเงินทุนนั้น นายสนั่น กล่าวว่า ไม่มีปัญหา เนื่องจากอัตราหนี้สินต่อทุนของศรีไทยฯไม่ถึง 1 เท่า ขณะที่อุตสาหกรรมดังกล่าวมีอัตราหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 2:1 เท่า จึงมีโอกาสในการกู้ยืมเงินอีกมาก รวมทั้งผู้ถือหุ้นก็พร้อมที่จะเพิ่มทุนหากมีการลงทุนในโครงการที่ดี
สำหรับผลการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทฯยังคงเป้าหมายรายได้ที่ตั้งไว้ 7.8 พันล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 17 % โดยไตรมาส 2 /2555 นี้ บริษัทฯมียอดขายรวม 2,090 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขาย 1.8 พันล้านบาท และมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 21%ดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 2.5% โดยสัดส่วนรายได้หลักมาจากธุรกิจพลาสติก 65% ธุรกิจเมลามีน 30 %และธุรกิจซื้อมาขายไป 5 %
ผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังนี้ บริษัทฯมั่นใจว่ายอดขายจะสูงกว่า 6เดือนแรกของปีที่มียอดขายรวม 4.1 พันล้านบาท เนื่องจากทุกปียอดขายในครึ่งปีหลังจะดีกว่า และรับรู้รายได้จากโรงงานผลิตฝาปิดขวดและPreformจากเวียดนามที่เพิ่งเริ่มเปิดดำเนินงานในเดือนก.ค.นี้ คาดว่าทั้งปีจะรับรู้รายได้ 200 ล้านบาท และปีถัดไปจะรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นเป็น 900-1,000 ล้านบาทเนื่องจากบริษัทฯได้ลงทุนเพิ่มเติมอีก 650 ล้านบาทเพื่อขยายกำลังการผลิตเพิ่ม เพื่อใช้เป็นฐานการส่งออกไปยังฟิลิปปินส์และกัมพูชา โดยปีหน้าโรงงานนี้จะเดินเครื่องจักรได้เต็มที่
นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีแผนที่จะตั้งโรงงานผลิตเมลามีนที่เวียดนาม ใช้เงินลงทุน 100 ล้านบาทในปีหน้า คาดว่าจะดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2556 ส่งผลให้ยอดขายศรีไทยฯในปี 2556 เพิ่มขึ้นเป็น 9 พันล้านบาท ส่วนการขยายผลิตฝาปิดขวดและPreformในอินโดนีเซียนั้น บริษัทฯตัดสินใจว่ายังไม่มีการลงทุนโครงการดังกล่าวในช่วงนี้ เนื่องจากขาดแคลนบุคลากร คงต้องรออีกระยะหนึ่ง นอกจากนี้ยังสนใจตั้งโรงงานผลิตเมลามีนที่อินเดีย ซึ่งอยู่ระหว่างการรอรัฐบาลไทยเจรจากับอินเดีย เพื่อขอให้ปรับลดอัตราภาษีนำเข้าวัตถุดิบเมลามีนที่เดิมจัดเก็บอยู่ 28%ซึ่งเป็นอัตราเดียวกับภาษีนำเข้าผลิตภัณฑ์เมลามีน