ASTVผู้จัดการรายวัน – “แฟมิลี่มาร์ทญี่ปุ่น” ยันไม่ทิ้งเมืองไทยแน่นอน จับตาไม่นานนี้มีการเปลี่ยนแปลง ปรับกลยุทธ์หาทุนไทยรับไลเซ่นส์บริหารต่อ เหตค้าปลีกไทยแข่งรุนแรง จับตา"บีเจซี-ปตท.-กลุ่มเซ็นทรัล" ร่วมแข่งขันชิงไลเซ่นส์
แหล่งข่าวจาก บริษัท สยามแฟมิลี่มาร์ท จำกัด ผู้ดำเนินร้านค้าสะดวกซื้อ แฟมิลี่ มาร์ท ในประเทศไทย กล่าวว่า คณะกรรมการบริษัทฯได้ประชุมด่วนเมื่อวันที่ 6 สิงหาคมที่ผ่านมา หลังจากเกิดกระแสว่าบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นจะถอนการลงทุนจากตลาดเมืองไทย ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด และยืนยันว่าบริษัทแม่ยังคงดำเนินกิจการในไทยต่อเนื่อง หลังจากที่เข้ามาดำเนินกิจการในไทยตั้งแต่ปี 2535
ปัจจุบันแฟมิลี่มาร์ท มีสาขาอยู่ในไทยประมาณ 713 สาขา รวมทั้งยังมีเครือขายในต่างประเทศทั่วโลก เช่น เกาหลีใต้ จีน ไต้หวัน สหรัฐอเมริกา เวียดนาม รวมกว่า 2 หมื่นสาขาทั่วโลก
โดยบริษัทแม่ให้นโยบายไว้ว่าให้หาบริษัทในไทยที่มีความสนใจและมีศักยภาพเพื่อให้เป็นผู้รับสิทธิ์การบริหาร(ไลเซนส์)ร้านค้าสะดวกซื้อแฟมิลี่มาร์ทในไทย เพาะสาเหตุที่ตลาดค้าปลีกเมืองไทยมีการแข่งขันที่รุนแรงมาก จำเป็นต้องได้ผู้ที่มีความชำนาญด้านตลาดค้าปลีกเข้ามาดำเนินการ ซึ่งจะดีกว่าการใช้ผู้บริหารจากประเทศญี่ปุ่นดำเนินการ
แหล่งข่าวจากวงการธุรกิจ กล่าวให้ความเห็นว่า ทราบมาว่าขณะนี้บริษัทสยามแฟมิลี่มาร์ท อยู่ระหว่างการเตรียมปรับโครงสร้างการบริหารในไทย หลังจากที่ทำธุรกิจในไทยมากว่า 20 ปี และมีสัมพันธภาพทางธุรกิจที่ดีกับซัพพลายเออร์และทุนใหญ่หลายราย โดยกลุ่มที่มีความสนใจเช่น กลุ่มบีเจซีในเครือของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี กลุ่มปตท. และกลุ่มเซ็นทรัล และอื่นๆที่มีความสนใจเข้าประมูลรับสิทธิ์ฯครั้งนี้ แต่ทั้งนี้ก็ยังไม่เป็นที่แน่ชัดมากนัก
ส่วนกลุ่มเซ็นทรัลนั้นก็มีความสนใจกิจการแฟมิลี่มาร์ทเช่นกัน แต่ก็อาจจะมีความเป็นไปได้น้อยกว่ากลุ่มบีเจซี เพราะปัจจุบันเซ็นทรัลมีช่องทางร้านค้าปลีกมากมายอยู่แล้ว โดยเฉพาะท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ตที่มีหลายโมเดล อีกทั้งก่อนหน้านี้กลุ่มเซ็นทรัลก็เคยทำธุรกิจมินิมาร์ทมาก่อนในชื่อว่า เซ็นทรัลมินิมาร์ท แต่สุดท้ายก็ต้องเลิกไปเพราะไม่ประสบความสำเร็จ เมื่อเกือบ 10 กว่าปีที่ผ่านมา
นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบอร์ลี่ยุคเกอร์จำกัด (มหาชน) (บีเจซี) ผู้จัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ในไทย กล่าวว่า บริษัทฯสนใจเข้าประมูลรับสิทธิ์บริหารแฟมิลี่มาร์ทในไทย เพราะเป็นกิจการค้าปลีกที่สามารถเข้ามาช่วยต่อยอดให้กับธุรกิจในอนาคตได้เป็นอย่างดี เพราะมีช่องทางร้านค้าปลีกปลายทาง คาดวาปลายเดือนสิงหาคมนี้จะได้ข้อสรุปอีกครั้ง
แหล่งข่าวจาก บริษัท สยามแฟมิลี่มาร์ท จำกัด ผู้ดำเนินร้านค้าสะดวกซื้อ แฟมิลี่ มาร์ท ในประเทศไทย กล่าวว่า คณะกรรมการบริษัทฯได้ประชุมด่วนเมื่อวันที่ 6 สิงหาคมที่ผ่านมา หลังจากเกิดกระแสว่าบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นจะถอนการลงทุนจากตลาดเมืองไทย ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด และยืนยันว่าบริษัทแม่ยังคงดำเนินกิจการในไทยต่อเนื่อง หลังจากที่เข้ามาดำเนินกิจการในไทยตั้งแต่ปี 2535
ปัจจุบันแฟมิลี่มาร์ท มีสาขาอยู่ในไทยประมาณ 713 สาขา รวมทั้งยังมีเครือขายในต่างประเทศทั่วโลก เช่น เกาหลีใต้ จีน ไต้หวัน สหรัฐอเมริกา เวียดนาม รวมกว่า 2 หมื่นสาขาทั่วโลก
โดยบริษัทแม่ให้นโยบายไว้ว่าให้หาบริษัทในไทยที่มีความสนใจและมีศักยภาพเพื่อให้เป็นผู้รับสิทธิ์การบริหาร(ไลเซนส์)ร้านค้าสะดวกซื้อแฟมิลี่มาร์ทในไทย เพาะสาเหตุที่ตลาดค้าปลีกเมืองไทยมีการแข่งขันที่รุนแรงมาก จำเป็นต้องได้ผู้ที่มีความชำนาญด้านตลาดค้าปลีกเข้ามาดำเนินการ ซึ่งจะดีกว่าการใช้ผู้บริหารจากประเทศญี่ปุ่นดำเนินการ
แหล่งข่าวจากวงการธุรกิจ กล่าวให้ความเห็นว่า ทราบมาว่าขณะนี้บริษัทสยามแฟมิลี่มาร์ท อยู่ระหว่างการเตรียมปรับโครงสร้างการบริหารในไทย หลังจากที่ทำธุรกิจในไทยมากว่า 20 ปี และมีสัมพันธภาพทางธุรกิจที่ดีกับซัพพลายเออร์และทุนใหญ่หลายราย โดยกลุ่มที่มีความสนใจเช่น กลุ่มบีเจซีในเครือของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี กลุ่มปตท. และกลุ่มเซ็นทรัล และอื่นๆที่มีความสนใจเข้าประมูลรับสิทธิ์ฯครั้งนี้ แต่ทั้งนี้ก็ยังไม่เป็นที่แน่ชัดมากนัก
ส่วนกลุ่มเซ็นทรัลนั้นก็มีความสนใจกิจการแฟมิลี่มาร์ทเช่นกัน แต่ก็อาจจะมีความเป็นไปได้น้อยกว่ากลุ่มบีเจซี เพราะปัจจุบันเซ็นทรัลมีช่องทางร้านค้าปลีกมากมายอยู่แล้ว โดยเฉพาะท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ตที่มีหลายโมเดล อีกทั้งก่อนหน้านี้กลุ่มเซ็นทรัลก็เคยทำธุรกิจมินิมาร์ทมาก่อนในชื่อว่า เซ็นทรัลมินิมาร์ท แต่สุดท้ายก็ต้องเลิกไปเพราะไม่ประสบความสำเร็จ เมื่อเกือบ 10 กว่าปีที่ผ่านมา
นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบอร์ลี่ยุคเกอร์จำกัด (มหาชน) (บีเจซี) ผู้จัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ในไทย กล่าวว่า บริษัทฯสนใจเข้าประมูลรับสิทธิ์บริหารแฟมิลี่มาร์ทในไทย เพราะเป็นกิจการค้าปลีกที่สามารถเข้ามาช่วยต่อยอดให้กับธุรกิจในอนาคตได้เป็นอย่างดี เพราะมีช่องทางร้านค้าปลีกปลายทาง คาดวาปลายเดือนสิงหาคมนี้จะได้ข้อสรุปอีกครั้ง