00 เห็นความเคลื่อนไหว นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่สั่งตั้งศูนย์ปฏิบัติการดับไฟใต้ หรือ “เพนตากอน 2” ดูแล้วขึงขังทันสมัย ประเภทเรื่อง “วอร์รูม” หรือ “บูรณาการ” เธอถนัดนัก เห็นท่องจำอยู่ตลอดเวลา อย่างไรก็ดี ไม่อยากขัดคอ ขอเอาใจช่วยให้สัมฤทธิ์ผลเสียที แม้ว่าในใจแล้วอยากปรามาสไว้ล่วงหน้าว่า “เหลว” อีก เหมือนกับการทำงานแบบหวือหวา เพื่อกลบเกลื่อนความล้มเหลวไม่เอาไหนของรัฐบาลนั่นแหละ
00 ที่บอกว่าไม่เชื่อถือ ก็เป็นเพราะเห็นรายชื่อแต่ละคนที่มีรายชื่อให้มารับผิดชอบ ที่เป็นรองนายกฯ 3 คน คือ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ดูแลกองทัพ ยงยุทธ วิชัยดิษฐ ดูแลฝ่ายปกครอง และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ดูแลสั่งการตำรวจ ภาพภายนอกอาจจะดูดี แต่ในทางปฏิบัติ ในพื้นที่มันมีเรื่อง “เอกภาพ” เข้ามาเป็นปัญหาใหญ่ และเป็นต้นเหตุหลักอย่างหนึ่ง ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากทัศนคติและตัวบุคคลที่เข้ามารับผิดชอบเรียงตัว เมื่อเห็นผลงานย้อนหลังถือว่า “ห่วยแตก” มันก็ล้มเหลวตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว
00 การแก้ปัญหาชายแดนใต้รับรองว่า ไม่เหมือนกับการนำผู้ต้องหาค้ายาบ้ามานั่งเรียงเม็ดแถลงออกสื่อแน่นอน ยิ่งประเภท “แอ็กอาร์ต” คุยโม้ ชาวบ้านที่นั่นเขาไม่ชอบ เพราะมันมีเรื่องความเชื่อ ปมทางประวัติศาสตร์ เข้ามาเกี่ยวข้อง และต้องยอมรับด้วยว่า ชายแดนใต้ยากยิ่งกว่าปัญหาคอมมิวนิสต์เสียอีก ละเอียดอ่อนกว่าหลายเท่า ล่าสุดเห็น “ด็อกเตอร์เหลิม” สรุปฟันธงสไตล์เดิมๆ ว่าเหตุระเบิดที่เพิ่งเกิดขึ้นโยงการเมือง ได้ยินแล้วได้แต่กลุ้มใจว่าเรามีคนที่เป็นถึงรองนายกฯ มีระบบคิดทุเรศแบบนี้ก็มี
00 อย่างไรก็ดี จะว่าไปแล้วปัญหาทั้งหลายทั้งปวงล้วนมีต้นเหตุมาจากยุค ทักษิณ ชินวัตร ทั้งสิ้น ที่นำ “รัฐตำรวจ” มาสุมไฟ จนกระทั่งลุกลามจนคุมไม่อยู่ในวันนี้ ในยุคของ “น้องปู” ที่เพิ่ม “จังหวัดหาดใหญ่” เข้าไปนั่นแหละ ทุด !!
00 ก่อนหน้านี้ได้ยินวิธีแก้ปัญหาของ รมว.กลาโหม เพื่อนแม้ว พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต ร่ำๆ จะใช้วิธีแข็งกร้าวมาดับไฟ ทั้งเรื่องประกาศเคอร์ฟิวส์ ใช้เฮลิคอปเตอร์บินประกบทหารภาคพื้นดินขณะลาดตระเวน แม้มองผิวเผินเป็นเจตนาเพื่อความปลอดภัยของพี่น้องทหาร และเจ้าหน้าที่ รวมทั้งชาวบ้านในพื้นที่ แต่ประเด็นก็คือ ต่อให้เพิ่มกำลังอีกร้อยเท่า ถ้าตราบใดยังไม่ได้ใจคนในพื้นที่ ไม่ได้รับความไว้วางใจให้ความร่วมมือ แจ้งข่าวความเคลื่อนไหวของคนร้าย ก็หมายถึงความล้มเหลว และเหตุการณ์ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา นั่นคือภาพสะท้อนที่ดียิ่ง แสดงให้เห็นว่ายุทธศาสตร์ “เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา” ไม่ได้ถูกนำไปใช้อย่างถูกต้อง นั่นเอง กลายเป็นว่า ฝ่ายผู้ก่อการร้ายสามารถเลือกก่อเหตุได้อย่างเสรี ได้ทุกพื้นที่ แม้แต่ในเขตเมืองชั้นใน เหตุการณ์ลอบวางระเบิดที่ริมรั้วด้านหลังนอกกำแพงโรงแรมซีเอส ปัตตานี ชี้ให้เห็นถึงศักยภาพของคนร้ายที่น่ากลัว อย่าปิดบังความจริงอีกเลย
00 ได้เห็นความทุเรศของพวกที่ทำหน้าที่ เอาแต่ “เชลียร์นาย” จะยิ่งพากันลงเหวในไม่ช้า คำพูดของรองโฆษกฯ ที่ชื่อ อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด อะไรนั่น บอกว่า การแก้ปัญหาดับไฟใต้มาถูกทางแล้ว โดยอ้างสถิติการก่อเหตุลดลง ถ้าพูดแบบนี้ แนะนำให้หุบปาก อยู่นิ่งๆ เสียดีกว่า เพราะยิ่งพูดแทนที่จะเป็นผลดีกับนายกฯปู และตำแหน่งตัวเองแล้วผลจะออกมาตรงกันข้าม ชาวบ้านเขาด่ากันขรม ยังหน้ามืดบอกว่ามาถูกทาง ทุด !!
00 ที่บอกว่าไม่เชื่อถือ ก็เป็นเพราะเห็นรายชื่อแต่ละคนที่มีรายชื่อให้มารับผิดชอบ ที่เป็นรองนายกฯ 3 คน คือ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ดูแลกองทัพ ยงยุทธ วิชัยดิษฐ ดูแลฝ่ายปกครอง และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ดูแลสั่งการตำรวจ ภาพภายนอกอาจจะดูดี แต่ในทางปฏิบัติ ในพื้นที่มันมีเรื่อง “เอกภาพ” เข้ามาเป็นปัญหาใหญ่ และเป็นต้นเหตุหลักอย่างหนึ่ง ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากทัศนคติและตัวบุคคลที่เข้ามารับผิดชอบเรียงตัว เมื่อเห็นผลงานย้อนหลังถือว่า “ห่วยแตก” มันก็ล้มเหลวตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว
00 การแก้ปัญหาชายแดนใต้รับรองว่า ไม่เหมือนกับการนำผู้ต้องหาค้ายาบ้ามานั่งเรียงเม็ดแถลงออกสื่อแน่นอน ยิ่งประเภท “แอ็กอาร์ต” คุยโม้ ชาวบ้านที่นั่นเขาไม่ชอบ เพราะมันมีเรื่องความเชื่อ ปมทางประวัติศาสตร์ เข้ามาเกี่ยวข้อง และต้องยอมรับด้วยว่า ชายแดนใต้ยากยิ่งกว่าปัญหาคอมมิวนิสต์เสียอีก ละเอียดอ่อนกว่าหลายเท่า ล่าสุดเห็น “ด็อกเตอร์เหลิม” สรุปฟันธงสไตล์เดิมๆ ว่าเหตุระเบิดที่เพิ่งเกิดขึ้นโยงการเมือง ได้ยินแล้วได้แต่กลุ้มใจว่าเรามีคนที่เป็นถึงรองนายกฯ มีระบบคิดทุเรศแบบนี้ก็มี
00 อย่างไรก็ดี จะว่าไปแล้วปัญหาทั้งหลายทั้งปวงล้วนมีต้นเหตุมาจากยุค ทักษิณ ชินวัตร ทั้งสิ้น ที่นำ “รัฐตำรวจ” มาสุมไฟ จนกระทั่งลุกลามจนคุมไม่อยู่ในวันนี้ ในยุคของ “น้องปู” ที่เพิ่ม “จังหวัดหาดใหญ่” เข้าไปนั่นแหละ ทุด !!
00 ก่อนหน้านี้ได้ยินวิธีแก้ปัญหาของ รมว.กลาโหม เพื่อนแม้ว พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต ร่ำๆ จะใช้วิธีแข็งกร้าวมาดับไฟ ทั้งเรื่องประกาศเคอร์ฟิวส์ ใช้เฮลิคอปเตอร์บินประกบทหารภาคพื้นดินขณะลาดตระเวน แม้มองผิวเผินเป็นเจตนาเพื่อความปลอดภัยของพี่น้องทหาร และเจ้าหน้าที่ รวมทั้งชาวบ้านในพื้นที่ แต่ประเด็นก็คือ ต่อให้เพิ่มกำลังอีกร้อยเท่า ถ้าตราบใดยังไม่ได้ใจคนในพื้นที่ ไม่ได้รับความไว้วางใจให้ความร่วมมือ แจ้งข่าวความเคลื่อนไหวของคนร้าย ก็หมายถึงความล้มเหลว และเหตุการณ์ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา นั่นคือภาพสะท้อนที่ดียิ่ง แสดงให้เห็นว่ายุทธศาสตร์ “เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา” ไม่ได้ถูกนำไปใช้อย่างถูกต้อง นั่นเอง กลายเป็นว่า ฝ่ายผู้ก่อการร้ายสามารถเลือกก่อเหตุได้อย่างเสรี ได้ทุกพื้นที่ แม้แต่ในเขตเมืองชั้นใน เหตุการณ์ลอบวางระเบิดที่ริมรั้วด้านหลังนอกกำแพงโรงแรมซีเอส ปัตตานี ชี้ให้เห็นถึงศักยภาพของคนร้ายที่น่ากลัว อย่าปิดบังความจริงอีกเลย
00 ได้เห็นความทุเรศของพวกที่ทำหน้าที่ เอาแต่ “เชลียร์นาย” จะยิ่งพากันลงเหวในไม่ช้า คำพูดของรองโฆษกฯ ที่ชื่อ อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด อะไรนั่น บอกว่า การแก้ปัญหาดับไฟใต้มาถูกทางแล้ว โดยอ้างสถิติการก่อเหตุลดลง ถ้าพูดแบบนี้ แนะนำให้หุบปาก อยู่นิ่งๆ เสียดีกว่า เพราะยิ่งพูดแทนที่จะเป็นผลดีกับนายกฯปู และตำแหน่งตัวเองแล้วผลจะออกมาตรงกันข้าม ชาวบ้านเขาด่ากันขรม ยังหน้ามืดบอกว่ามาถูกทาง ทุด !!