ASTVผู้จัดการรายวัน-"ธันย่า” นักแม่นปืนสาวไทยผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศในประเภทปืนสั้นสตรี 25 เมตรได้สำเร็จ แม้จะจบอันดับที่ 8 แต่ได้ใจคนไทยทั้งประเทศ ยันยังคงรับใช้ชาติต่อ ขณะที่แบดมินตัน หญิงเดี่ยว น้องเมย์ ผ่านเข้ารอบ 8 คนสุดท้าย ประเภทคู่ผสม คู่หู เต่า-ส้ม ต้านความแข็งแกร่งของ โยอาคิม ฟิสเชอร์ กับ คริสตินนา พีเดอร์เซน คู่มือ 3 ของโลกไว้ไม่อยู่ต้องหยุดการเดินทางในโอลิมปิกไว้เพียงรอบที่ 8 ทางด้าน "ซูเปอร์แมน" บุญศักดิ์ พลสนะ ให้แฟนกีฬาชาวไทยจับตาประเภทชายคู่ เชื่อมีดีคว้าเหรียญรางวัลอย่างแน่นอนส่วน
การแข่งขันโอลิมปิก 2012 เมื่อวันพุธที่ผ่านมา นักกีฬาไทยมีลุ้นเหรียญรางวัลจากการแข่งขัน ปืนสั้นสตรี 25 เมตร ซึ่งนักกีฬาไทยลงสนามสองคน ได้แก่ ธันยพร พฤษากร และ ณภัสวรรณ หย่างไพบูลย์ โดยรอบคัดเลือกเริ่มต้นในเวลา 15.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งผลงานของ ณภัสวรรณ ในรอบทดสอบความแม่นยำนั้นทำได้ไม่ดีนักก่อนจะมาตีตื้นทำคะแนนได้ในรอบยิงเร็วรวมสองรอบอยู่ที่ 566 แต้มรั้งอันดับที่ 36 ไม่ผ่านการคัดเลือก ขณะที่ ธันยพร พฤกษากร ที่ลงแข่งเป็นกลุ่มที่ 2 นั้นทำคะแนนในรอบทดสอบความแม่นยำได้อย่างยอดเยี่ยม 295 คะแนน ขณะที่รอบยิงเร็วนั้นทำได้ 291 คะแนนรวมแล้วมีคะแนนอยู่ที่ 586 เข้ารอบชิงชนะเลิศในอันดับที่ 2 โดยมีสาวนักแม่นปืนจากเกาหลีใต้ จาง มี คิม เข้าเป็นที่หนึ่งด้วยคะแนน 591 แต้มซึ่งทำลายสถิติโอลิมปิก (590) อีกด้วย
ผลงานของ "น้องธันย่า" ในรอบชิงชนะเลิศที่ทำการแข่งขันในเวลา 21.30 น. ตามเวลาในประเทศไทยนั้น ปรากฎว่าทำคะแนนจากการยิง 5 ชุดอยู่ที่ 192.4 เมื่อรวมกับคะแนนในรอบควอลิฟายด์ ซึ่ง “ธันย่า” ทำมาเป็นอันดับที่สองปรากฎว่านักแม่นปืนสาวไทยจบในอันดับที่ 8 โดยที่สาวเกาหลีใต้วัย 19 ปีเจ้าของสถิติโอลิมปิกคนล่าสุดคว้าเหรียญทองไปครอง
ภายหลังการแข่งขัน “น้องธันย่า” ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ยอมรับว่าตนเองตื่นเต้นทำให้ยิงพลาดไป แม้ว่าในชุดแรกจะทำได้ดี แต่พอชุดสองไม่เป็นไปตามที่วางแผนไว้ แต่มาถึงรอบนี้ได้ก็สมกับความตั้งใจ เพราะก่อนลงสนามตั้งใจว่าจะต้องถึงรอบชิงชนะเลิศเหมือนเมื่อ 4 ปีที่แล้วที่ปักกิ่งให้ได้
“พอได้ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ ลึกๆ ก็หวังลุ้นเหรียญเหมือนกัน แม้จะรู้ว่าคู่ต่อสู้แต่ละคนในรอบนี้ต่างมีสถิติที่ดีทั้ง 8 คนพอผลงานออกมาเป็นอย่างนี้ก็ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นและจะนำไปพัฒนาฝีมือของตนเองต่อไป”
สำหรับเรื่องของอนาคตกับทีมชาติต่อจากนี้ น้องธันย่า เผยว่า ตอนนี้คงต้องกลับไปเรียนต่อให้จบ และคิดว่ายังคงเล่นให้ทีมชาติต่อไป ส่วนอีกสี่ปีข้างหน้าจะได้ไปโอลิมปิกที่ริโอ เดอ จาเนโร หรือไม่นั้น คงต้องดูกันอีกที เพราะมีเรื่องของอันดับเข้ามาเกี่ยวข้อง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกสองครั้งได้เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศทั้งสองครั้ง ครั้งที่สามจะเป็น “เธิร์ดไทม์ ลักกี้” หรือไม่ นักแม่นปืนสาวไทยตอบด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าไปถึงขั้นนั้นก็ต้องทำให้ได้แล้ว” ทั้งนี้ น้องธันย่า ได้ฝากข้อความถึงคนไทยทั้งประเทศว่า “วันนี้หนูทำดีที่สุดแล้ว ขอบพระคุณทุกกำลังใจที่ส่งมาให้สัญญาว่าถ้ายังเล่นได้ในมาตรฐานจะคงรับใช้ทีมชาติต่อไป”
ส่วนผลงานของนักกีฬาไทยที่ สนามเวมบลีย์ อารีน่า ซึ่งทีมแบดมินตันลงทำการแข่งขันสองประเภท คือ คู่ผสมรอบก่อนรองชนะเลิศ และ หญิงเดี่ยวรอบ 16 คนสุดท้าย โดยในประเภทแรกนั้นคู่หู เต่า-ส้มต้านทานความแข็แกร่งของคู่มือ 3 โลกไว้ไม่อยู่พ่ายไปในที่สุด0-2 เซต ส่วนน้องเมย์ รัชนก ในประเภทหญิงเดี่ยวนั้น พลิกล็อกเอาชนะ จูเลียน เชงค์ มือ 6 ของโลกจากเมืองเบียร์ 2-0 เกม ลิ่วสู่รอบ 8 คนสุดท้ายได้สำเร็จ 2-0 เกม 21-16 และ 21-15 ไปพบผู้ชนะระหว่าง หวัง ซิน มือ 2 ของโลกชาวจีน หรือ อาดริอันติ เฟอร์ดาซารี จากอินโดนีเซีย ต่อไปซึ่งหลังชัยชนะในนัดนี้น้องเมย์ ถึงกับหลั่งน้ำตาที่สามารถเอาชนะคู่แข่งที่ไม่เคยชนะมาได้เลยตลอดการพบกันทั้งหมด 3 ครั้ง
โดยนักแบดฯ สาวดาวรุ่งชาวไทยได้ให้สัมภาษณ์หลังเกมส์ว่า ที่ร้องไห้หลังเกมเนื่องจากก่อนแข่งเครียดมากนอนไม่หลับเลยกว่าจะรู้เวลาแข่งก็ปาเข้าไป 5 ทุ่มเมื่อคืนแถมคู่แข่งก็เป็นจูเลียน ที่เป็นคู่แข่งคนสำคัญครั้งล่าสุดก็เป็นฝ่ายแพ้ทำให้เมื่อคืนที่ผ่านมานอนหลับบ้างไม่หลับครั้งนี้เหมือนได้เอาความกดดันทั้งหมดออกไป ส่วนหนึ่งมาจากการที่เราทำการบ้านอย่างหนักสุดท้ายก็เอาชนะได้สำเร็จเลยร้องไห้ออกมาเพื่อปลดปล่อยความกดดันทั้งหมด
สำหรับคู่ต่อกรด่านต่อไปจะเป็น หวัง ซิน มือ 2 ของโลกชาวจีน หรือ อาดริอันติ เฟอร์ดาซารี จากอินโดนีเซีย แชมป์เยาวชนโลก 3 สมัยซ้อนไล่ตั้งแต่ปี 2009 เผยว่า รอบต่อไปถ้าเจอ จีน ก็หนักเพราะเคยแพ้ที่ เอเชียน เกมส์ ส่วนถ้าเป็น อินโดนีเซีย ก็เพิ่งชนะนัดชิงที่ ซีเกมส์ ก็มาถึงจุดนี้แล้วพร้อมเจอกับทุกคนและหวังทะลุให้ลึกที่สุดเพื่อคว้าเหรียญรางวัล
ส่วนในประเภทคู่ผสม “สุดเขต” ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ต้องยอบรับว่าคู่จากเดนมาร์กเหนือกว่าเราในเกมนี้ โดยในช่วงแรกแม้เราจะออกสตาร์ทได้ดี แต่หลังจากมือชายของเดนมาร์กเริ่มจับทางได้ เขาก็คุมเกมเอาไว้ได้หมด" ส่วนอนาคตในทีมชาติและการเล่นโอลิมปิกเกมส์ในอีก 4 ปีข้างหน้านั้น ทั้งคู่ยืนยันว่าหากเป็นไปได้ก็ยังหวังที่จะกลับมาแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ให้ได้อีกครั้งอย่างแน่นอนถึงเวลานี้ ทีมแบดมินตัน ไทยยังเหลือลุ้นในอีกสองประเภท คือ หญิงเดี่ยวและชายคู่ โดยในประเภทชายคู่นั้น พี่ใหญ่ของทีม "บุญศักดิ์ พลสนะ" ได้กล่าวถึง "อาร์ต" บดินทร์ อิสระ และ "เอ" มณีพงศ์ จงจิตร สองนักแบดมินตันประเภทชายคู่ของไทยว่ามีลุ้นสร้างประวัติศาสตร์หยิบเหรียญในโอลิมปิกเกมส์ โดยชี้ว่าจุดเด่นของคู่นี้อยู่ที่การที่ถนัดซ้ายและขวาอย่างละคนทำให้สามารเล่นงานและรับมือคู่แข่งได้เป็นอย่างดี
โดยภายหลังจากสร้างผลงานผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศในการแข่งขันแบดมินตันประเภทชายคู่ที่ ลอนดอนเกมส์ ได้สำเร็จ ทั้ง "อาร์ต-บดินทร์" และ "เอ-มณีพงศ์" กลายเป็นความหวังคว้าเหรียญรางโอลิมปิกประวัติศาสตร์ให้กับสมาคมแบดมินตันฯ ทันที ซึ่งบุญศักดิ์ พลสนะในฐานะรุ่นพี่ของทีมนักตบลูกขนไก่ไทยก็เชื่อมั่นว่ารุ่นน้องมีโอกาสสร้างเซอร์ไพรส์ให้คนไทยได้ภูมิใจเช่นกัน ซึ่งบุญศักดิ์ กล่าวกับผู้สื่อข่าว ASTVผู้จัดการรายวันว่า "ฝีไม้ลายมือของทั้งเอและอาร์ตนั้นมีอยู่แล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ทั้งคู่ชนะคู่แข่งได้ใน 2 แมตช์แรก คือจิตใจที่แข็งแกร่ง และไม่กลัวใคร นอกจากนี้การที่เอถนัดมือขวาและอาร์ตถนัดมือซ้ายก็คือจุดเด่นที่ทำให้คู่นี้สอดประสานกันได้ดี ไม่ว่าจะเป็นจังหวะตั้งรับและจังหวะทำแต้มใส่คู่แข่ง"
อย่างไรก็ดี แมนที่ผ่านประสบการณ์ในโอลิมปิกมาแล้วถึง 4 สมัย ได้ออกตัวแทนน้องๆและเพื่อนในทีมแบดมินตันว่าไม่อยากให้คาดหวังถึงเหรียญรางวัลมากเกินไปจนเสียสมาธิ "แน่นอนว่าเป้าหมายของเราอยู่ที่การคว้าเหรียญประวัติศาสตร์ของแบดมินตัน แต่บางทีการพูดถึงเรื่องนี้มากเกินไปอาจทำให้น้องๆกดดัน ฉะนั้นผมมองว่าทั้งคู่น่าจะโฟกัสไปที่การแข่งขันแบบแมตช์ต่อแมตช์เริ่มจากเกมรอบก่อนรองชนะเลิศวันที่ 2 ส.ค.นี้"สำหรับ บดินทร์ อิสระ และ มณีพงศ์ จงจิตร จะทำการแข่งขันรอบ 8 คู่สุดท้าย ซึ่งต้องรอนัดตัดสินชี้ชะตาที่หนึ่งของสายดี ระหว่าง ลี ยอง แด-ชุน แจ ซุง (เกาหลีใต้, มือ 2) และ เคียน คีท คู-บูน เฮือง ตาน (มาเลเซีย) ในวันพฤหัสบดีที่ 2 ส.ค.นี้ เวลา 15.00 น.
การแข่งขันโอลิมปิก 2012 เมื่อวันพุธที่ผ่านมา นักกีฬาไทยมีลุ้นเหรียญรางวัลจากการแข่งขัน ปืนสั้นสตรี 25 เมตร ซึ่งนักกีฬาไทยลงสนามสองคน ได้แก่ ธันยพร พฤษากร และ ณภัสวรรณ หย่างไพบูลย์ โดยรอบคัดเลือกเริ่มต้นในเวลา 15.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งผลงานของ ณภัสวรรณ ในรอบทดสอบความแม่นยำนั้นทำได้ไม่ดีนักก่อนจะมาตีตื้นทำคะแนนได้ในรอบยิงเร็วรวมสองรอบอยู่ที่ 566 แต้มรั้งอันดับที่ 36 ไม่ผ่านการคัดเลือก ขณะที่ ธันยพร พฤกษากร ที่ลงแข่งเป็นกลุ่มที่ 2 นั้นทำคะแนนในรอบทดสอบความแม่นยำได้อย่างยอดเยี่ยม 295 คะแนน ขณะที่รอบยิงเร็วนั้นทำได้ 291 คะแนนรวมแล้วมีคะแนนอยู่ที่ 586 เข้ารอบชิงชนะเลิศในอันดับที่ 2 โดยมีสาวนักแม่นปืนจากเกาหลีใต้ จาง มี คิม เข้าเป็นที่หนึ่งด้วยคะแนน 591 แต้มซึ่งทำลายสถิติโอลิมปิก (590) อีกด้วย
ผลงานของ "น้องธันย่า" ในรอบชิงชนะเลิศที่ทำการแข่งขันในเวลา 21.30 น. ตามเวลาในประเทศไทยนั้น ปรากฎว่าทำคะแนนจากการยิง 5 ชุดอยู่ที่ 192.4 เมื่อรวมกับคะแนนในรอบควอลิฟายด์ ซึ่ง “ธันย่า” ทำมาเป็นอันดับที่สองปรากฎว่านักแม่นปืนสาวไทยจบในอันดับที่ 8 โดยที่สาวเกาหลีใต้วัย 19 ปีเจ้าของสถิติโอลิมปิกคนล่าสุดคว้าเหรียญทองไปครอง
ภายหลังการแข่งขัน “น้องธันย่า” ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ยอมรับว่าตนเองตื่นเต้นทำให้ยิงพลาดไป แม้ว่าในชุดแรกจะทำได้ดี แต่พอชุดสองไม่เป็นไปตามที่วางแผนไว้ แต่มาถึงรอบนี้ได้ก็สมกับความตั้งใจ เพราะก่อนลงสนามตั้งใจว่าจะต้องถึงรอบชิงชนะเลิศเหมือนเมื่อ 4 ปีที่แล้วที่ปักกิ่งให้ได้
“พอได้ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ ลึกๆ ก็หวังลุ้นเหรียญเหมือนกัน แม้จะรู้ว่าคู่ต่อสู้แต่ละคนในรอบนี้ต่างมีสถิติที่ดีทั้ง 8 คนพอผลงานออกมาเป็นอย่างนี้ก็ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นและจะนำไปพัฒนาฝีมือของตนเองต่อไป”
สำหรับเรื่องของอนาคตกับทีมชาติต่อจากนี้ น้องธันย่า เผยว่า ตอนนี้คงต้องกลับไปเรียนต่อให้จบ และคิดว่ายังคงเล่นให้ทีมชาติต่อไป ส่วนอีกสี่ปีข้างหน้าจะได้ไปโอลิมปิกที่ริโอ เดอ จาเนโร หรือไม่นั้น คงต้องดูกันอีกที เพราะมีเรื่องของอันดับเข้ามาเกี่ยวข้อง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกสองครั้งได้เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศทั้งสองครั้ง ครั้งที่สามจะเป็น “เธิร์ดไทม์ ลักกี้” หรือไม่ นักแม่นปืนสาวไทยตอบด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าไปถึงขั้นนั้นก็ต้องทำให้ได้แล้ว” ทั้งนี้ น้องธันย่า ได้ฝากข้อความถึงคนไทยทั้งประเทศว่า “วันนี้หนูทำดีที่สุดแล้ว ขอบพระคุณทุกกำลังใจที่ส่งมาให้สัญญาว่าถ้ายังเล่นได้ในมาตรฐานจะคงรับใช้ทีมชาติต่อไป”
ส่วนผลงานของนักกีฬาไทยที่ สนามเวมบลีย์ อารีน่า ซึ่งทีมแบดมินตันลงทำการแข่งขันสองประเภท คือ คู่ผสมรอบก่อนรองชนะเลิศ และ หญิงเดี่ยวรอบ 16 คนสุดท้าย โดยในประเภทแรกนั้นคู่หู เต่า-ส้มต้านทานความแข็แกร่งของคู่มือ 3 โลกไว้ไม่อยู่พ่ายไปในที่สุด0-2 เซต ส่วนน้องเมย์ รัชนก ในประเภทหญิงเดี่ยวนั้น พลิกล็อกเอาชนะ จูเลียน เชงค์ มือ 6 ของโลกจากเมืองเบียร์ 2-0 เกม ลิ่วสู่รอบ 8 คนสุดท้ายได้สำเร็จ 2-0 เกม 21-16 และ 21-15 ไปพบผู้ชนะระหว่าง หวัง ซิน มือ 2 ของโลกชาวจีน หรือ อาดริอันติ เฟอร์ดาซารี จากอินโดนีเซีย ต่อไปซึ่งหลังชัยชนะในนัดนี้น้องเมย์ ถึงกับหลั่งน้ำตาที่สามารถเอาชนะคู่แข่งที่ไม่เคยชนะมาได้เลยตลอดการพบกันทั้งหมด 3 ครั้ง
โดยนักแบดฯ สาวดาวรุ่งชาวไทยได้ให้สัมภาษณ์หลังเกมส์ว่า ที่ร้องไห้หลังเกมเนื่องจากก่อนแข่งเครียดมากนอนไม่หลับเลยกว่าจะรู้เวลาแข่งก็ปาเข้าไป 5 ทุ่มเมื่อคืนแถมคู่แข่งก็เป็นจูเลียน ที่เป็นคู่แข่งคนสำคัญครั้งล่าสุดก็เป็นฝ่ายแพ้ทำให้เมื่อคืนที่ผ่านมานอนหลับบ้างไม่หลับครั้งนี้เหมือนได้เอาความกดดันทั้งหมดออกไป ส่วนหนึ่งมาจากการที่เราทำการบ้านอย่างหนักสุดท้ายก็เอาชนะได้สำเร็จเลยร้องไห้ออกมาเพื่อปลดปล่อยความกดดันทั้งหมด
สำหรับคู่ต่อกรด่านต่อไปจะเป็น หวัง ซิน มือ 2 ของโลกชาวจีน หรือ อาดริอันติ เฟอร์ดาซารี จากอินโดนีเซีย แชมป์เยาวชนโลก 3 สมัยซ้อนไล่ตั้งแต่ปี 2009 เผยว่า รอบต่อไปถ้าเจอ จีน ก็หนักเพราะเคยแพ้ที่ เอเชียน เกมส์ ส่วนถ้าเป็น อินโดนีเซีย ก็เพิ่งชนะนัดชิงที่ ซีเกมส์ ก็มาถึงจุดนี้แล้วพร้อมเจอกับทุกคนและหวังทะลุให้ลึกที่สุดเพื่อคว้าเหรียญรางวัล
ส่วนในประเภทคู่ผสม “สุดเขต” ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ต้องยอบรับว่าคู่จากเดนมาร์กเหนือกว่าเราในเกมนี้ โดยในช่วงแรกแม้เราจะออกสตาร์ทได้ดี แต่หลังจากมือชายของเดนมาร์กเริ่มจับทางได้ เขาก็คุมเกมเอาไว้ได้หมด" ส่วนอนาคตในทีมชาติและการเล่นโอลิมปิกเกมส์ในอีก 4 ปีข้างหน้านั้น ทั้งคู่ยืนยันว่าหากเป็นไปได้ก็ยังหวังที่จะกลับมาแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ให้ได้อีกครั้งอย่างแน่นอนถึงเวลานี้ ทีมแบดมินตัน ไทยยังเหลือลุ้นในอีกสองประเภท คือ หญิงเดี่ยวและชายคู่ โดยในประเภทชายคู่นั้น พี่ใหญ่ของทีม "บุญศักดิ์ พลสนะ" ได้กล่าวถึง "อาร์ต" บดินทร์ อิสระ และ "เอ" มณีพงศ์ จงจิตร สองนักแบดมินตันประเภทชายคู่ของไทยว่ามีลุ้นสร้างประวัติศาสตร์หยิบเหรียญในโอลิมปิกเกมส์ โดยชี้ว่าจุดเด่นของคู่นี้อยู่ที่การที่ถนัดซ้ายและขวาอย่างละคนทำให้สามารเล่นงานและรับมือคู่แข่งได้เป็นอย่างดี
โดยภายหลังจากสร้างผลงานผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศในการแข่งขันแบดมินตันประเภทชายคู่ที่ ลอนดอนเกมส์ ได้สำเร็จ ทั้ง "อาร์ต-บดินทร์" และ "เอ-มณีพงศ์" กลายเป็นความหวังคว้าเหรียญรางโอลิมปิกประวัติศาสตร์ให้กับสมาคมแบดมินตันฯ ทันที ซึ่งบุญศักดิ์ พลสนะในฐานะรุ่นพี่ของทีมนักตบลูกขนไก่ไทยก็เชื่อมั่นว่ารุ่นน้องมีโอกาสสร้างเซอร์ไพรส์ให้คนไทยได้ภูมิใจเช่นกัน ซึ่งบุญศักดิ์ กล่าวกับผู้สื่อข่าว ASTVผู้จัดการรายวันว่า "ฝีไม้ลายมือของทั้งเอและอาร์ตนั้นมีอยู่แล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ทั้งคู่ชนะคู่แข่งได้ใน 2 แมตช์แรก คือจิตใจที่แข็งแกร่ง และไม่กลัวใคร นอกจากนี้การที่เอถนัดมือขวาและอาร์ตถนัดมือซ้ายก็คือจุดเด่นที่ทำให้คู่นี้สอดประสานกันได้ดี ไม่ว่าจะเป็นจังหวะตั้งรับและจังหวะทำแต้มใส่คู่แข่ง"
อย่างไรก็ดี แมนที่ผ่านประสบการณ์ในโอลิมปิกมาแล้วถึง 4 สมัย ได้ออกตัวแทนน้องๆและเพื่อนในทีมแบดมินตันว่าไม่อยากให้คาดหวังถึงเหรียญรางวัลมากเกินไปจนเสียสมาธิ "แน่นอนว่าเป้าหมายของเราอยู่ที่การคว้าเหรียญประวัติศาสตร์ของแบดมินตัน แต่บางทีการพูดถึงเรื่องนี้มากเกินไปอาจทำให้น้องๆกดดัน ฉะนั้นผมมองว่าทั้งคู่น่าจะโฟกัสไปที่การแข่งขันแบบแมตช์ต่อแมตช์เริ่มจากเกมรอบก่อนรองชนะเลิศวันที่ 2 ส.ค.นี้"สำหรับ บดินทร์ อิสระ และ มณีพงศ์ จงจิตร จะทำการแข่งขันรอบ 8 คู่สุดท้าย ซึ่งต้องรอนัดตัดสินชี้ชะตาที่หนึ่งของสายดี ระหว่าง ลี ยอง แด-ชุน แจ ซุง (เกาหลีใต้, มือ 2) และ เคียน คีท คู-บูน เฮือง ตาน (มาเลเซีย) ในวันพฤหัสบดีที่ 2 ส.ค.นี้ เวลา 15.00 น.