เมื่อเวลา 09.00 น.วานนี้ (1 ส.ค.) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ได้นำเกษตรกรจาก อ.หล่มสัก และ อ.เมืองฯ จ.เพชรบูรณ์ ประมาณ 20 คน มายื่นหนังสือต่อน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อขอความเป็นธรรม เนื่องจากเกษตรกรนำข้าวไปจำนำกับ หจก.โรงสีมานะยิ่งเจริญดี แต่กลับไม่ได้รับเงิน โดยมีนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นผู้มารับหนังสือ
น.พ.วรงค์ กล่าวว่า เกษตรกรทั้งหมดถูกหลอกให้นำข้าวไปจำนำกับโรงสีมานะยิ่งเจริญดี ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เนื่องจากคิดว่าโรงสีแห่งนี้เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล โดยนำข้าวไปจำนำตั้งแต่เดือนพ.ค.55 จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับเงิน โดยทางโรงสีผัดผ่อนมาตลอด จนมารู้เมื่อภายหลังว่าฏรงสีแห่งนี้ ไม่ได้เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล จึงมั่นใจว่าถูกหลอกแน่ จึงไปแจ้งกับผู้ว่าราชการจังหวัด แต่ก็ถูกปฏิเสธความรับผิดชอบ โดยให้เป็นเรื่องของทางโรงสี กับเกษตรกรไปฟ้องร้องกันเอาเอง และที่ผ่านมาเกษตรกรมีการปิดถนนมาแล้วถึง 2 รอบ แต่ก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้น จึงมาร้องขอความช่วยเหลือที่สำนักงานพรรคประชาธิปัตย์ ที่ จ.พิษณุโลก
น.พ.วรงค์ กล่าวว่า ช่วงฤดูข้าวนาปี เกษตรกรกลุ่มนี้นำข้าวไปเข้าโครงการจำนำกับโรงสีแห่งนี้ก็ไม่มีปัญหา แต่พอถึงช่วงฤดูข้าวนาปรัง เกษตรกรนำข้าวไปจำนำอีก ก็ปรากฏว่ามีการผัดผ่อนมาเรื่อย แต่สิ่งที่น่ากังวลใจก็คือ โรงสีได้นำใบประทวนของโรงสีอื่นมาให้เกษตรกร เหมือนหลอกให้ตายใจว่า เข้าโครงการรับจำนำของรัฐบาล แต่เมื่อภายหลังทางจังหวัดมาประกาศว่าโรงสีนี้ไม่ได้เข้าโครงการรับจำนำของรัฐบาล ก็ถูกหลอกไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม โรงสีจะมีเงินมัดจำกับ อตก. 20 ล้านบาทอยู่แล้ว หากอตก.กันไว้เพื่อจ่ายเยียวยาเกษตรกรก็ช่วยได้ แต่ปรากฏว่า อตก.ได้นำเงินมัดจำ 20 ล้านบาทนี้ ไปคืนโรงสีเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ทำให้เกษตรกรเคว้งคว้าง ไม่รู้จะทำอย่างไร
"เราหารือกันแล้ว เห็นว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาจากนโยบายรับจำนำข้าวของรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งเป็นช่องโหว่ที่เกิดขึ้น และหนีไม่พ้นที่รัฐบาลต้องรับผิดชอบ และเป้าหมายของเกษตรกรที่มาวันนี้ไม่ต้องการอะไร เขาต้องการเงินอย่างเดียว เพราะปีหนึ่งเขาได้รับเงินเพียง 2 ครั้ง จากข้าวนาปี และนาปรัง ซึ่งหากข้าวจากนาปรังไม่ได้เงิน ก็จะมีผลกระทบตามมาอีกหลายอย่าง ขณะนี้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนมาก ไม่มีเงินใช้จ่าย หรือนำไปใช้หนี้ที่กู้มาทำนา จึงมาร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรี ในฐานะเจ้าของนโยบายจำนำข้าวทุกเม็ดของรัฐบาล เพื่อขอให้นำงบประมาณจากกองทุนยุติธรรม มาช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนในเบื้องต้นก่อน ซึ่งรวมเงินที่เกษตรกรถูกฉ้อโกง จำนวน 21,510,706 บาท" น.พ.วรงค์ กล่าว
ด้านนายคมกฤช สุวรรณหงส์ ผู้ใหญ่บ้าน อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ กล่าวว่า ที่เกษตรกรมาวันนี้ เพราะได้รับความเดือดร้อนจริงๆ ไม่ได้เป็นลูกเบี้ย หรือมาตามคำสั่งของนักการเมือง และไม่ได้อยู่ใต้อำนาจของนักการเมือง พวกเราเดือดร้อนมากทั้งครอบครัว เพราะไม่มีเงินใช้จ่าย ตนเป็นผู้ใหญ่บ้าน ก็ต้องดูแลลูกบ้าน
" มีคนบอกว่าเป็นผู้ใหญ่บ้าน ห้ามยุ่งเกี่ยวกับลูกบ้าน ในเรื่องความเดือดร้อนห้ามผู้ใหญ่บ้านออกหน้า ออกตา เพราะไม่เช่นนั้นจะผิดวินัย และจะให้ออกจากราชการด้วย ผมอยากจะถาม ก็ผมเป็นผู้ใหญ่บ้านจะให้ผมไปยืนอยู่ตามเสา หรือตามรั้วหรือ เมื่อลูกบ้านผมเดือดร้อน ผมก็ต้องช่วยเหลือ ต้องเป็นที่พึ่งให้กับเขา" ผู้ใหญ่บ้าน กล่าว
ด้านนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกฯ กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า เรื่องนี้นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลยังเชื่อมั่นว่านโยบายรับจำนำข้าว เป็นนโยบายที่ดี และเป็นนโยบายที่ทำให้เงินถึงมือเกษตรกรอย่างแท้จริง และนายกฯ ก็รับทราบปัญหาในบางจุดที่มีการทุจริตบ้าง จึงได้ตั้งคณะกรรมระดับชาติขึ้นมาแล้ว มี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ เป็นประธาน เพื่อตรวจสอบการทุจริตการรับจำนำข้าว ซึ่งตนจะรีบนำเรื่องนี้ส่งให้ ร.ต.อ.เฉลิม เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง
ส่วนที่เกษตรกรจะขอเงินเยียวยาก่อนนั้น ตนรับปากไม่ได้ เดี๋ยวจะมีปัญหา แต่รับเรื่องร้องเรียนได้ เพราะถึงอย่างไรก็ต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน แต่ยืนยันว่ารัฐบาลให้ความเป็นธรรมอยู่แล้ว และเชื่อว่าแม้แต่รัฐบาลที่แล้ว ก่อนจะจ่ายเงินก็ต้องมีการตรวจสอบก่อนเช่นกัน ไม่เช่นนั้นใครๆ มาร้องแล้วต้องจ่ายเงินให้หมด ก็คงไม่ได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อร.ต.อ.เฉลิม ดูเรื่องนี้แล้วก็คงจะมีทางออกอย่างไร ออกมา ซึ่ง นพ.วรงค์ ก็สามารถโทรศัพท์ติดตามเรื่องนี้ด้วยตัวเองได้ตลอด
น.พ.วรงค์ กล่าวว่า เกษตรกรทั้งหมดถูกหลอกให้นำข้าวไปจำนำกับโรงสีมานะยิ่งเจริญดี ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เนื่องจากคิดว่าโรงสีแห่งนี้เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล โดยนำข้าวไปจำนำตั้งแต่เดือนพ.ค.55 จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับเงิน โดยทางโรงสีผัดผ่อนมาตลอด จนมารู้เมื่อภายหลังว่าฏรงสีแห่งนี้ ไม่ได้เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล จึงมั่นใจว่าถูกหลอกแน่ จึงไปแจ้งกับผู้ว่าราชการจังหวัด แต่ก็ถูกปฏิเสธความรับผิดชอบ โดยให้เป็นเรื่องของทางโรงสี กับเกษตรกรไปฟ้องร้องกันเอาเอง และที่ผ่านมาเกษตรกรมีการปิดถนนมาแล้วถึง 2 รอบ แต่ก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้น จึงมาร้องขอความช่วยเหลือที่สำนักงานพรรคประชาธิปัตย์ ที่ จ.พิษณุโลก
น.พ.วรงค์ กล่าวว่า ช่วงฤดูข้าวนาปี เกษตรกรกลุ่มนี้นำข้าวไปเข้าโครงการจำนำกับโรงสีแห่งนี้ก็ไม่มีปัญหา แต่พอถึงช่วงฤดูข้าวนาปรัง เกษตรกรนำข้าวไปจำนำอีก ก็ปรากฏว่ามีการผัดผ่อนมาเรื่อย แต่สิ่งที่น่ากังวลใจก็คือ โรงสีได้นำใบประทวนของโรงสีอื่นมาให้เกษตรกร เหมือนหลอกให้ตายใจว่า เข้าโครงการรับจำนำของรัฐบาล แต่เมื่อภายหลังทางจังหวัดมาประกาศว่าโรงสีนี้ไม่ได้เข้าโครงการรับจำนำของรัฐบาล ก็ถูกหลอกไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม โรงสีจะมีเงินมัดจำกับ อตก. 20 ล้านบาทอยู่แล้ว หากอตก.กันไว้เพื่อจ่ายเยียวยาเกษตรกรก็ช่วยได้ แต่ปรากฏว่า อตก.ได้นำเงินมัดจำ 20 ล้านบาทนี้ ไปคืนโรงสีเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ทำให้เกษตรกรเคว้งคว้าง ไม่รู้จะทำอย่างไร
"เราหารือกันแล้ว เห็นว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาจากนโยบายรับจำนำข้าวของรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งเป็นช่องโหว่ที่เกิดขึ้น และหนีไม่พ้นที่รัฐบาลต้องรับผิดชอบ และเป้าหมายของเกษตรกรที่มาวันนี้ไม่ต้องการอะไร เขาต้องการเงินอย่างเดียว เพราะปีหนึ่งเขาได้รับเงินเพียง 2 ครั้ง จากข้าวนาปี และนาปรัง ซึ่งหากข้าวจากนาปรังไม่ได้เงิน ก็จะมีผลกระทบตามมาอีกหลายอย่าง ขณะนี้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนมาก ไม่มีเงินใช้จ่าย หรือนำไปใช้หนี้ที่กู้มาทำนา จึงมาร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรี ในฐานะเจ้าของนโยบายจำนำข้าวทุกเม็ดของรัฐบาล เพื่อขอให้นำงบประมาณจากกองทุนยุติธรรม มาช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนในเบื้องต้นก่อน ซึ่งรวมเงินที่เกษตรกรถูกฉ้อโกง จำนวน 21,510,706 บาท" น.พ.วรงค์ กล่าว
ด้านนายคมกฤช สุวรรณหงส์ ผู้ใหญ่บ้าน อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ กล่าวว่า ที่เกษตรกรมาวันนี้ เพราะได้รับความเดือดร้อนจริงๆ ไม่ได้เป็นลูกเบี้ย หรือมาตามคำสั่งของนักการเมือง และไม่ได้อยู่ใต้อำนาจของนักการเมือง พวกเราเดือดร้อนมากทั้งครอบครัว เพราะไม่มีเงินใช้จ่าย ตนเป็นผู้ใหญ่บ้าน ก็ต้องดูแลลูกบ้าน
" มีคนบอกว่าเป็นผู้ใหญ่บ้าน ห้ามยุ่งเกี่ยวกับลูกบ้าน ในเรื่องความเดือดร้อนห้ามผู้ใหญ่บ้านออกหน้า ออกตา เพราะไม่เช่นนั้นจะผิดวินัย และจะให้ออกจากราชการด้วย ผมอยากจะถาม ก็ผมเป็นผู้ใหญ่บ้านจะให้ผมไปยืนอยู่ตามเสา หรือตามรั้วหรือ เมื่อลูกบ้านผมเดือดร้อน ผมก็ต้องช่วยเหลือ ต้องเป็นที่พึ่งให้กับเขา" ผู้ใหญ่บ้าน กล่าว
ด้านนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกฯ กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า เรื่องนี้นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลยังเชื่อมั่นว่านโยบายรับจำนำข้าว เป็นนโยบายที่ดี และเป็นนโยบายที่ทำให้เงินถึงมือเกษตรกรอย่างแท้จริง และนายกฯ ก็รับทราบปัญหาในบางจุดที่มีการทุจริตบ้าง จึงได้ตั้งคณะกรรมระดับชาติขึ้นมาแล้ว มี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ เป็นประธาน เพื่อตรวจสอบการทุจริตการรับจำนำข้าว ซึ่งตนจะรีบนำเรื่องนี้ส่งให้ ร.ต.อ.เฉลิม เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง
ส่วนที่เกษตรกรจะขอเงินเยียวยาก่อนนั้น ตนรับปากไม่ได้ เดี๋ยวจะมีปัญหา แต่รับเรื่องร้องเรียนได้ เพราะถึงอย่างไรก็ต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน แต่ยืนยันว่ารัฐบาลให้ความเป็นธรรมอยู่แล้ว และเชื่อว่าแม้แต่รัฐบาลที่แล้ว ก่อนจะจ่ายเงินก็ต้องมีการตรวจสอบก่อนเช่นกัน ไม่เช่นนั้นใครๆ มาร้องแล้วต้องจ่ายเงินให้หมด ก็คงไม่ได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อร.ต.อ.เฉลิม ดูเรื่องนี้แล้วก็คงจะมีทางออกอย่างไร ออกมา ซึ่ง นพ.วรงค์ ก็สามารถโทรศัพท์ติดตามเรื่องนี้ด้วยตัวเองได้ตลอด
