“หมอวรงค์” นำเกษตรกรจาก อ.หล่มสัก ยื่นเรื่องนายกฯ เหตุถูกโรงสีหลอกว่าเข้าโครงการจำนำข้าวของ รบ. ชี้ใช้ช่องโหว่นำใบประทวนมาอ้าง สูญเงินกว่า 20 ล้านบาท ด้าน “สุรนันทน์” รับเรื่อง โยน “เฉลิม” แก้ปัญหา ไม่รับปากจะช่วยเยียวยา
วันนี้ (1 ส.ค.) ที่ทำเนียบฯ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ได้นำเกษตรกรจาก อ.หล่มสัก และ อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ ประมาณ 20 คนมายื่นหนังสือต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อขอความเป็นธรรมเนื่องจากเกษตรกรนำข้าวไปจำนำกับ หจก.โรงสีมานะยิ่งเจริญดี แต่กลับไม่ได้รับเงิน โดยมีนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรีเป็นผู้มารับหนังสือ
นพ.วรงค์กล่าวว่า เกษตรกรทั้งหมดถูกหลอกให้นำข้าวไปจำนำกับโรงสีมานะยิ่งเจริญดีด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เนื่องจากคิดว่าโรงสีแห่งนี้เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล เมื่อนำข้าวไปจำนำตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2555 จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับเงิน ได้รับการผัดผ่อนในการจ่ายเงินจากโรงสีมาโดยตลอด จนมารู้เมื่อภายหลังว่าโรงสีมานะยิ่งเจริญดีไม่ได้เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล มั่นใจว่าถูกหลอกแน่จึงไปแจ้งต่อผู้ว่าราชการจังหวัด แต่ก็ถูกปฏิเสธความรับผิดชอบโดยให้เป็นเรื่องของทางโรงสีกับเกษตรกรไปฟ้องร้องกันเอาเอง และที่ผ่านมาเกษตรกรมีการปิดถนนมาแล้วถึง 2 รอบ แต่ก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้นจึงมาร้องขอความช่วยเหลือที่สำนักงานพรรคประชาธิปัตย์ที่พิษณุโลก
นพ.วรงค์กล่าวว่า ช่วงข้าวนาปี เกษตรกรกลุ่มนี้นำข้าวไปเข้าโครงการจำนำกับโรงสีแห่งนี้ก็ไม่มีปัญหา แต่พอถึงช่วงข้าวนาปรังเกษตรกรนำข้าวไปจำนำ ก็ปรากฏว่ามีการผัดผ่อนมาเรื่อย แต่สิ่งที่น่ากังวลใจก็คือ โรงสีได้นำใบประทวนของโรงสีอื่นมาให้เกษตรกร เหมือนหลอกให้ตายใจว่าเข้าโครงการรับจำนำของรัฐบาล แต่เมื่อภายหลังทางจังหวัดมาประกาศว่าโรงสีนี้ไม่ได้เข้าโครงการรับจำนำของรัฐบาลก็ถูกหลอกไปแล้ว อย่างไรก็ตาม โรงสีจะมีเงินมัดจำกับ อ.ต.ก. 20 ล้านบาทอยู่แล้ว หาก อ.ต.ก.กันไว้เพื่อจ่ายเยียวยาเกษตรกรก็ช่วยได้ แต่ปรากฏว่า อ.ต.ก.ได้นำเงินมัดจำ 20 ล้านบาทนี้ไปคืนโรงสีเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ทำให้เกษตรกรเขว้ง ไม่รู้จะทำอย่างไร
“เราหารือกันแล้วเห็นว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาจากนโยบายรับจำนำข้าวของรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งเป็นช่องโหว่ที่เกิดขึ้น และหนีไม่พ้นที่รัฐบาลต้องรับผิดชอบ และเป้าหมายของเกษตรกรที่มาวันนี้ไม่ต้องการอะไร เขาต้องการเงินอย่างเดียว เพราะปีหนึ่งเขาได้รับเงินเพียง 2 ครั้ง จากข้าวนาปี และนาปรัง ซึ่งหากข้าวจากนาปรังไม่ได้เงินก็จะมีผลกระทบตามมาอีกหลายอย่าง ขณะนี้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนมากไม่มีเงินใช้จ่าย หรือนำไปใช้หนี้ที่กู้มาทำนา จึงมาร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรีในฐานะเจ้าของนโยบายจำนำข้าวทุกเม็ดของรัฐบาล เพื่อขอให้นำงบประมาณจากกองทุนยุติธรรมมาช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนในเบื้องต้นก่อน ซึ่งรวมเงินที่เกษตรกรถูกฉ้อโกงจำนวน 21,510,706 บาท” นพ.วรงค์กล่าว
ด้าน นายคมกฤช สุวรรณหงส์ ผู้ใหญ่บ้าน อ.หล่มสัก กล่าวว่า ที่เกษตรกรมาวันนี้เพราะได้รับความเดือดร้อนจริงๆ ไม่ได้เป็นลูกเบี้ยหรือมาตามคำสั่งของนักการเมืองและไม่ได้อยู่ใต้อำนาจของนักการเมือง พวกเราเดือดร้อนมากทั้งครอบครัวเพราะไม่มีเงินใช้จ่าย ตนเป็นผู้ใหญ่บ้านก็ต้องดูแลลูกบ้าน
“มีคนบอกว่าเป็นผู้ใหญ่บ้านห้ามยุ่งเกี่ยวกับลูกบ้าน ในเรื่องความเดือดร้อนห้ามผู้ใหญ่บ้านออกหน้า ออกตา เพราะไม่เช่นนั้นจะผิดวินัย และจะให้ออกจากราชการด้วยซ้ำ ผมอยากจะถามก็ผมเป็นผู้ใหญ่บ้าน จะให้ผมไปยืนอยู่ตามเสาหรือตามรั้วหรือ เมื่อลูกบ้านผมเดือดร้อน ผมก็ต้องช่วยเหลือ ต้องเป็นที่พึ่งให้กับเขา” ผู้ใหญ่บ้านกล่าว
ทางด้าน นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกฯ กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลยังเชื่อมั่นว่าเป็นนโยบายที่ดี และเป็นนโยบายที่ทำให้เงินถึงมือเกษตรกรอย่างแท้จริง และนายกฯก็รับทราบปัญหาในบางจุดที่มีการทุจริตบ้าง จึงได้ตั้งคณะกรรมระดับชาติขึ้นมาแล้ว มี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ เป็นประธานเพื่อตรวจสอบการทุจริตการรับจำนำข้าว ซึ่งเรื่องนี้ตนจะรีบนำเรื่องนี้ส่งให้ ร.ต.อ.เฉลิมในวันนี้เลยเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง
ส่วนที่เกษตรกรจะขอเงินเยียวยาก่อนนั้น นายสุรนันทน์กล่าวว่า เรื่องนี้ตนรับปากไม่ได้ เดี๋ยวจะมีปัญหา แต่รับเรื่องได้ เพราะถึงอย่างไรก็ต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน แต่ยืนยันว่ารัฐบาลให้ความเป็นธรรมอยู่แล้ว และเชื่อว่าแม้แต่รัฐบาลที่แล้วเอง ก่อนจ่ายเงินก็ต้องมีการตรวจสอบก่อนเช่นกัน ไม่เช่นนั้นใคร ๆ มาร้องแล้วต้องจ่ายเงินให้หมดก็คงไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อ ร.ต.อ.เฉลิมดูเรื่องนี้แล้วก็คงจะมีทางออกอย่างไรออกมา ซึ่ง นพ.วรงค์ก็สามารถโทรศัพท์ติดตามเรื่องนี้กับตนเองได้ตลอด