ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์- กระแสข่าวการปลด “นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กระหึ่มขึ้นภายหลังจากเกิดเหตุเพลิงไหม้โรงกลั่นน้ำมันบางจากฯเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคมที่ผ่านมาไม่นานนัก นับเป็นการสกัดดาวรุ่งไม่ให้มีการต่ออายุนายอนุสรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่บางจาก หลังอยู่ครบ 2 วาระเป็นเวลา 8ปีในสิ้นเดือนธันวาคมนี้
ทั้งนี้ กระแสข่าวที่สะพัดราวกับพายุบุแคมระบุว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่บางจากฯ 27%จะเป็นผู้เสนอให้ปลดนายอนุสรณ์ ออกจากตำแหน่งก่อนที่จะครบเทอมวาระที่ 2 ในปลายเดือนธันวาคมนี้ โดยอ้างเหตุผลโรงกลั่นฯเกิดอุบัติเหตุเพลิงไหม้ 2ปีติดต่อกัน พร้อมกับชงให้นายสรัญ รังคศิริ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ หน่วยธุรกิจน้ำมัน ปตท.เข้ามาดำรงตำแหน่งแทน พร้อมกับเห็นว่าการโยกนายสรัญข้ามห้วยไปนั่งเก้าอี้เอ็มดีบางจาก เพื่อเปิดทางให้ให้นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ การตลาดพาณิชย์และต่างประเทศ ปตท.เข้ามาเสียบในตำแหน่งนี้แทน
อีกทั้งที่ผ่านมา ปตท.ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่แทบไม่เคยส่งคนเข้าไปเป็นเบอร์ 1 ในการบริหารจัดการบางจากเลย ต่างจากบริษัทลูกอื่นๆของปตท. ทำให้การบริหารงานบางจากมีความเป็นเอกเทศ วางกลยุทธ์การเป็นผู้นำด้านพลังงานทดแทนแซงหน้าบริษัทแม่ ทำให้สายตาปตท.มองบางจากเหมือนเด็กดื้อ
เนื่องจากบางจากฯจะพ้นจากการเป็นรัฐวิสาหกิจ เป็นบริษัทมหาชน การแต่งตั้งกรรมการผู้จัดการใหญ่ต้องผ่านความเห็นชอบจากจากคณะกรรมการสรรหา ก่อนเสนอบอร์ดบริษัทฯ โดยไม่ต้องผ่านการเห็นชอบจากผู้ถือหุ้น แต่เนื่องจากตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่จะต้องเป็นกรรมการบริษัท จำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้น หากมองในแง่ปฏิบัติไม่น่ามีปัญหา เนื่องจากกรรมการบอร์ดบางจากฯส่วนหนึ่งมาจากคนที่ปตท.และกระทรวงการคลังส่งไป ในฐานะที่ปตท.ถือหุ้นใหญ่ 27% และกระทรวงการคลังอีก 9%
แหล่งข่าววงใน กล่าวว่า ก่อนหน้านี้คณะกรรมการสรรหามีมติเห็นชอบต่ออายุนายอนุสรณ์แบบปีต่อปี หลังจากครบวาระ2 ในสิ้นธันวาคมนี้ เนื่องจากเห็นว่านายอนุสรณ์มีผลงานที่ดี นำพาบางจากเติบโตต่อเนื่อง อีกทั้งนายอนุสรณ์มีอายุงานอีก 2 ปีจึงจะครบ 60 ปี จึงน่าจะสานงานต่อได้ ระหว่างนั้นก็พิจารณาหาคนที่เหมาะสมมารับตำแหน่งแทน
แต่สุดท้ายมีการเปลี่ยนแปลงกรรมการในบอร์ดบางจาก โดยแต่งตั้งนายพิชัย ชุณหวชิร เข้ามานั่ง เป็นประธานกรรมการ แทนนายไกรฤทธิ์ นิลคูหา ทำให้เรื่องการต่ออายุนายอนุสรณ์ถูกยกเลิกไป
ท่ามกลางกระแสข่าวการปลดนายอนุสรณ์ พนักงานบางจากได้มีการหยิบยกวิพากษ์วิจารณ์นี้ โดยบางคนเห็นว่านับตั้งแต่นายอนุสรณ์เข้ามาเป็นเอ็มดีได้สร้างผลงานให้กับบริษัทฯ ทั้งบริหารจัดการปั๊มน้ำมันบางจากให้เป็นที่ยอมรับจนมียอดขายน้ำมันผ่านปั๊มแซงหน้าเชลล์และการสร้างภาพลักษณ์ให้บางจากเป็นบริษัทด้านพลังงานทดแทน รุกธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ไบโอดีเซลและแก๊สโซฮอล์ ส่งผลให้การประเมินผลงาน(KPI)ของนายอนุสรณ์ในแต่ละปีอยู่ในคะแนนที่ดีมาก การหยิบยกอุบัติเหตุเพลิงไหม้โรงกลั่นมาเป็นข้ออ้างจึงไม่สมเหตุสมผล
ขณะเดียวกันในปีที่เกิดโรงกลั่นฯไฟไหม้นั้นผลประกอบการบางจากก็ยังมีกำไรอยู่ เช่นเดียวกับปีนี้ ซึ่งความเสียหายไม่สูงมากเพราะบริษัทฯได้มีการทำประกันภัยไว้แล้ว พร้อมกับยืนยันว่าพนักงานบางจากพร้อมที่จะทำงานกับเอ็มดีคนใหม่ที่อาจจะข้ามห้วยมาจากปตท.
ความอึมครึมเริ่มกระจ่าง หลังการประชุมคณะกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา นายณอคุณ สิทธิพงศ์ ปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธาน บอร์ด ปตท. ออกมายืนยันว่า บอร์ดปตท.ไม่มีวาระการปลดนายอนุสรณ์ออกก่อนพ้นเทอม ส่วนการจะต่ออายุนั้นเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการบางจากตัดสินใจ
การส่งไม้ต่อการต่ออายุนายอนุสรณ์ ให้บอร์ดบางจากฯเป็นผู้พิจารณานั้นดูเหมือนจะเป็นการปิดประตูการต่ออายุนายอนุสรณ์ เนื่องจากบอร์ดบางจากมีตัวแทนจากปตท.และตัวแทนกระทรวงคลังเข้าไปนั่งเป็นกรรมการหลายคน ล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท บางจากฯ ในวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา นายพิชัย ชุณหวชิร ประธานบอร์ดบางจาก ออกมาย้ำอีกครั้งว่า ไม่มีการปลดนายอนุสรณ์ออกจากตำแหน่งก่อนสิ้นธันวาคมนี้แน่นอน พร้อมโปรยยาหอมว่าตลอดการทำงานในตำแหน่งเอ็มดี 8 ปีของนายอนุสรณ์ได้สร้างผลงานดีเกินคาด เหตุการณ์เพลิงไหม้โรงกลั่นบางจากจึงไม่ใช่เหตุผลที่ถูกต้องอันที่จะนำไปสู่การปลดแต่อย่างใด
ส่วนบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่คนต่อไปหลังนายอนุสรณ์ ครบวาระนั้น จะเข้าสู่กระบวนการสรรหา โดยกำหนดคุณสมบัติให้คณะกรรมการสรรหาพิจารณาใน 3 ข้อ คือ จะต้องเป็นบุคคลที่ส่งมาจาก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ บุคคลจากภายนอกบริษัท และบุคคลจากภายในองค์กร ที่มีความรู้ความสามารถทางด้านโรงกลั่น การตลาด พลังงานทางเลือกและมองถึงอนาคตเพื่อเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ( AEC)ในปี 2558
หากไม่สามารถสรรหาบุคคลที่มีคุณสมบัติตรงตามที่ต้องการได้ อาจให้นายอนุสรณ์ ดำรงตำแหน่งต่อ หรืออยู่เป็นที่ปรึกษาให้กับบางจากต่อไป
ขณะเดียวกันนายอนุสรณ์เองก็รู้ตัวว่าหมดโอกาสที่จะต่ออายุ ได้ออกปากว่าจะไม่ลงสมัครชิงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่บางจากฯอีกหลังครบวาระ เพียงแต่ขอให้คนที่จะเข้ามานั่งในตำแหน่งนี้ต่อไปให้สานต่องานและผลักดันนโยบายต่างเพื่อให้บางจากเติบโตต่อไป
ตามเงื่อนไขการสรรหาเอ็มอีบางจากครั้งนี้ เท่ากับเป็นการเปิดทางให้ปตท.ส่งคนเข้ามาคุมบางจากเป็นครั้งแรก เพื่อกำหนดทิศทางการบริหารงานให้สอดรับกัน คงต้องจับตาดูว่าปตท.ภายใต้การกุมบังเหียนของนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ปตท.คนนี้จะตัดสินใจอย่างไรกับเด็กดื้อ"บางจาก"ในสิ้นปีนี้
ทั้งนี้ กระแสข่าวที่สะพัดราวกับพายุบุแคมระบุว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่บางจากฯ 27%จะเป็นผู้เสนอให้ปลดนายอนุสรณ์ ออกจากตำแหน่งก่อนที่จะครบเทอมวาระที่ 2 ในปลายเดือนธันวาคมนี้ โดยอ้างเหตุผลโรงกลั่นฯเกิดอุบัติเหตุเพลิงไหม้ 2ปีติดต่อกัน พร้อมกับชงให้นายสรัญ รังคศิริ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ หน่วยธุรกิจน้ำมัน ปตท.เข้ามาดำรงตำแหน่งแทน พร้อมกับเห็นว่าการโยกนายสรัญข้ามห้วยไปนั่งเก้าอี้เอ็มดีบางจาก เพื่อเปิดทางให้ให้นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ การตลาดพาณิชย์และต่างประเทศ ปตท.เข้ามาเสียบในตำแหน่งนี้แทน
อีกทั้งที่ผ่านมา ปตท.ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่แทบไม่เคยส่งคนเข้าไปเป็นเบอร์ 1 ในการบริหารจัดการบางจากเลย ต่างจากบริษัทลูกอื่นๆของปตท. ทำให้การบริหารงานบางจากมีความเป็นเอกเทศ วางกลยุทธ์การเป็นผู้นำด้านพลังงานทดแทนแซงหน้าบริษัทแม่ ทำให้สายตาปตท.มองบางจากเหมือนเด็กดื้อ
เนื่องจากบางจากฯจะพ้นจากการเป็นรัฐวิสาหกิจ เป็นบริษัทมหาชน การแต่งตั้งกรรมการผู้จัดการใหญ่ต้องผ่านความเห็นชอบจากจากคณะกรรมการสรรหา ก่อนเสนอบอร์ดบริษัทฯ โดยไม่ต้องผ่านการเห็นชอบจากผู้ถือหุ้น แต่เนื่องจากตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่จะต้องเป็นกรรมการบริษัท จำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้น หากมองในแง่ปฏิบัติไม่น่ามีปัญหา เนื่องจากกรรมการบอร์ดบางจากฯส่วนหนึ่งมาจากคนที่ปตท.และกระทรวงการคลังส่งไป ในฐานะที่ปตท.ถือหุ้นใหญ่ 27% และกระทรวงการคลังอีก 9%
แหล่งข่าววงใน กล่าวว่า ก่อนหน้านี้คณะกรรมการสรรหามีมติเห็นชอบต่ออายุนายอนุสรณ์แบบปีต่อปี หลังจากครบวาระ2 ในสิ้นธันวาคมนี้ เนื่องจากเห็นว่านายอนุสรณ์มีผลงานที่ดี นำพาบางจากเติบโตต่อเนื่อง อีกทั้งนายอนุสรณ์มีอายุงานอีก 2 ปีจึงจะครบ 60 ปี จึงน่าจะสานงานต่อได้ ระหว่างนั้นก็พิจารณาหาคนที่เหมาะสมมารับตำแหน่งแทน
แต่สุดท้ายมีการเปลี่ยนแปลงกรรมการในบอร์ดบางจาก โดยแต่งตั้งนายพิชัย ชุณหวชิร เข้ามานั่ง เป็นประธานกรรมการ แทนนายไกรฤทธิ์ นิลคูหา ทำให้เรื่องการต่ออายุนายอนุสรณ์ถูกยกเลิกไป
ท่ามกลางกระแสข่าวการปลดนายอนุสรณ์ พนักงานบางจากได้มีการหยิบยกวิพากษ์วิจารณ์นี้ โดยบางคนเห็นว่านับตั้งแต่นายอนุสรณ์เข้ามาเป็นเอ็มดีได้สร้างผลงานให้กับบริษัทฯ ทั้งบริหารจัดการปั๊มน้ำมันบางจากให้เป็นที่ยอมรับจนมียอดขายน้ำมันผ่านปั๊มแซงหน้าเชลล์และการสร้างภาพลักษณ์ให้บางจากเป็นบริษัทด้านพลังงานทดแทน รุกธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ไบโอดีเซลและแก๊สโซฮอล์ ส่งผลให้การประเมินผลงาน(KPI)ของนายอนุสรณ์ในแต่ละปีอยู่ในคะแนนที่ดีมาก การหยิบยกอุบัติเหตุเพลิงไหม้โรงกลั่นมาเป็นข้ออ้างจึงไม่สมเหตุสมผล
ขณะเดียวกันในปีที่เกิดโรงกลั่นฯไฟไหม้นั้นผลประกอบการบางจากก็ยังมีกำไรอยู่ เช่นเดียวกับปีนี้ ซึ่งความเสียหายไม่สูงมากเพราะบริษัทฯได้มีการทำประกันภัยไว้แล้ว พร้อมกับยืนยันว่าพนักงานบางจากพร้อมที่จะทำงานกับเอ็มดีคนใหม่ที่อาจจะข้ามห้วยมาจากปตท.
ความอึมครึมเริ่มกระจ่าง หลังการประชุมคณะกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา นายณอคุณ สิทธิพงศ์ ปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธาน บอร์ด ปตท. ออกมายืนยันว่า บอร์ดปตท.ไม่มีวาระการปลดนายอนุสรณ์ออกก่อนพ้นเทอม ส่วนการจะต่ออายุนั้นเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการบางจากตัดสินใจ
การส่งไม้ต่อการต่ออายุนายอนุสรณ์ ให้บอร์ดบางจากฯเป็นผู้พิจารณานั้นดูเหมือนจะเป็นการปิดประตูการต่ออายุนายอนุสรณ์ เนื่องจากบอร์ดบางจากมีตัวแทนจากปตท.และตัวแทนกระทรวงคลังเข้าไปนั่งเป็นกรรมการหลายคน ล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท บางจากฯ ในวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา นายพิชัย ชุณหวชิร ประธานบอร์ดบางจาก ออกมาย้ำอีกครั้งว่า ไม่มีการปลดนายอนุสรณ์ออกจากตำแหน่งก่อนสิ้นธันวาคมนี้แน่นอน พร้อมโปรยยาหอมว่าตลอดการทำงานในตำแหน่งเอ็มดี 8 ปีของนายอนุสรณ์ได้สร้างผลงานดีเกินคาด เหตุการณ์เพลิงไหม้โรงกลั่นบางจากจึงไม่ใช่เหตุผลที่ถูกต้องอันที่จะนำไปสู่การปลดแต่อย่างใด
ส่วนบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่คนต่อไปหลังนายอนุสรณ์ ครบวาระนั้น จะเข้าสู่กระบวนการสรรหา โดยกำหนดคุณสมบัติให้คณะกรรมการสรรหาพิจารณาใน 3 ข้อ คือ จะต้องเป็นบุคคลที่ส่งมาจาก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ บุคคลจากภายนอกบริษัท และบุคคลจากภายในองค์กร ที่มีความรู้ความสามารถทางด้านโรงกลั่น การตลาด พลังงานทางเลือกและมองถึงอนาคตเพื่อเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ( AEC)ในปี 2558
หากไม่สามารถสรรหาบุคคลที่มีคุณสมบัติตรงตามที่ต้องการได้ อาจให้นายอนุสรณ์ ดำรงตำแหน่งต่อ หรืออยู่เป็นที่ปรึกษาให้กับบางจากต่อไป
ขณะเดียวกันนายอนุสรณ์เองก็รู้ตัวว่าหมดโอกาสที่จะต่ออายุ ได้ออกปากว่าจะไม่ลงสมัครชิงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่บางจากฯอีกหลังครบวาระ เพียงแต่ขอให้คนที่จะเข้ามานั่งในตำแหน่งนี้ต่อไปให้สานต่องานและผลักดันนโยบายต่างเพื่อให้บางจากเติบโตต่อไป
ตามเงื่อนไขการสรรหาเอ็มอีบางจากครั้งนี้ เท่ากับเป็นการเปิดทางให้ปตท.ส่งคนเข้ามาคุมบางจากเป็นครั้งแรก เพื่อกำหนดทิศทางการบริหารงานให้สอดรับกัน คงต้องจับตาดูว่าปตท.ภายใต้การกุมบังเหียนของนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ปตท.คนนี้จะตัดสินใจอย่างไรกับเด็กดื้อ"บางจาก"ในสิ้นปีนี้