“วาสนพงศ์” เจ้าพ่อสื่อวิทยุ กลุ่มคลิค-วีอาร์วัน เรดิโอ เตรียมร่วมทุนพาร์ทเนอร์ต่อยอดธุรกิจวิทยุ พร้อมอัด 6 คอนเสิร์ตพิเศษ ชูความเป็น “เรโทร มาร์เก็ตติ้ง” กระตุ้นยอด พร้อมปิดฉาก”แฟตเฟส” หวังสิ้นปีส่งรายได้รวมแตะ 1,000 ล้านบาท หลังครึ่งปีแรก ค่อนข้างกังวล เลื่อนจัดคอนเสิร์ตมาครึ่งปีหลัง ทำให้รายได้ต่ำกว่าเป้าไป 25%
นายวาสนพงศ์ วิชัยยะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คลิค-วีอาร์วัน จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมของธุรกิจวิทยุมองว่าไม่ได้แข่งขันรุนแรงกันอย่างที่ผ่านมา อีกทั้งในสถาณการณ์แบบนี้ ที่ทางกสทช.เตรียมเรียกคืนคลื่นวิทยุนั้น มองว่าเป็นช่วงเวลาที่ผู้เช่าสัมปทานคลื่นวิทยุสามารถบอกเลิกสัญญาได้ก่อนเวลาได้อยู่ตลอดเวลา ขณะที่ผู้เล่นหลักในปัจจุบันจะเป็นผู้เล่นรายใหญ่เป็นหลัก ในส่วนของคลิคฯเอง ปัจจุบันยังคงมีคลื่นวิทยุอยู่ 4 คลื่น คือ 1.เอฟเอ็ม 101 R.R.ONE 2.คลื่นเพลงสากล GET 102.5 3.คลื่นเพลงไทยสากล 103.5 เอฟ.เอ็ม.วัน และ4.คลื่นเพลงทางเลือกใหม่ 104.5 แฟต เรดิโอ
โดยในส่วนของคลื่นแฟตนั้น ปกติจะมีการต่อสัมปทานทุกๆ1ปี และปีนี้กำลังจะหมดลงในช่วงปลายปีนี้ อย่างไรก็ตามสำหรับคลื่นดังกล่าวปีนี้เข้าสู่ปีที่ 3 ในแง่ของแบรนด์แล้ว ถือได้ว่าแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แต่ในแง่ของรายได้แล้ว หลังจากที่สะดุดเรื่องน้ำท่วมในปลายปีก่อน ทำให้ต้องเลื่อนจัดงานแฟตเฟสมาเป็นช่วงต้นปีที่ผ่านมา ได้ส่งผลต่อภาพรวมรายได้ในปีนี้ ทำให้ปีนี้ค่อนข้างทรงตัว ไม่เติบโต และไม่มีกำไร ดังนั้นตามแผนการดำเนินงานเบื้องต้น กำลังอยู่ในการพิจารณาว่าจะยังคงรักษาคลื่นนี้ไว้หรือไม่ ทุกอย่างยังมองเป็น 50-50 ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
อย่างไรก็ตามจากปัจจัยภายนอกที่เกิดขึ้นในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ได้ส่งผลต่อภาพรวมการดำเนินงานในปีนี้ให้ต้องมีความระมัดระวังในการดำเนินงานต่างๆค่อนข้างมาก จากเดิมที่ได้วางแผนจะจัดงานคอนเสิร์ตพิเศษขึ้นตลอดปีจากเดิมอีก 8 งาน และในช่วงครึ่งปีแรกจะต้องจัดให้ได้ 1-2 งานนั้น ล่าสุดสามารถจัดไปได้เพียงคอนเสิร์ตเดียว ส่งผลให้ภาพรวมรายได้ในครึ่งปีแรกต่ำกว่าเป้าที่วางไว้ถึง 25% หรือทำได้ราว 400 ล้านบาท จากเป้า 500 ล้านบาท
ดังนั้นในช่วงครึ่งปีหลัง จึงจะได้เห็นคอนเสิร์ตพิเศษทั้งหมดเกิดขึ้นที่เหลืออีกราว 6 งาน ภายใต้กลยุทธ์ เรโทร มาร์เก็ตติ้ง โดยแบ่งเป็น คอนเสิร์ตต่างประเทศ 3 งาน เช่น เทศกาลเพลงสากล จับกลุ่มอายุ 35-55 ปี, ร็อก 70’s จับกลุ่ม 45-65 ปี และแจสเฟสติวัน ส่วนอีก 3 คอนเสิร์ตที่เหลือจะเป็นคอนเสิร์ตไทย คือ 1.คอนเสิร์ต ปิดตำนาน แฟตเฟส ซึ่งจะจัดเป็นปีสุดท้าย ในปีที่ 12 ครึ่งนี้ 2.คอนเสิร์ตค่ายเพลงสมอลล์รูมทั้งค่าย และ3. เรโทร เฟสติวัส เป็นการประชันเพลงระหว่างศิลปินรุ่นเก่าในยุค 70 กับยุคปัจจุบัน รวมทั้ง 6 คอนเสิร์ตนี้ ใช้งบกว่า 100 ล้านบาท คาดมีรายได้กลับมาถึง 200 ล้านบาท จากการขายบัตร 100 ล้านบาท และสปอนเซอร์ 100 ล้านบาท มั่นใจว่าจะส่งผลให้ภาพรวมรายได้ในสิ้นปีนี้เติบโตได้ถึง 1,000 ล้านบาทตามที่ตั้งเป้าไว้ จากปีก่อนทำได้ 800 ล้านบาท
นายวาสนพงศ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทยังพร้อมเดินหน้าต่อเนื่อง ในการต่อยอดธุรกิจวิทยุ เช่นเดียวกับที่ปัจจุบันกำลังผลักดันให้ช่อง แอปเปิ้ล ชาแนล แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ล่าสุดขณะนี้ยังได้มีการพูดคุยกับพาร์ทเนอร์ที่มีความสนใจในธุรกิจมีเดียในการเข้ามาร่วมมือกันต่อยอดธุรกิจวิทยุต่อไปด้วย ขณะนี้มีการเจรจากันอยู่หลายรายคาดว่าในปีนี้จะได้เห็นการร่วมทุนอย่างน้อย 1 ราย ในลักษณะบิซิเนสโมเดลใหม่ในการต่อยอดรายได้จากคลื่นวิทยุที่มีอยู่
นายวาสนพงศ์ วิชัยยะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คลิค-วีอาร์วัน จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมของธุรกิจวิทยุมองว่าไม่ได้แข่งขันรุนแรงกันอย่างที่ผ่านมา อีกทั้งในสถาณการณ์แบบนี้ ที่ทางกสทช.เตรียมเรียกคืนคลื่นวิทยุนั้น มองว่าเป็นช่วงเวลาที่ผู้เช่าสัมปทานคลื่นวิทยุสามารถบอกเลิกสัญญาได้ก่อนเวลาได้อยู่ตลอดเวลา ขณะที่ผู้เล่นหลักในปัจจุบันจะเป็นผู้เล่นรายใหญ่เป็นหลัก ในส่วนของคลิคฯเอง ปัจจุบันยังคงมีคลื่นวิทยุอยู่ 4 คลื่น คือ 1.เอฟเอ็ม 101 R.R.ONE 2.คลื่นเพลงสากล GET 102.5 3.คลื่นเพลงไทยสากล 103.5 เอฟ.เอ็ม.วัน และ4.คลื่นเพลงทางเลือกใหม่ 104.5 แฟต เรดิโอ
โดยในส่วนของคลื่นแฟตนั้น ปกติจะมีการต่อสัมปทานทุกๆ1ปี และปีนี้กำลังจะหมดลงในช่วงปลายปีนี้ อย่างไรก็ตามสำหรับคลื่นดังกล่าวปีนี้เข้าสู่ปีที่ 3 ในแง่ของแบรนด์แล้ว ถือได้ว่าแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แต่ในแง่ของรายได้แล้ว หลังจากที่สะดุดเรื่องน้ำท่วมในปลายปีก่อน ทำให้ต้องเลื่อนจัดงานแฟตเฟสมาเป็นช่วงต้นปีที่ผ่านมา ได้ส่งผลต่อภาพรวมรายได้ในปีนี้ ทำให้ปีนี้ค่อนข้างทรงตัว ไม่เติบโต และไม่มีกำไร ดังนั้นตามแผนการดำเนินงานเบื้องต้น กำลังอยู่ในการพิจารณาว่าจะยังคงรักษาคลื่นนี้ไว้หรือไม่ ทุกอย่างยังมองเป็น 50-50 ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
อย่างไรก็ตามจากปัจจัยภายนอกที่เกิดขึ้นในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ได้ส่งผลต่อภาพรวมการดำเนินงานในปีนี้ให้ต้องมีความระมัดระวังในการดำเนินงานต่างๆค่อนข้างมาก จากเดิมที่ได้วางแผนจะจัดงานคอนเสิร์ตพิเศษขึ้นตลอดปีจากเดิมอีก 8 งาน และในช่วงครึ่งปีแรกจะต้องจัดให้ได้ 1-2 งานนั้น ล่าสุดสามารถจัดไปได้เพียงคอนเสิร์ตเดียว ส่งผลให้ภาพรวมรายได้ในครึ่งปีแรกต่ำกว่าเป้าที่วางไว้ถึง 25% หรือทำได้ราว 400 ล้านบาท จากเป้า 500 ล้านบาท
ดังนั้นในช่วงครึ่งปีหลัง จึงจะได้เห็นคอนเสิร์ตพิเศษทั้งหมดเกิดขึ้นที่เหลืออีกราว 6 งาน ภายใต้กลยุทธ์ เรโทร มาร์เก็ตติ้ง โดยแบ่งเป็น คอนเสิร์ตต่างประเทศ 3 งาน เช่น เทศกาลเพลงสากล จับกลุ่มอายุ 35-55 ปี, ร็อก 70’s จับกลุ่ม 45-65 ปี และแจสเฟสติวัน ส่วนอีก 3 คอนเสิร์ตที่เหลือจะเป็นคอนเสิร์ตไทย คือ 1.คอนเสิร์ต ปิดตำนาน แฟตเฟส ซึ่งจะจัดเป็นปีสุดท้าย ในปีที่ 12 ครึ่งนี้ 2.คอนเสิร์ตค่ายเพลงสมอลล์รูมทั้งค่าย และ3. เรโทร เฟสติวัส เป็นการประชันเพลงระหว่างศิลปินรุ่นเก่าในยุค 70 กับยุคปัจจุบัน รวมทั้ง 6 คอนเสิร์ตนี้ ใช้งบกว่า 100 ล้านบาท คาดมีรายได้กลับมาถึง 200 ล้านบาท จากการขายบัตร 100 ล้านบาท และสปอนเซอร์ 100 ล้านบาท มั่นใจว่าจะส่งผลให้ภาพรวมรายได้ในสิ้นปีนี้เติบโตได้ถึง 1,000 ล้านบาทตามที่ตั้งเป้าไว้ จากปีก่อนทำได้ 800 ล้านบาท
นายวาสนพงศ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทยังพร้อมเดินหน้าต่อเนื่อง ในการต่อยอดธุรกิจวิทยุ เช่นเดียวกับที่ปัจจุบันกำลังผลักดันให้ช่อง แอปเปิ้ล ชาแนล แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ล่าสุดขณะนี้ยังได้มีการพูดคุยกับพาร์ทเนอร์ที่มีความสนใจในธุรกิจมีเดียในการเข้ามาร่วมมือกันต่อยอดธุรกิจวิทยุต่อไปด้วย ขณะนี้มีการเจรจากันอยู่หลายรายคาดว่าในปีนี้จะได้เห็นการร่วมทุนอย่างน้อย 1 ราย ในลักษณะบิซิเนสโมเดลใหม่ในการต่อยอดรายได้จากคลื่นวิทยุที่มีอยู่
