คลิคกุมขมับ เจอปัญหารุมเร้ารอบด้าน คาดรายได้ทั้งปีหลุดเป้าถึง 30% จาก 1,000 ล้านบาท เลวร้ายสุดตั้งแต่ดำเนินการมา มองวิกฤตเป็นโอกาส ทุ่ม 100 ล้านขยายธุรกิจ บุกทีวีดาวเทียม ผุดช่อง แอปเปิ้ล แชนแนล กรุยรายได้ พร้อมจับมือพันธมิตรต่อยอดรายได้ หวังปีแรก 70 ล้าน
นายวาสนพงศ์ วิชัยยะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คลิค-วีอาร์วัน เรดิโอ จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่ปลายปีก่อนเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมขึ้นส่งผลต่อภาพรวมธุรกิจวิทยุของกลุ่มคลิคเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าหลายฝ่ายจะมองว่า ลูกค้าจะอั้นเม็ดเงินมาใช้ในช่วงต้นปีนี้จริง แต่อย่าลืมว่าเราเองก็ต้องโยกค่าใช้จ่ายต่างๆ มาช่วงนี้เช่นกัน ทำให้ภาพรวมในไตรมาสแรกพบว่ารายได้ต่ำกว่าเป้าที่วางไว้
ทั้งนี้ ประเมินว่าปีนี้รายได้รวมจากกลุ่มวิทยุจะต่ำกว่าเป้าที่วางไว้ถึง 30% จากที่มองว่าปีนี้จะมีรายได้กว่า 1,000 ล้านบาท ถือเป็นการดำเนินงานที่เลวร้ายที่สุดตั้งแต่ดำเนินธุรกิจมา เนื่องจากมองว่าปีนี้เป็นปีที่เจอปัญหารุมเร้ารอบด้านมากที่สุด ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และภัยธรรมชาติ ที่ต่างก็ยังไม่นิ่ง คาดเดาไม่ได้ รวมถึงหลังช่วงน้ำท่วมเป็นช่วงที่ไม่มีเวลาได้หายใจ ทำให้ไม่สามารถวางแผนการดำเนินธุรกิจให้ดำเนินไปได้อย่างมั่นคง ยิ่งธุรกิจวิทยุด้วยแล้ว ถือเป็นธุรกิจหรือเป็นสื่อที่มีการแข่งขันรุนแรง ค่าสัมปทานสูง แต่ระยะเวลาสัมปทานสั้น ค่าโฆษณายังปรับขึ้นได้ยากทำให้ธุรกิจนี้เห็นกำไรได้น้อย ส่งผลให้รายได้ปีนี้ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก
จากปัญหาที่เกิดขึ้น ทางบริษัทจึงได้เดินหน้าลงทุนขยายธุรกิจสู่เคเบิลทีวีเพื่อมุ่งเพิ่มรายได้ชดเชยในส่วนที่สูญเสียไปจากกลุ่มวิทยุ ล่าสุดพร้อมใช้เม็ดเงินกว่า 100 ล้านบาทสำหรับการเปิดตัวช่อง “แอปเปิ้ล แชนแนล” (Apple Channel) วาไรตีทีวี 24 ชั่วโมง ชูคอนเซ็ปต์ดึงคอนเทนต์จาก 4 คลื่นวิทยุในเครือ คือ คลื่นข่าว FM101 R.R. ONE, คลื่นเพลงสากล GET 103.5 เอฟเอ็ม วัน และคลื่นเพลงทางเลือกใหม่ 104.5 แฟต เรดิโอ มานำเสนอผ่านหน้าจอทีวี พร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 9 พฤษภาคมนี้
สำหรับช่องแอปเปิ้ล แชนแนล เดิมวางแผนที่จะเปิดตัวตั้งแต่เดือนตุลาคม ปีที่ผ่านมา แต่มีปัญหาความไม่พร้อมในด้านเทคนิคและอุปกรณ์ และจังหวะเวลาที่ยังไม่เหมาะสม ที่ผ่านมาจึงอยู่ในช่วงของการทดลองออกอากาศ ซึ่งวันที่ 9 พฤษภาคมนี้แอปเปิ้ล แชนแนล พร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการ โดยมีสปอนเซอร์หลายรายที่พร้อมก้าวเดินไปด้วยกัน ขณะที่ปัจจุบันเน้นรายการสดเป็นหลักราว 50% ในปีหน้าจะเพิ่มเป็น 70% เช่น รายการ Fast Fest รายการท่องเที่ยว, รายการ Go Wear รายการสารคดีแฟชั่นสุดล้ำ, รายการก่อนตายต้องได้กิน เป็นต้น มั่นใจว่าถึงสิ้นปีนี้จะมีรายได้ 70 ล้านบาท หรือคุ้มทุนใน 2 ปี
นายวาสนพงศ์ กล่าวต่อว่า โมเดลการดำเนินธุรกิจเคเบิลทีวีครั้งนี้พร้อมลงทุนไม่เกิน 3 ช่องในระยะเวลา 3 ปีหลังจากนี้ โดยภาพรวมการลงทุนทั้งหมดน่าจะอยู่ที่ 200 ล้านบาท หรือในอีก 3 ปีข้างหน้ารายได้จากกลุ่มเคเบิลทีวีน่าจะอยู่ที่ 300 ล้านบาท ซึ่งช่องที่ 2 นั้นจะมุ่งพัฒนาร่วมกับพันธมิตรในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเข้าไปร่วมทุน และให้พันธมิตรผลิตรายการให้ ส่วนรูปแบบช่องนั้นจะดึงเอาคอนเทนต์จาก 4 คลื่นวิทยุมาต่อยอด โดยอาจจะทำเป็นช่องข่าวก็เป็นได้ ขณะเดียวกันยังมุ่งต่อยอดรายได้จากช่องรายการด้วย ไม่ว่าจะเป็นอีเวนต์หรือขายตรง เช่น ขายเมอร์ชันไดส์จากรายการการ์ตูนที่ได้ลิขสิทธิ์มาฉาย เป็นต้น ส่วนธุรกิจวิทยุนั้น เบื้องต้นยังคงดำเนินธุรกิจต่อไป แต่ถ้าคลื่นใดไปไม่ไหวจริงๆ ก็พร้อมปล่อยมือหรือยุติคลื่นนั้นลง