ASTVผู้จัดการรายวัน-“ชัจจ์”ขีดเส้นสิ้นก.ค.ร.ฟ.ท.เลิกสัญญาผู้ค้า 64 แผงแน่ เตรียมรายใหม่ทำสัญญาแทน สั่งเจ้าหน้าดูแลเข้มงวดมั่นใจเอาอยู่ไม่มีวุ่นวาย ชี้เหตุค้างค่าเช่าผิดเงื่อนไข ชี้กลุ่มมีปัญหามีการเมืองยุยง ส่วนใหญ่มีหลายแผง ไม่เดือดร้อนจริง เปิดเจรจาตรวจสอบข้อเท็จจริงแต่ไม่กล้ามา
พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า กรณีที่มีกลุ่มผู้ค้าตลาดนัดจตุจักรค้างค่าเช่าแผงกว่า 600 รายคิดเป็นเงินกว่า 4 ล้านบาทนั้น ขณะนี้มีผู้ค้า 64 รายที่จะถูกเลิกสัญญา เนื่องจากผิดเงื่อนไขสัญญาเช่า ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ได้ติดป้ายแจ้งแล้วโดยให้เวลาสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้จะพิจารณายึดแผงค้าคืนและให้ผู้เช่ารายใหม่ที่รอคิวอยู่ได้เข้าทำการค้าแทน ยืนยันว่าร.ฟ.ท.ดำเนินการตามกฎหมายทุกประการ โดยผู้ค้าสามารถค้างค่าเช่าได้ 2 เดือนเดือนที่ 3 ยกเลิกสัญญา ซึ่งกลุ่มนี้ค้างค่าเช่าเกินเกิน 3เดือนและถูกแจ้งเตือนมา 2 ครั้งแล้ว กรณีหากศาลปกครองตัดสินในภายหลังว่า ผู้ค้าชนะร.ฟ.ท.ยินดีจ่ายค่าเสียหายให้
ทั้งนี้ พบว่ากลุ่มที่บอกว่าค่าเช่าแพง ส่วนใหญ่เป็นเจ้าของหลายแผง มีนายสงวน ดำรงไทย ประธานสหกรณ์ผู้ค้าสวนจตุจักรเป็นแกนนำ ให้นำเงินรายละ1,000 บาทไปจ้างทนายยื่นฟ้องศาลปกครอง ซึ่งกรณีที่ผู้ค้าไม่สามารถจ่ายค่าเช่าแผงได้เพราะค้าขายไม่ได้ ให้มาแจ้งร.ฟ.ท.จะส่งเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบ ถ้าเป็นจริงจะมีการช่วยเหลือทั้งลดค่าเช่าและช่วยด้านการตลาดแต่ไม่มีมาร้องเรียนเลย ส่วนที่ไม่พอใจก็จะไม่จ่ายค่าเช่าและไปฟ้องศาล
“ร.ฟ.ท.เป็นเจ้าของสามารถเลือกผู้เช่าได้ ผู้ค้าพวกนี้เป็นกลุ่มที่ค้าขายมานาน มีปัญหาตลอด ทำตัวเป็นปรปักษ์กับร.ฟ.ท. เรื่องนี้มีคนยุยงอยู่เบื้องหลัง เป็นกลุ่มการเมืองที่ทำให้วุ่นวาย อยากจะบอกว่า ตัวผม กระทรวงคมนาคมและร.ฟ.ท.มีเจตนาบริสุทธิ์ที่จะพัฒนาตลาดนัดจตุจักรให้เป็นตลาดที่น่าท่องเที่ยว น่าเข้ามาจับจ่าย น่าพักผ่อน เป็นจุดพบปะของทุกคน
อนาคตจะพัฒนาเป็น Night Market เป็น Walking Street แผงค้าจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ดังนั้นต้องรักษาระเบียบเพื่อป้องกันตลาดไม่ให้ล่มสลาย ”
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเมื่อเลิกสัญญาและให้ผู้เช่าใหม่เข้าไปจะไม่เกิดความวุ่นวาย โดยมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยดูแลอย่างเข้มงวด นอกจากนี้ได้ให้ร.ฟ.ท.ประชาสัมพันธ์กรณีผู้ค้าที่เป็นผู้เช่าช่วงหากกล้ามายืนยันและตรวจสอบแล้วว่าเช้าช่วงมาจริงโดยไม่ได้รับอนุญาต ให้ร.ฟ.ท.ทำสัญญาตรงกับผู้เช่าช่วง และยกเลิกผู้ให้เช่าช่วงเพราะต้องการผู้ค้าจริงๆ และกำจัดเหลือบที่สูบเลือกเนื้อคนค้าขาย เพราะมีคนอยากเข้ามาค้าขายอีกมาก ที่ยอมจ่ายเงินค่าแรกเข้า 50,000 บาทไว้แล้วมี 50-60 ราย
พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า กรณีที่มีกลุ่มผู้ค้าตลาดนัดจตุจักรค้างค่าเช่าแผงกว่า 600 รายคิดเป็นเงินกว่า 4 ล้านบาทนั้น ขณะนี้มีผู้ค้า 64 รายที่จะถูกเลิกสัญญา เนื่องจากผิดเงื่อนไขสัญญาเช่า ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ได้ติดป้ายแจ้งแล้วโดยให้เวลาสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้จะพิจารณายึดแผงค้าคืนและให้ผู้เช่ารายใหม่ที่รอคิวอยู่ได้เข้าทำการค้าแทน ยืนยันว่าร.ฟ.ท.ดำเนินการตามกฎหมายทุกประการ โดยผู้ค้าสามารถค้างค่าเช่าได้ 2 เดือนเดือนที่ 3 ยกเลิกสัญญา ซึ่งกลุ่มนี้ค้างค่าเช่าเกินเกิน 3เดือนและถูกแจ้งเตือนมา 2 ครั้งแล้ว กรณีหากศาลปกครองตัดสินในภายหลังว่า ผู้ค้าชนะร.ฟ.ท.ยินดีจ่ายค่าเสียหายให้
ทั้งนี้ พบว่ากลุ่มที่บอกว่าค่าเช่าแพง ส่วนใหญ่เป็นเจ้าของหลายแผง มีนายสงวน ดำรงไทย ประธานสหกรณ์ผู้ค้าสวนจตุจักรเป็นแกนนำ ให้นำเงินรายละ1,000 บาทไปจ้างทนายยื่นฟ้องศาลปกครอง ซึ่งกรณีที่ผู้ค้าไม่สามารถจ่ายค่าเช่าแผงได้เพราะค้าขายไม่ได้ ให้มาแจ้งร.ฟ.ท.จะส่งเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบ ถ้าเป็นจริงจะมีการช่วยเหลือทั้งลดค่าเช่าและช่วยด้านการตลาดแต่ไม่มีมาร้องเรียนเลย ส่วนที่ไม่พอใจก็จะไม่จ่ายค่าเช่าและไปฟ้องศาล
“ร.ฟ.ท.เป็นเจ้าของสามารถเลือกผู้เช่าได้ ผู้ค้าพวกนี้เป็นกลุ่มที่ค้าขายมานาน มีปัญหาตลอด ทำตัวเป็นปรปักษ์กับร.ฟ.ท. เรื่องนี้มีคนยุยงอยู่เบื้องหลัง เป็นกลุ่มการเมืองที่ทำให้วุ่นวาย อยากจะบอกว่า ตัวผม กระทรวงคมนาคมและร.ฟ.ท.มีเจตนาบริสุทธิ์ที่จะพัฒนาตลาดนัดจตุจักรให้เป็นตลาดที่น่าท่องเที่ยว น่าเข้ามาจับจ่าย น่าพักผ่อน เป็นจุดพบปะของทุกคน
อนาคตจะพัฒนาเป็น Night Market เป็น Walking Street แผงค้าจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ดังนั้นต้องรักษาระเบียบเพื่อป้องกันตลาดไม่ให้ล่มสลาย ”
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเมื่อเลิกสัญญาและให้ผู้เช่าใหม่เข้าไปจะไม่เกิดความวุ่นวาย โดยมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยดูแลอย่างเข้มงวด นอกจากนี้ได้ให้ร.ฟ.ท.ประชาสัมพันธ์กรณีผู้ค้าที่เป็นผู้เช่าช่วงหากกล้ามายืนยันและตรวจสอบแล้วว่าเช้าช่วงมาจริงโดยไม่ได้รับอนุญาต ให้ร.ฟ.ท.ทำสัญญาตรงกับผู้เช่าช่วง และยกเลิกผู้ให้เช่าช่วงเพราะต้องการผู้ค้าจริงๆ และกำจัดเหลือบที่สูบเลือกเนื้อคนค้าขาย เพราะมีคนอยากเข้ามาค้าขายอีกมาก ที่ยอมจ่ายเงินค่าแรกเข้า 50,000 บาทไว้แล้วมี 50-60 ราย