บริษัท ปตท. ในฐานะที่เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ได้นำสื่อมวลชนได้ดูงานในโครงการใหม่ๆ ของบริษัท ปตท.ที่รัฐอัลเบอร์ต้า ประเทศแคนาดา ซึ่งนับว่าเป็นประเทศที่มีแหล่งน้ำมันสำรองที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของโลก โดยมีนายณอคุณ สิทธิพงษ์ ประธานกรรมการบริษัท ปตท. และบริษัท ปตท.สผ. และนายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท.สผ. รวมทั้งดร.โยธิ ทองใหญ่ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท PTTEP Canada Limited ร่วมคณะเดินทางและอธิบายถึงภาระกิจการลงทุนในโครงการ Oil Sands
นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท.สผ. ได้อธิบายถึงภารกิจของ ปตท. ซึ่งเป็นผู้กำหนดนโยบายต่าง ๆ โดยมอบหมายภารกิจหลัก ให้ ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (ปตท.สผ.) ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันแห่งชาติ ซึ่งมีหน้าที่สำคัญในด้านการสำรวจ พัฒนา และผลิตปิโตรเลียม ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจุดประสงค์หลักนั้นคือจะเป็นบริษัทที่สำรวจและผลิตปิโตรเลียมของกลุ่ม ปตท.และของประเทศไทย นอกจากนี้เป็นการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศในการจัดหาน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติให้กับประเทศ รวมถึงจัดหาและเพิ่มปริมาณสำรองปิโตรเลียม และผลิตโปรเลียมทั้งในและต่างประเทศ เพื่อลดความเสี่ยงจากการจัดหาปิโตรเลียม ที่สำคัญเป็นการสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุน
ทั้งนี้ ปตท.สผ.มีแผนในการดำเนินกลยุทธ์ ซึ่งได้คำนึงถึงภาวะเศรษฐกิจและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลง รวมทั้งวิเคราะห์การลงทุน เพื่อเรียนรู้และปรับปรุงสถานะการลงทุนให้สมดุล โดยบริษัทได้มีแผนการทบทวนการดำเนินงานให้ตอบรับกับการลงทุนในระยะยาว และแนวโน้มธุรกิจสำรวจและปิโตรเลียมที่มีการเปลี่ยนแปลงรวมทั้งสถานะการณ์ลงทุนของบริษัท
นับตั้งแต่การรักษาระดับปริมาณการผลิตภายในประเทศ เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้น โดยเน้นการทำเทคโนฯที่ล้ำสมัยมาเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและเร่งสำรวจเพื่อประเมินศักยภาพทางปิโตรเลียมให้ครอบคลุมพื้นที่ที่ได้สัมปทาน เพื่อให้มีปริมาณสำรองที่ยั่งยืน
นอกจากนี้การขยายการลงทุนในต่างประเทศ ปตท.สผ.มีกลยุทธ์การขยายการลงทุนในต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายหลักเน้นขยายฐานลงทุนไปยังประเทศต่าง ๆ ปัจจุบัน ปตท.สผ. ได้ลงทุนในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ทั้งในและต่างประเทศรวม 41 โครงการ ใน 12 ประเทศ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันออกกลาง แอฟริการเหนือ ออสตราเลเซียและอเมริกาเหนือ
สำหรับการเยี่ยมชมโครงการ Oil Lands KKD ครั้งนี้ นับเป็นแหล่งพลังอีกแห่งที่น่าสนใจในทวีปอเมริกาเหนือ ซึ่ง ปตท.สผ.ได้เข้าร่วมลงทุนในแหล่งออยล์ แซนด์ มาตั้งแต่ปี 2553 ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ที่จะเพิ่มปริมาณสำรองน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ และสร้างการเติบโตให้กับบริษัทในระยะยาว โดยได้ร่วมลงทุนในแหล่งออยล์ แซนด์ เคเคดี (Oil Sand KKD ) กับบริษัท สแตทออยล์ แคนาดา
หลายคนยังมีข้อสังสัยว่า Oil sands คืออะไร พอสรุปได้ว่าเป็นแหล่งปิโตรเลียมรูปแบบใหม่ (Unconventional) ประเภทหนึ่ง โดยปิโตรเลียมชนิดนี้มีส่วนประกอบของทราย โคลน น้ำและ bitumen ที่มีความหนาแน่นและสูงและหนืด สำหรับ Oil sands นี้จะพบเป็นจำนวนมากในแคนาดาและเวเนซุเอลา ส่วน Bitumen นั้นคือน้ำมันดิบที่มีความหนืดสูง (Extra Heavy crude oil ) อยู่ในรูปกึ่งของแข็งหรือของแข็ง ที่จะต้องใช้ความร้อนหรือการเจือจางโดยไฮโดรคาร์บอนที่มีความเบากว่าจึงจะทำให้ bitumen เคลื่อนตัวได้ ดังนั้นก่อนการที่จะขนส่งผ่านท่อเพื่อส่งไปยังโรงกลั่น จะต้องใช้วิธีการ upgrade โดยการใช้ความร้อนเพื่อทำให้ bitumen กลายเป็น synthetic crude oil หรือผสม bitumen กับไฮโดรคาร์บอนที่มีความเบาบางเพื่อให้สามารถเคลื่อนตัวได้ ทั้งนี้เทคโนโลยีที่นำมาใช้ในการนี้ได้มีการค้นคว้าวิจัยและพัฒนาเพื่อให้มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด และสามารถผลิตOil Sands ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และคุ้มค่าต่อการลงทุน และประหยัดในการขนส่งอีกด้วย
สำหรับOil Sands ในแคนาดานั้นมีปริมาณสำรองน้ำมันดิบมากเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากซาอุดิอาระเบีย และเวเนซุเอลา โดยมีปริมาณสำรองทั้งหมด 174 พันล้านบาร์เรล ส่วน Oil Sands คิดเป็นประมาณ 169 พันล้านบาร์เรล (97% ) ส่วนระดับการผลิต Oil Sands ในปี ค.ศ. 2011 แคนาดาผลิต Crude oil ได้ทั้งหมด 3.0 ล้านบาร์เรลต่อวัน ผลิตมาจาก Oil sands ประมาณ 1.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน ( 53%) ซึ่งนับว่าการผลิต Oil Sands นี้จะสูงขึ้นเรื่อย ๆ และมีความสำคัญในอนาคต โดยคาดว่าในค.ศ. 2030 จะมีการผลิตได้ถึง 5.0 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากการผลิต Crude oil ทั้งประเทศ 602 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ส่วนตลาดส่งออกปัจจุบันแคนาดาเป็นผู้ส่งออก น้ำมันดิบ และน้ำมันสำเร็จรูป รายใหญ่ ให้กับ สหรัฐอเมริกา โดยปีนี้สหรัฐนำเข้าน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปจากแคนาดาทั้งสิ้น 2.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยแคนาดามีระบบท่อที่สามารถส่งออกน้ำมันดิบจากมณฑล ALberta ไปยังสหรัฐอเมริกด้านตะวันออกของแคนาดา และส่งออกทางเรือได้อีกด้วย อย่างไรก็ตามอนาคตแคนาดามีแผนที่จะขยายกำลังการส่งออกเพื่อรองรับการผลิต Oil Sands ที่เพิ่มขึ้นโดยการสร้างระบบท่อใหม่หลายเส้นทางเพื่อส่งไปยังสหรัฐและส่งออกไปยังทะเลไปตลาดเอเซียด้วย
จากแผนงานต่าง ๆ แสดงให้เห็นว่าผู้บริหารบริษัท ปตท. ได้มีวิสัยทัศน์ในการหาแหล่งพลังงานเพื่อรองรับในอนาคตอีก 100 ปีข้างหน้าจึงเป็นสิ่งที่ดี เพื่อลดการสั่งซื้อน้ำมันจากต่างประเทศและหาแหล่งพลังงานใหม่ ๆ มาทดแทน และมอบภาระกิจให้ ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม ตั้งบริษัทขึ้นใหม่ชื่อ PTTEP Canada จำกัด ( PTTEP CA ) ซึ่งเป็นย่อยตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 2011 ภายใต้กฎหมายของรัฐ Alberta ตั้งอยู่ที่เมือง Calgary ปัจจุบันถือหุ้น40% ในโครงการ KKD ซึ่งมีแผนการขยายลงทุนในทวีปอเมริกาเหนืออีกด้วย ถึงแม้ปัจจุบันการผลิตของแคนาดา ออยล์ แซนด์ เคเคดี ได้เริ่มดำเนินการมาและมีกำลังการผลิตได้ 20,000 บาร์เรลต่อวัน และมีแผนในการพัฒนาและขยายกำลังกำลังการผลิตให้ได้ 40,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาด้านวิศวกรรมและหากมีความเป็นไปได้อนาคตก็จะมีความสดใสในการหาแหล่งพลังงานใหม่ ๆมาทดแทน ที่สามารถสำรองได้ถึง 100 ปีข้างหน้า จึงเป็นเรื่องที่มีความเป็นไปได้ภายใต้นโยบายพลังงานของ ปตท.และปตท.สผ.นั่นเอง
นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท.สผ. ได้อธิบายถึงภารกิจของ ปตท. ซึ่งเป็นผู้กำหนดนโยบายต่าง ๆ โดยมอบหมายภารกิจหลัก ให้ ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (ปตท.สผ.) ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันแห่งชาติ ซึ่งมีหน้าที่สำคัญในด้านการสำรวจ พัฒนา และผลิตปิโตรเลียม ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจุดประสงค์หลักนั้นคือจะเป็นบริษัทที่สำรวจและผลิตปิโตรเลียมของกลุ่ม ปตท.และของประเทศไทย นอกจากนี้เป็นการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศในการจัดหาน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติให้กับประเทศ รวมถึงจัดหาและเพิ่มปริมาณสำรองปิโตรเลียม และผลิตโปรเลียมทั้งในและต่างประเทศ เพื่อลดความเสี่ยงจากการจัดหาปิโตรเลียม ที่สำคัญเป็นการสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุน
ทั้งนี้ ปตท.สผ.มีแผนในการดำเนินกลยุทธ์ ซึ่งได้คำนึงถึงภาวะเศรษฐกิจและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลง รวมทั้งวิเคราะห์การลงทุน เพื่อเรียนรู้และปรับปรุงสถานะการลงทุนให้สมดุล โดยบริษัทได้มีแผนการทบทวนการดำเนินงานให้ตอบรับกับการลงทุนในระยะยาว และแนวโน้มธุรกิจสำรวจและปิโตรเลียมที่มีการเปลี่ยนแปลงรวมทั้งสถานะการณ์ลงทุนของบริษัท
นับตั้งแต่การรักษาระดับปริมาณการผลิตภายในประเทศ เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้น โดยเน้นการทำเทคโนฯที่ล้ำสมัยมาเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและเร่งสำรวจเพื่อประเมินศักยภาพทางปิโตรเลียมให้ครอบคลุมพื้นที่ที่ได้สัมปทาน เพื่อให้มีปริมาณสำรองที่ยั่งยืน
นอกจากนี้การขยายการลงทุนในต่างประเทศ ปตท.สผ.มีกลยุทธ์การขยายการลงทุนในต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายหลักเน้นขยายฐานลงทุนไปยังประเทศต่าง ๆ ปัจจุบัน ปตท.สผ. ได้ลงทุนในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ทั้งในและต่างประเทศรวม 41 โครงการ ใน 12 ประเทศ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันออกกลาง แอฟริการเหนือ ออสตราเลเซียและอเมริกาเหนือ
สำหรับการเยี่ยมชมโครงการ Oil Lands KKD ครั้งนี้ นับเป็นแหล่งพลังอีกแห่งที่น่าสนใจในทวีปอเมริกาเหนือ ซึ่ง ปตท.สผ.ได้เข้าร่วมลงทุนในแหล่งออยล์ แซนด์ มาตั้งแต่ปี 2553 ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ที่จะเพิ่มปริมาณสำรองน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ และสร้างการเติบโตให้กับบริษัทในระยะยาว โดยได้ร่วมลงทุนในแหล่งออยล์ แซนด์ เคเคดี (Oil Sand KKD ) กับบริษัท สแตทออยล์ แคนาดา
หลายคนยังมีข้อสังสัยว่า Oil sands คืออะไร พอสรุปได้ว่าเป็นแหล่งปิโตรเลียมรูปแบบใหม่ (Unconventional) ประเภทหนึ่ง โดยปิโตรเลียมชนิดนี้มีส่วนประกอบของทราย โคลน น้ำและ bitumen ที่มีความหนาแน่นและสูงและหนืด สำหรับ Oil sands นี้จะพบเป็นจำนวนมากในแคนาดาและเวเนซุเอลา ส่วน Bitumen นั้นคือน้ำมันดิบที่มีความหนืดสูง (Extra Heavy crude oil ) อยู่ในรูปกึ่งของแข็งหรือของแข็ง ที่จะต้องใช้ความร้อนหรือการเจือจางโดยไฮโดรคาร์บอนที่มีความเบากว่าจึงจะทำให้ bitumen เคลื่อนตัวได้ ดังนั้นก่อนการที่จะขนส่งผ่านท่อเพื่อส่งไปยังโรงกลั่น จะต้องใช้วิธีการ upgrade โดยการใช้ความร้อนเพื่อทำให้ bitumen กลายเป็น synthetic crude oil หรือผสม bitumen กับไฮโดรคาร์บอนที่มีความเบาบางเพื่อให้สามารถเคลื่อนตัวได้ ทั้งนี้เทคโนโลยีที่นำมาใช้ในการนี้ได้มีการค้นคว้าวิจัยและพัฒนาเพื่อให้มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด และสามารถผลิตOil Sands ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และคุ้มค่าต่อการลงทุน และประหยัดในการขนส่งอีกด้วย
สำหรับOil Sands ในแคนาดานั้นมีปริมาณสำรองน้ำมันดิบมากเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากซาอุดิอาระเบีย และเวเนซุเอลา โดยมีปริมาณสำรองทั้งหมด 174 พันล้านบาร์เรล ส่วน Oil Sands คิดเป็นประมาณ 169 พันล้านบาร์เรล (97% ) ส่วนระดับการผลิต Oil Sands ในปี ค.ศ. 2011 แคนาดาผลิต Crude oil ได้ทั้งหมด 3.0 ล้านบาร์เรลต่อวัน ผลิตมาจาก Oil sands ประมาณ 1.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน ( 53%) ซึ่งนับว่าการผลิต Oil Sands นี้จะสูงขึ้นเรื่อย ๆ และมีความสำคัญในอนาคต โดยคาดว่าในค.ศ. 2030 จะมีการผลิตได้ถึง 5.0 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากการผลิต Crude oil ทั้งประเทศ 602 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ส่วนตลาดส่งออกปัจจุบันแคนาดาเป็นผู้ส่งออก น้ำมันดิบ และน้ำมันสำเร็จรูป รายใหญ่ ให้กับ สหรัฐอเมริกา โดยปีนี้สหรัฐนำเข้าน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปจากแคนาดาทั้งสิ้น 2.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยแคนาดามีระบบท่อที่สามารถส่งออกน้ำมันดิบจากมณฑล ALberta ไปยังสหรัฐอเมริกด้านตะวันออกของแคนาดา และส่งออกทางเรือได้อีกด้วย อย่างไรก็ตามอนาคตแคนาดามีแผนที่จะขยายกำลังการส่งออกเพื่อรองรับการผลิต Oil Sands ที่เพิ่มขึ้นโดยการสร้างระบบท่อใหม่หลายเส้นทางเพื่อส่งไปยังสหรัฐและส่งออกไปยังทะเลไปตลาดเอเซียด้วย
จากแผนงานต่าง ๆ แสดงให้เห็นว่าผู้บริหารบริษัท ปตท. ได้มีวิสัยทัศน์ในการหาแหล่งพลังงานเพื่อรองรับในอนาคตอีก 100 ปีข้างหน้าจึงเป็นสิ่งที่ดี เพื่อลดการสั่งซื้อน้ำมันจากต่างประเทศและหาแหล่งพลังงานใหม่ ๆ มาทดแทน และมอบภาระกิจให้ ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม ตั้งบริษัทขึ้นใหม่ชื่อ PTTEP Canada จำกัด ( PTTEP CA ) ซึ่งเป็นย่อยตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 2011 ภายใต้กฎหมายของรัฐ Alberta ตั้งอยู่ที่เมือง Calgary ปัจจุบันถือหุ้น40% ในโครงการ KKD ซึ่งมีแผนการขยายลงทุนในทวีปอเมริกาเหนืออีกด้วย ถึงแม้ปัจจุบันการผลิตของแคนาดา ออยล์ แซนด์ เคเคดี ได้เริ่มดำเนินการมาและมีกำลังการผลิตได้ 20,000 บาร์เรลต่อวัน และมีแผนในการพัฒนาและขยายกำลังกำลังการผลิตให้ได้ 40,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาด้านวิศวกรรมและหากมีความเป็นไปได้อนาคตก็จะมีความสดใสในการหาแหล่งพลังงานใหม่ ๆมาทดแทน ที่สามารถสำรองได้ถึง 100 ปีข้างหน้า จึงเป็นเรื่องที่มีความเป็นไปได้ภายใต้นโยบายพลังงานของ ปตท.และปตท.สผ.นั่นเอง