ASTVผู้จัดการรายวัน - ผอ.สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ ออกเอกสารยืนยันรับตัวและควบคุมตัว “หญิงแก่” หมิ่นฯ ในหลวง ตรวจว่าบ้าจริง หรือแกล้งบ้าแล้ว รอผลตรวจไม่เกิน 45 วัน ปฏิเสธข่าวเตรียมบินหนีออกนอกประเทศ เป็นเพียงข่าวลือ ชี้มีกฎหมายควบคุมตัวคนไข้ที่ตกเป็นผู้ต้องหาเมื่ออยู่ในความดูแลของสถาบันฯ ชี้มี ตร.เฝ้า เผยเหตุต้องปิดข่าวเพราะ พ.ร.บ.คุ้มครองคนไข้ ห้ามเปิดเผยข้อมูลคนไข้ ด้าน ตร.ยันรอผลตรวจก่อนถึงจะรู้ว่าแจ้งข้อหาได้หรือไม่?!
วานนี้ (19 ก.ค.) ที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข เลขที่ 23 หมู่ 8 ถนนพุทธมณฑลสาย 4 แขวงและเขตทวีวัฒนา กทม. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปสอบถามความคืบหน้ากับ นพ.ศิริศักดิ์ ธิติดิลกรัตน์ ผอ.สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ ถึงกรณีการรับตัวนางฐิตินันท์ แก้วจันทรานนท์ อายุ 63 ปี เข้ารับการรักษาตัวไว้ ซึ่งเป็นผู้ที่กระทำการมิบังควรต่อพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หน้าศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ (13 ก.ค.) ที่ผ่านมา ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยคำร้องร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมาตรา 291 เข้าข่ายล้มล้างการปกครองหรือไม่ เตรียมจะเดินทางกลับประเทศนิวซีแลนด์ด้วยเที่ยวบินที่ TG 491 ในวันที่ 17 ก.ค. 55 เวลา 18.40 น.ที่ผ่านมา รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนเวลาเครื่องบินจะทำการบินได้มีประชาชนกว่า 200 คนมาประท้วงที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยถือป้าย ร้องเพลง ประท้วง ดักรอนางฐิตินันท์โดยมีตำรวจมาควบคุมสถานการณ์ประมาณ 1 กองร้อย ทว่า ในที่สุดนางฐิตินันท์ไม่ได้ปรากฏตัวแต่อย่างใด มีเพียงสามีที่เดินทางกลับนิวซีแลนด์เพียงลำพัง โดยวันนี้ไม่ได้พบ ผอ.สถาบันฯ แต่อย่างใด มีเพียงฝ่ายประชาสัมพันธ์มาพูดคุยกับผู้สื่อข่าวพร้อมชี้แจงว่าไม่สามารถให้ข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้น ได้ให้เพียงเอกสารซึ่งเป็นคำกล่าวยืนยันของผู้อำนวยการสถาบันฯ ดังนี้
นพ.ศิริศักดิ์กล่าวยืนยันว่า ขณะนี้นางฐิตินันท์ แก้วจันทรานนท์ ยังอยู่ที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ ไม่ได้เป็นไปตามกระแสข่าวทางสังคมออนไลน์ที่ระบุว่าหญิงดังกล่าวจะไปขึ้นเครื่องบินเพื่อกลับนิวซีแลนด์แต่อย่างใด ทางสถาบันฯ ได้รับตัวไว้ตั้งแต่วันที่ 14 ก.ค. 55 โดยพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง ควบคุมตัวและนำส่งที่สถาบันฯ เพราะว่าเข้าข่ายมาตรา 22 ของ พ.ร.บ.สุขภาพจิต ซึ่งเป็นการคุ้มครองความปลอดภัยต่อสังคมและตัวบุคคลนั้นเอง และจำเป็นต้องได้รับการประเมินวินิจฉัย ถ้าป่วยก็รักษาตามสิทธิผู้ป่วย
จากหลักฐานเบื้องต้นของการกระทำของหญิงดังกล่าวเข้าข่ายเป็นผู้ต้องหา แต่เมื่อพนักงานสอบสวนในขณะสอบสวนมีเหตุเชื่อว่า “วิกลจริต” ต้องพักการสอบสวนไว้ก่อน แล้วส่งให้จิตแพทย์ตรวจ ซึ่งทางสถาบันฯ ก็ต้องดำเนินการให้ความเห็นว่าวิกลจริตหรือไม่ มีสติสัมปชัญญะในการให้ปากคำหรือไม่ ภายใน 45 วัน นับแต่วันรับตัวไว้ต่อไป
ทั้งนี้ เมื่อรับตัวไว้แล้ว ทางสถาบันฯ ต้องมีมาตรการป้องกันการหลบหนี (มาตรา 33 ของ พ.ร.บ.สุขภาพจิต) ซึ่งทาง สน.ทุ่งสองห้องได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นายมาเฝ้าที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์อีกด้วย จึงเป็นไปไม่ได้ที่หญิงดังกล่าวจะออกนอกสถาบันเพื่อไปขึ้นเครื่องบิน ดังนั้นเมื่อฟังข่าวลือใดๆ แล้วก็ขอให้ไตร่ตรองให้ดีและพิจารณาข้อมูลให้รอบด้าน
“เหตุที่ไม่ได้แถลงข่าวการรับตัวไว้ เพราะมีกฎหมายเรื่องการห้ามเปิดเผยความลับของผู้ป่วย โดยเฉพาะต่อสื่อสารมวลชน ซึ่งมีบทลงโทษตามกฎหมาย ยิ่งเป็นหน่วยงานรัฐก็ยิ่งต้องทำตามกฎหมาย” นพ.ศิริศักดิ์กล่าว
ทั้งนี้ ทางกองบรรณาธิการ ASTV ผู้จัดการรายวัน ได้ขอสัมภาษณ์ นพ.ศิริศักดิ์ ทางโทรศัพท์ ได้รับการเปิดเผยจาก นพ.ศิริศักดิ์ ว่าตามกระบวนการขั้นตอนการรักษาคนไข้ที่คาดว่าจะป่วยเป็นโรควิกลจริตจริงหรือไม่นั้น ตามกฎหมายกำหนดไว้ไม่เกิน 45 วัน แต่จากการตรวจจริงนั้นสามารถทราบผลได้ภายใน 30 วัน ก็จะทราบผลจากการประเมิน “เคสคอนเฟอเรนซ์” ที่ต้องอาศัยการเฝ้าสังเกตอาการจากนักจิตวิทยา และจิตแพทย์ พยาบาล ที่เข้าทำการประเมินอาการผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด ซึ่งขั้นตอนในขณะนี้ที่ทางสถาบันฯ ได้รับนางฐิตินันท์อยู่ในขณะนี้คืออยู่ระหว่างการสังเกตุอาการคนไข้ที่ได้มีการพูดคุยกับนักจิตวิทยา ซึ่งในวันนี้ตนได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ทำหนังสือขอรายงานพฤติกรรมคนไข้ที่จับกุมได้ในที่เกิดเหตุจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ และรายงานประวัติการรักษาที่ รพ.ศรีธัญญา และประวัติการรักษาจากโรงพยาบาลต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศต่อไป ส่วนเรื่องการที่หลายฝ่ายเกรงว่าคนไข้จะหลบหนีนั้น ตนยืนยันได้ว่าได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ มาคอยเฝ้าสังเกตุการณ์อยู่ที่หน้าห้องคนไข้ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ หากผลการประเมินเคสคอนเฟอเรนซ์ ซึ่งจะเป็นผลตรวจคนไข้ออกมาจริงอย่างเต็มรูปแบบว่าถือเป็นผู้ป่วยวิกลจริตหรือไม่
ทางด้าน พ.ต.ท.พงษ์ สังข์มุรินทร์ ผกก.ทุ่งสองห้อง เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ให้ทางพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้องทำสอบปากคำพยานแวดล้อมวันที่เกิดเหตุ รวมถึงทางญาติของนางฐิตินันท์เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานประกอบในสำนวนคดีไว้แล้ว เหลือเพียงผลจากทางแพทย์สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ ที่รับตัวนางฐิตินันท์เข้ารับการรักษาตามกฎเกณฑ์ของสถาบันว่าจะใช้ระยะเวลานานเท่าใดใน และพร้อมที่จะให้ทางพนักงานสอบสวนเข้าสอบปากคำได้เมื่อไหร่ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อมาจากสถาบันฯ แต่อย่างใด ทั้งนี้หากทางสถาบันฯ แจ้งมาทางพนักงานสอบสวนพร้อมเดินทางไปสอบปากคำทันที สำหรับการแจ้งข้อหานั้นยังไม่สามารถระบุได้ต้องรอผลการตรวจจากแพทย์เสียก่อนว่าเป็นบุคคลปกติ หรือวิกลจริตแต่อย่างใด
วานนี้ (19 ก.ค.) ที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข เลขที่ 23 หมู่ 8 ถนนพุทธมณฑลสาย 4 แขวงและเขตทวีวัฒนา กทม. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปสอบถามความคืบหน้ากับ นพ.ศิริศักดิ์ ธิติดิลกรัตน์ ผอ.สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ ถึงกรณีการรับตัวนางฐิตินันท์ แก้วจันทรานนท์ อายุ 63 ปี เข้ารับการรักษาตัวไว้ ซึ่งเป็นผู้ที่กระทำการมิบังควรต่อพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หน้าศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ (13 ก.ค.) ที่ผ่านมา ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยคำร้องร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมาตรา 291 เข้าข่ายล้มล้างการปกครองหรือไม่ เตรียมจะเดินทางกลับประเทศนิวซีแลนด์ด้วยเที่ยวบินที่ TG 491 ในวันที่ 17 ก.ค. 55 เวลา 18.40 น.ที่ผ่านมา รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนเวลาเครื่องบินจะทำการบินได้มีประชาชนกว่า 200 คนมาประท้วงที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยถือป้าย ร้องเพลง ประท้วง ดักรอนางฐิตินันท์โดยมีตำรวจมาควบคุมสถานการณ์ประมาณ 1 กองร้อย ทว่า ในที่สุดนางฐิตินันท์ไม่ได้ปรากฏตัวแต่อย่างใด มีเพียงสามีที่เดินทางกลับนิวซีแลนด์เพียงลำพัง โดยวันนี้ไม่ได้พบ ผอ.สถาบันฯ แต่อย่างใด มีเพียงฝ่ายประชาสัมพันธ์มาพูดคุยกับผู้สื่อข่าวพร้อมชี้แจงว่าไม่สามารถให้ข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้น ได้ให้เพียงเอกสารซึ่งเป็นคำกล่าวยืนยันของผู้อำนวยการสถาบันฯ ดังนี้
นพ.ศิริศักดิ์กล่าวยืนยันว่า ขณะนี้นางฐิตินันท์ แก้วจันทรานนท์ ยังอยู่ที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ ไม่ได้เป็นไปตามกระแสข่าวทางสังคมออนไลน์ที่ระบุว่าหญิงดังกล่าวจะไปขึ้นเครื่องบินเพื่อกลับนิวซีแลนด์แต่อย่างใด ทางสถาบันฯ ได้รับตัวไว้ตั้งแต่วันที่ 14 ก.ค. 55 โดยพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง ควบคุมตัวและนำส่งที่สถาบันฯ เพราะว่าเข้าข่ายมาตรา 22 ของ พ.ร.บ.สุขภาพจิต ซึ่งเป็นการคุ้มครองความปลอดภัยต่อสังคมและตัวบุคคลนั้นเอง และจำเป็นต้องได้รับการประเมินวินิจฉัย ถ้าป่วยก็รักษาตามสิทธิผู้ป่วย
จากหลักฐานเบื้องต้นของการกระทำของหญิงดังกล่าวเข้าข่ายเป็นผู้ต้องหา แต่เมื่อพนักงานสอบสวนในขณะสอบสวนมีเหตุเชื่อว่า “วิกลจริต” ต้องพักการสอบสวนไว้ก่อน แล้วส่งให้จิตแพทย์ตรวจ ซึ่งทางสถาบันฯ ก็ต้องดำเนินการให้ความเห็นว่าวิกลจริตหรือไม่ มีสติสัมปชัญญะในการให้ปากคำหรือไม่ ภายใน 45 วัน นับแต่วันรับตัวไว้ต่อไป
ทั้งนี้ เมื่อรับตัวไว้แล้ว ทางสถาบันฯ ต้องมีมาตรการป้องกันการหลบหนี (มาตรา 33 ของ พ.ร.บ.สุขภาพจิต) ซึ่งทาง สน.ทุ่งสองห้องได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นายมาเฝ้าที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์อีกด้วย จึงเป็นไปไม่ได้ที่หญิงดังกล่าวจะออกนอกสถาบันเพื่อไปขึ้นเครื่องบิน ดังนั้นเมื่อฟังข่าวลือใดๆ แล้วก็ขอให้ไตร่ตรองให้ดีและพิจารณาข้อมูลให้รอบด้าน
“เหตุที่ไม่ได้แถลงข่าวการรับตัวไว้ เพราะมีกฎหมายเรื่องการห้ามเปิดเผยความลับของผู้ป่วย โดยเฉพาะต่อสื่อสารมวลชน ซึ่งมีบทลงโทษตามกฎหมาย ยิ่งเป็นหน่วยงานรัฐก็ยิ่งต้องทำตามกฎหมาย” นพ.ศิริศักดิ์กล่าว
ทั้งนี้ ทางกองบรรณาธิการ ASTV ผู้จัดการรายวัน ได้ขอสัมภาษณ์ นพ.ศิริศักดิ์ ทางโทรศัพท์ ได้รับการเปิดเผยจาก นพ.ศิริศักดิ์ ว่าตามกระบวนการขั้นตอนการรักษาคนไข้ที่คาดว่าจะป่วยเป็นโรควิกลจริตจริงหรือไม่นั้น ตามกฎหมายกำหนดไว้ไม่เกิน 45 วัน แต่จากการตรวจจริงนั้นสามารถทราบผลได้ภายใน 30 วัน ก็จะทราบผลจากการประเมิน “เคสคอนเฟอเรนซ์” ที่ต้องอาศัยการเฝ้าสังเกตอาการจากนักจิตวิทยา และจิตแพทย์ พยาบาล ที่เข้าทำการประเมินอาการผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด ซึ่งขั้นตอนในขณะนี้ที่ทางสถาบันฯ ได้รับนางฐิตินันท์อยู่ในขณะนี้คืออยู่ระหว่างการสังเกตุอาการคนไข้ที่ได้มีการพูดคุยกับนักจิตวิทยา ซึ่งในวันนี้ตนได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ทำหนังสือขอรายงานพฤติกรรมคนไข้ที่จับกุมได้ในที่เกิดเหตุจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ และรายงานประวัติการรักษาที่ รพ.ศรีธัญญา และประวัติการรักษาจากโรงพยาบาลต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศต่อไป ส่วนเรื่องการที่หลายฝ่ายเกรงว่าคนไข้จะหลบหนีนั้น ตนยืนยันได้ว่าได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ มาคอยเฝ้าสังเกตุการณ์อยู่ที่หน้าห้องคนไข้ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ หากผลการประเมินเคสคอนเฟอเรนซ์ ซึ่งจะเป็นผลตรวจคนไข้ออกมาจริงอย่างเต็มรูปแบบว่าถือเป็นผู้ป่วยวิกลจริตหรือไม่
ทางด้าน พ.ต.ท.พงษ์ สังข์มุรินทร์ ผกก.ทุ่งสองห้อง เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ให้ทางพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้องทำสอบปากคำพยานแวดล้อมวันที่เกิดเหตุ รวมถึงทางญาติของนางฐิตินันท์เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานประกอบในสำนวนคดีไว้แล้ว เหลือเพียงผลจากทางแพทย์สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ ที่รับตัวนางฐิตินันท์เข้ารับการรักษาตามกฎเกณฑ์ของสถาบันว่าจะใช้ระยะเวลานานเท่าใดใน และพร้อมที่จะให้ทางพนักงานสอบสวนเข้าสอบปากคำได้เมื่อไหร่ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อมาจากสถาบันฯ แต่อย่างใด ทั้งนี้หากทางสถาบันฯ แจ้งมาทางพนักงานสอบสวนพร้อมเดินทางไปสอบปากคำทันที สำหรับการแจ้งข้อหานั้นยังไม่สามารถระบุได้ต้องรอผลการตรวจจากแพทย์เสียก่อนว่าเป็นบุคคลปกติ หรือวิกลจริตแต่อย่างใด