วานนี้ ( 19 ก.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวภายหลังเข้าให้ปากคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหากับคณะอนุกรรมการไต่สวนกกต. กรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา ยื่นเรื่องร้องว่า พรรคประชาธิปัตย์ กระทำผิด มาตรา 71 ของพ.ร.บ.พรรคการเมือง กรณีรับเงินบริจาค จากบริษัทอีสต์วอเตอร์ จำกัด (มหาชน) ว่า ได้ยืนยันในข้อเท็จจริงว่าปัญหาการรับเงินบริจาคน้ำท่วมทั้งหมด ทางพรรคประชาธิปัตย์ ได้แยกบัญชีออกจากการบริหารงานของพรรคฯ ซึ่งเงินบริจาคได้ส่งมอบให้สำนักนายกรัฐมนตรี อย่างครบถ้วน โดยสำนักนายกรัฐมนตรีได้ออกใบเสร็จรับเงินให้กับผู้บริจาคทุกราย ตามจำนวนเงิน จึงยืนยันว่า ไม่มีการรับเงินบริจาคโดยอาศัยสถานการณ์น้ำท่วม ไปดำเนินการในสิ่งที่ผิดกฎหมาย โดยก่อนหน้านี้ทางพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้รายงานข้อมูลให้กับทางกกต.รับทราบว่า พรรคประชาธิปัตย์ ได้ดำเนินการตามเจตนารมณ์นี้ ตั้งแต่เดือนธ.ค.ปี 54 ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่จะมีการยื่นเรื่องร้องเรียนเข้ามา
ทั้งนี้มั่นใจว่า เรื่องดังกล่าว มีความชัดเจนอยู่แล้วว่า พรรคมีบทบาทเป็นเพียงผู้ประสานงานเท่านั้น และถ้าหากคณะกรรมการไต่สวนต้องการเอกสาร หรือข้อมูลเพิ่มเติมก็ยินดีให้ความร่วมมือ และแสดงข้อเท็จจริงเพิ่มเติม
เมื่อถามว่าจะมีการฟ้องกลับนายเรืองไกร หรือไม่ หาก กกต.ชี้มูลว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีความผิด นายอภิสิทธิ์ เพียงแค่ยิ้ม และไม่ได้ตอบคำถามกับสื่อมวลชนแต่อย่างใด
ด้านนายธนิศร์ ศรีประเทศ รองเลขาธิการ กกต. ด้านกิจการพรรคการเมือง และการออกเสียงประชามติ กล่าวว่า การไต่สวนของอนุกรรมการฯครั้งนี้ จะเป็นการไต่สวนในส่วนของพยานผู้ถูกร้อง จำนวน 5 ปากสุดท้าย ก่อนหน้านี้ได้มีการไต่สวนผู้ร้อง และพยานผู้ร้องไปแล้วทั้งหมด ซึ่งเชื่อว่าเมื่อไต่สวนเสร็จ คณะกรรการฯจะรวบรวม และสรุปข้อเท็จจริง แล้วสรุปผลให้นายทะเบียนพรรคการเมืองตามที่นายทะเบียนพรรคการเมืองให้ดำเนินการเรื่องนี้ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และให้มีการแยกสำนวนพิจารณาเรื่องนี้ออกจากกรณีที่ นายเรืองไกร ร้องว่าพรรคประชาธิปัตย์ กระทำความผิดที่เป็นเหตุให้ยุบพรรค เนื่องจากเข้าไปยุ่งเกี่ยวการแจกจ่ายถุงยังชีพ ที่ จ.พิษณุโลก
อย่างไรก็ตาม หากคำร้องนี้ นายทะเบียนพรรคการเมือง เห็นว่า คดีไม่มีมูล เห็นควรยกคำร้อง ก็จะเสนอต่อที่ประชุมกกต. เพื่อรับทราบเท่านั้น แต่หากนายทะเบียนพรรคการเมือง เห็นว่าคำร้องมีมูล ก็จะเสนอต่อที่ประชุมกกต. พิจารณา ซึ่งตามโทษที่กฎหมายกำหนด นายทะเบียนฯ สามารถสั่งปรับพรรค เป็นเงิน 3 เท่าของเงินบริจาค และอาจยื่นให้มีการยุบพรรคการเมืองได้
ทั้งนี้มั่นใจว่า เรื่องดังกล่าว มีความชัดเจนอยู่แล้วว่า พรรคมีบทบาทเป็นเพียงผู้ประสานงานเท่านั้น และถ้าหากคณะกรรมการไต่สวนต้องการเอกสาร หรือข้อมูลเพิ่มเติมก็ยินดีให้ความร่วมมือ และแสดงข้อเท็จจริงเพิ่มเติม
เมื่อถามว่าจะมีการฟ้องกลับนายเรืองไกร หรือไม่ หาก กกต.ชี้มูลว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีความผิด นายอภิสิทธิ์ เพียงแค่ยิ้ม และไม่ได้ตอบคำถามกับสื่อมวลชนแต่อย่างใด
ด้านนายธนิศร์ ศรีประเทศ รองเลขาธิการ กกต. ด้านกิจการพรรคการเมือง และการออกเสียงประชามติ กล่าวว่า การไต่สวนของอนุกรรมการฯครั้งนี้ จะเป็นการไต่สวนในส่วนของพยานผู้ถูกร้อง จำนวน 5 ปากสุดท้าย ก่อนหน้านี้ได้มีการไต่สวนผู้ร้อง และพยานผู้ร้องไปแล้วทั้งหมด ซึ่งเชื่อว่าเมื่อไต่สวนเสร็จ คณะกรรการฯจะรวบรวม และสรุปข้อเท็จจริง แล้วสรุปผลให้นายทะเบียนพรรคการเมืองตามที่นายทะเบียนพรรคการเมืองให้ดำเนินการเรื่องนี้ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และให้มีการแยกสำนวนพิจารณาเรื่องนี้ออกจากกรณีที่ นายเรืองไกร ร้องว่าพรรคประชาธิปัตย์ กระทำความผิดที่เป็นเหตุให้ยุบพรรค เนื่องจากเข้าไปยุ่งเกี่ยวการแจกจ่ายถุงยังชีพ ที่ จ.พิษณุโลก
อย่างไรก็ตาม หากคำร้องนี้ นายทะเบียนพรรคการเมือง เห็นว่า คดีไม่มีมูล เห็นควรยกคำร้อง ก็จะเสนอต่อที่ประชุมกกต. เพื่อรับทราบเท่านั้น แต่หากนายทะเบียนพรรคการเมือง เห็นว่าคำร้องมีมูล ก็จะเสนอต่อที่ประชุมกกต. พิจารณา ซึ่งตามโทษที่กฎหมายกำหนด นายทะเบียนฯ สามารถสั่งปรับพรรค เป็นเงิน 3 เท่าของเงินบริจาค และอาจยื่นให้มีการยุบพรรคการเมืองได้
