ASTVผู้จัดการรายวัน - ยาย"น้องเบิร์ด"สารภาพทั้งน้ำตา เป็นคนลงมือใช้ไม้ตีท้ายทอยหลานชายจริง อ้างไม่ตั้งใจให้ถึงตาย สาเหตุโกรธที่หลานชายมาขอเงิน 500 บาท พอไม่ได้กลับชักมีดขู่ ระบุที่ผ่านมายังก่อเหตุทุบตีตนเองบ่อยครั้ง ขณะที่ตร.เผยผู้ต้องหาเคยทะเลาะวิวาทยิงสามีเสียชีวิตเมื่อปี 2536 แต่สู้คดีจนชนะ ด้านแม่"น้องเบิร์ด"มาเยี่ยมยายถึงห้องชัง ห่วอาจคิดฆ่าตัวตายได้
วานนี้ (17 ก.ค.) ที่บช.น. พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. แถลงข่าวผลการจับกุม นางสมจิตร จำปาดี อายุ 55 ปี ผู้ต้องหาที่ฆ่า ด.ช.อรรถสิทธิ์ ลีเลิศยุทธ์ (น้องเบิร์ด) อายุ 13 ปี นักเรียนชั้น ม.1 ร.ร.วชิรธรรมสาธิต ซึ่งเป็นหลานชายแท้ๆเสียชีวิต ว่า เป็นคดีที่สะเทือนขวัญ ฝ่ายสืบสวนได้ควบคุมตัวยายที่อยู่กับเด็ก 2 คน ไปสอบปากคำ แต่ก็ยังให้การวกวน และปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคนฆ่า ซึ่งนางสมจิตรเป็นผู้ต้องสงสัยของตำรวจตั้งแต่แรกแล้ว แต่สาเหตุที่ยังไม่สามารถให้ข้อมูลได้เนื่องจากต้องการให้ผ่านงานศพของน้องเบิร์ดไปก่อน ไม่อยากให้ครอบครัวต้องสะเทือนใจมากไปกว่านี้ หลังจากเสร็จสิ้นงานศพตำรวจได้เชิญตัวมาสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง ประกอบกับมีหลักฐานที่รวบรวมได้บางส่วนที่บ่งชี้ว่านางสมจิตรเป็นคนลงมือฆ่าน้องเบิร์ด ซึ่งนางสมจิตรก็ยอมรับสารภาพว่าใช้ไม้ที่อยู่ในห้องฟาดไปที่ศีรษะของน้องเบิร์ด 1 ครั้ง แต่ไม่คิดว่าจะทำให้ถึงกับเสียชีวิต จากนั้นได้ลากศพไปในจุดที่ได้พบศพ ซึ่งขณะนี้ก็รับสารภาพทั้งหมด สาหตุที่ตนยังไม่ให้ข้อมูลทันที เนื่องจากตำรวจจะฟังคำรับสารภาพจากผู้ต้องหาฝ่ายเดียวไม่ได้ ต้องมีหลักฐานอื่นๆที่มายืนยันพิสูจน์ทราบให้ได้ว่าเป็นผู้กระทำผิดจริงๆ โดยก่อเหตุเพียงคนเดียว
จากการสอบสวนนางสมจิตรให้การทั้งน้ำตาว่า เป็นคนลงมือฆ่าหลานชายจริง สาเหตุเกิดจากจากความกดดันที่หลานชายชอบก่อเรื่องทะเลาะวิวาทกับคนอื่น จนทำให้ต้องอับอาย เพิ่งจะเข้าเรียนที่ใหม่ได้ไม่กี่เดือน ก็ก่อเรื่องจนอาจารย์ต้องเชิญผู้ปกครองไปพบ นักเรียนตั้ง 2,000 กว่าคน แต่หลานเกเรอยู่คนเดียว หลานชายมีพฤติกรรมก้าวร้าว และเกเร ก่อนหน้านี้เคยทุบที่หน้าอกจนตนหายใจไม่ออกเป็นลมล้มพับไป แม้ตนจะพยายามตักเตือนอบรมยังไม่เชื่อฟัง ทุกครั้งที่มีปัญหาไม่เคยบอกให้แม่ของน้องเบิร์ดรู้เลย เพราะกลัวว่าจะเสียใจที่ลูกเป็นเด็กเกเร
“ ก่อนเกิดเหตุหลังจากที่รู้ว่าหลานทะเลาะกับเพื่อนที่โรงเรียนก็ว่ากล่าวตักเตือน จากนั้นหลานได้ขอเงินจำนวน 500 บาท เพื่อจะไปเที่ยวแต่ก็บอกไปว่าไม่มี หลานก็เอามีดมาจี้พยายามจะทำร้าย ยายจึงบอกว่าอย่าทำยายเลย ยังไงยายก็ให้เงินอยู่แล้ว ด้วยความกลัวจึงโกหกไปว่ามีแบงก์พัน เดี๋ยวช่วงหัวค่ำจะไปซื้อของเพื่อแลกเงินมาให้ แต่พอถึงเวลาแล้วไม่ได้ให้ เขาก็เตะยายไป 1 ครั้ง บอกว่าหากไม่ให้ยายตายวันนี้ ยายก็ร้องไห้เสียใจ กระทั่งเวลาประมาณ 22.00 น. ขณะที่หลานชายนอนคว่ำหน้าดูโทรทัศน์อยู่ ได้ใช้ไม้ตีเข้าที่บริเวณท้ายทอยอย่างแรง จนหลานมีอาการชักกระตุก ก่อนจะแน่นิ่งไป ยายตกใจมากไม่คิดว่าหลานจะเสียชีวิต จากนั้นได้นำไม้ที่ใช้ตี ผ้านวมที่เปื้อนเลือดใส่ถุงพลาสติกไปทิ้งที่ลงคลอง ก่อนจะกลับมาอำพรางศพโดยลากร่างของหลานชายจากห้องที่เกิดเหตุ ไปทิ้งที่บริเวณบันไดหนีไฟ ระหว่างชั้น 3 และชั้น 4 ของอาคาร” นางสมจิตรกล่าว
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวอีกว่า นางสมจิตรมีประวัติติดตัวเมื่อปี 2536 เคยก่อคดีสามีตนเองตาย พื้นที่ สน.บางนา และสู้จนหลุดคดี ก่อนมาก่อเหตุฆ่าหลานชายในครั้งนี้ คำให้การของยายนั้นมีพิรุธมาตั้งแต่ต้น ขัดแย้งกับพยานหลักฐานต่างๆ ทั้งรอยลากศพ รอยเลือดที่ขั้นบันได และภาพจากกล้องวงจรปิด
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และนำส่งพนักงานสอบสวน สน.พระโขนง ดำเนินคดี โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ปฏิเสธที่จะทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เนื่องจากเป็นคดีเกี่ยวกับความรุนแรงในครอบครัว
ทั้งนี้น.ส. วราภรณ์ คำแสน อายุ 38 ปีแม่ผู้ตายและญาติๆ มารอผู้ต้องหาด้วย และเมื่อเจอหน้า ได้เข้ามาสวมกอดร้องไห้ด้วยความเสียใจ และเข้าใจในสิ่งที่ผู้เป็นยายกระทำลงไป อีกทั้งได้ปลอบโยนว่าอย่าคิดมากกับสิ่งที่ทำลงไปด้วย ความอดทนอดกลั้นมาเป็นเวลายาวนานจึงได้ก่อเหตุดังกล่าว อีกทั้งเป็นห่วงเกรงว่าผู้ต้องหาจะพยายามฆ่าตัวตายด้วยความเครียดอีกด้วย.
วานนี้ (17 ก.ค.) ที่บช.น. พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. แถลงข่าวผลการจับกุม นางสมจิตร จำปาดี อายุ 55 ปี ผู้ต้องหาที่ฆ่า ด.ช.อรรถสิทธิ์ ลีเลิศยุทธ์ (น้องเบิร์ด) อายุ 13 ปี นักเรียนชั้น ม.1 ร.ร.วชิรธรรมสาธิต ซึ่งเป็นหลานชายแท้ๆเสียชีวิต ว่า เป็นคดีที่สะเทือนขวัญ ฝ่ายสืบสวนได้ควบคุมตัวยายที่อยู่กับเด็ก 2 คน ไปสอบปากคำ แต่ก็ยังให้การวกวน และปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคนฆ่า ซึ่งนางสมจิตรเป็นผู้ต้องสงสัยของตำรวจตั้งแต่แรกแล้ว แต่สาเหตุที่ยังไม่สามารถให้ข้อมูลได้เนื่องจากต้องการให้ผ่านงานศพของน้องเบิร์ดไปก่อน ไม่อยากให้ครอบครัวต้องสะเทือนใจมากไปกว่านี้ หลังจากเสร็จสิ้นงานศพตำรวจได้เชิญตัวมาสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง ประกอบกับมีหลักฐานที่รวบรวมได้บางส่วนที่บ่งชี้ว่านางสมจิตรเป็นคนลงมือฆ่าน้องเบิร์ด ซึ่งนางสมจิตรก็ยอมรับสารภาพว่าใช้ไม้ที่อยู่ในห้องฟาดไปที่ศีรษะของน้องเบิร์ด 1 ครั้ง แต่ไม่คิดว่าจะทำให้ถึงกับเสียชีวิต จากนั้นได้ลากศพไปในจุดที่ได้พบศพ ซึ่งขณะนี้ก็รับสารภาพทั้งหมด สาหตุที่ตนยังไม่ให้ข้อมูลทันที เนื่องจากตำรวจจะฟังคำรับสารภาพจากผู้ต้องหาฝ่ายเดียวไม่ได้ ต้องมีหลักฐานอื่นๆที่มายืนยันพิสูจน์ทราบให้ได้ว่าเป็นผู้กระทำผิดจริงๆ โดยก่อเหตุเพียงคนเดียว
จากการสอบสวนนางสมจิตรให้การทั้งน้ำตาว่า เป็นคนลงมือฆ่าหลานชายจริง สาเหตุเกิดจากจากความกดดันที่หลานชายชอบก่อเรื่องทะเลาะวิวาทกับคนอื่น จนทำให้ต้องอับอาย เพิ่งจะเข้าเรียนที่ใหม่ได้ไม่กี่เดือน ก็ก่อเรื่องจนอาจารย์ต้องเชิญผู้ปกครองไปพบ นักเรียนตั้ง 2,000 กว่าคน แต่หลานเกเรอยู่คนเดียว หลานชายมีพฤติกรรมก้าวร้าว และเกเร ก่อนหน้านี้เคยทุบที่หน้าอกจนตนหายใจไม่ออกเป็นลมล้มพับไป แม้ตนจะพยายามตักเตือนอบรมยังไม่เชื่อฟัง ทุกครั้งที่มีปัญหาไม่เคยบอกให้แม่ของน้องเบิร์ดรู้เลย เพราะกลัวว่าจะเสียใจที่ลูกเป็นเด็กเกเร
“ ก่อนเกิดเหตุหลังจากที่รู้ว่าหลานทะเลาะกับเพื่อนที่โรงเรียนก็ว่ากล่าวตักเตือน จากนั้นหลานได้ขอเงินจำนวน 500 บาท เพื่อจะไปเที่ยวแต่ก็บอกไปว่าไม่มี หลานก็เอามีดมาจี้พยายามจะทำร้าย ยายจึงบอกว่าอย่าทำยายเลย ยังไงยายก็ให้เงินอยู่แล้ว ด้วยความกลัวจึงโกหกไปว่ามีแบงก์พัน เดี๋ยวช่วงหัวค่ำจะไปซื้อของเพื่อแลกเงินมาให้ แต่พอถึงเวลาแล้วไม่ได้ให้ เขาก็เตะยายไป 1 ครั้ง บอกว่าหากไม่ให้ยายตายวันนี้ ยายก็ร้องไห้เสียใจ กระทั่งเวลาประมาณ 22.00 น. ขณะที่หลานชายนอนคว่ำหน้าดูโทรทัศน์อยู่ ได้ใช้ไม้ตีเข้าที่บริเวณท้ายทอยอย่างแรง จนหลานมีอาการชักกระตุก ก่อนจะแน่นิ่งไป ยายตกใจมากไม่คิดว่าหลานจะเสียชีวิต จากนั้นได้นำไม้ที่ใช้ตี ผ้านวมที่เปื้อนเลือดใส่ถุงพลาสติกไปทิ้งที่ลงคลอง ก่อนจะกลับมาอำพรางศพโดยลากร่างของหลานชายจากห้องที่เกิดเหตุ ไปทิ้งที่บริเวณบันไดหนีไฟ ระหว่างชั้น 3 และชั้น 4 ของอาคาร” นางสมจิตรกล่าว
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวอีกว่า นางสมจิตรมีประวัติติดตัวเมื่อปี 2536 เคยก่อคดีสามีตนเองตาย พื้นที่ สน.บางนา และสู้จนหลุดคดี ก่อนมาก่อเหตุฆ่าหลานชายในครั้งนี้ คำให้การของยายนั้นมีพิรุธมาตั้งแต่ต้น ขัดแย้งกับพยานหลักฐานต่างๆ ทั้งรอยลากศพ รอยเลือดที่ขั้นบันได และภาพจากกล้องวงจรปิด
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และนำส่งพนักงานสอบสวน สน.พระโขนง ดำเนินคดี โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ปฏิเสธที่จะทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เนื่องจากเป็นคดีเกี่ยวกับความรุนแรงในครอบครัว
ทั้งนี้น.ส. วราภรณ์ คำแสน อายุ 38 ปีแม่ผู้ตายและญาติๆ มารอผู้ต้องหาด้วย และเมื่อเจอหน้า ได้เข้ามาสวมกอดร้องไห้ด้วยความเสียใจ และเข้าใจในสิ่งที่ผู้เป็นยายกระทำลงไป อีกทั้งได้ปลอบโยนว่าอย่าคิดมากกับสิ่งที่ทำลงไปด้วย ความอดทนอดกลั้นมาเป็นเวลายาวนานจึงได้ก่อเหตุดังกล่าว อีกทั้งเป็นห่วงเกรงว่าผู้ต้องหาจะพยายามฆ่าตัวตายด้วยความเครียดอีกด้วย.