xs
xsm
sm
md
lg

แดงเชียงใหม่ยกถังแก๊ซ-ถ่อย! ซ้อมเผาเมือง-สะพัด! 4ต่อ4 "วิน-วิน"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน - แดงเชียงใหม่ ยกถังแก๊ซ ซ้อมปิดถนน-เผาเมือง ลั่นต้านรัฐประหารทุกรูปแบบ "วิทยุชุมชน-แท๊กซี่แดง"ระดมพลลานพระรูป เหล่าทัพไม่กังวล ตร.เชื่อ 13 กองร้อยเอาอยู่ “ประเวศ” เตือนระวังเกิดมิคสัญญี ขณะที่คำร้องให้เลื่อนชี้ขาดของพธม. ต้องขึ้นอยู่กับองค์คณะตุลาการ ด้านทีมกม.สภา ขอขยายเวลา คดีพธม.ยื่นฟัน 416 ส.ส.-สว. สะพัด!คาดศาล รธน.สั่งหยุดแก้รธน.ม 291 ไม่เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง ถึงขั้นยุบพรรค

เวลา 14.00 น.วันนี้ (13 ก.ค.) ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 8 คนจะขึ้นบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยคดีการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291ว่า เข้าข่ายเป็นการล้มล้างการปกครองตามรัฐธรรมนูญมาตรา 291 หรือไม่

ขณะที่การรักษาความปลอดภัย เมื่อวันที่ 12 ก.ค.ที่ผ่านมา ตลอดช่วงเช้า เจ้าหน้าที่ตำรวจจากในพื้นที่ จ.นนทบุรีและชุดควบคุมฝูงชน ประมาณ 3 กองร้อยเข้าประจำการ

พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะมีการจะจัดชุดล่วงหน้าไป เตรียมพื้นที่ แต่เราคงจะดูว่าการตัดสินของศาลจะออกมาในรูปไหน

“ผมขอแก้ข่าวว่าผมยังไม่ได้สั่งการทางทหาร แต่ขอให้พร้อมสนับสนุน ซึ่งมีการคุยกันว่าจะใช้กำลังสารวัตรทหารมาดูแล เรื่องทั้งหมดมีการเตรียมการแต่ยังไม่ได้สั่งการ และยืนยันว่าไม่มีการเตรียม ฮ.แบล็คฮอคว์” รองนายกฯ กล่าว

พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะควบคุมได้ ทั้งนี้บทบาทของทหารคืออยู่ในกรมกองอย่างสงบ ไม่มีปัญหาอะไร

พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำตรวจในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย และคิดว่าทุกอย่างน่าจะออกมาดี ไม่น่าจะมีอะไรที่น่าห่วง

พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) กล่าวว่า คิดว่ากำลังตำรวจ 13 กองร้อยเพียงพอรับสถานการณ์ ไม่อยากให้มองว่าสถานการณ์จะรุนแรงมาก จะก่อให้เกิดความตระหนก ตอนนี้ยังไม่มีอะไร

บ่ายพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงห์แก้ว พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รองผบ.ตร. พร้อมด้วยพล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รอง ผบช.น ได้เดินทางมาตรวจดูการเตรียมความพร้อมและการซักซ้อมการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจและชุดควบคุมฝูงชนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล ขณะที่พล.ต.ต.ปริญญา กล่าวปฏิเสธกระแสข่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจขึ้นไปตรวจลานจอดเฮลิคอปเตอร์ เพื่อเตรียมไว้กับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญหากกรณีมีการปิดล้อม

**ฮือกทม.-เชียงใหม่ซ้อมเผาเมือง

เวลา 15.30 น.ที่บริเวณลานพระรูปทรงม้ากลุ่ม "เครือข่ายวิทยุชุมชนปกป้องประชาธิปไตยและความเป็นธรรม(ควปธ.) มีนายชินวัฒน์ หาบุญพาด ประธานชมรมคลื่นคนแท็กซี่ และที่ปรึกษา รมว.คมนาคม รวมตัวกันตั้งเวทีปราศรัย
 
มีรายงานว่า นายพายัพ ปั้นเกตุ ส.ส. สิงห์บุรี พรรคเพื่อไทย นายสุภรณ์ อ้ตถาวงศ์”แรมโบ้อีสาน” พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ตลอดจนแกนนำเสื้อแดงคนอื่นๆ ได้เตรียมที่จะขึ้นเวทีปราศรัยที่ลานพระรูปทรงม้า แต่สำหรับ นายณัฐวุฒิ ใสยเกี้อ และนายจตุพร พรหมพันธ์ จะปักหลักอยู่ ที่ อาคารอิมพีเรียล ลาดพร้าว

ที่จ.เชียงใหม่ นปช.ประมาณ 200 คน ปักหลักบริเวณสี่แยกทางยกระดับดอนจั่น อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เพื่อซ้อมแผนการต้านรัฐประหารทุกรูปแบบ มีการระดมรถสี่ล้อแดงจำนวนประมาณ 30 คันและรถตุ๊กตุ๊กอีกประมาณ 20 คันปิดถนนสายเชียงใหม่-ลำปางขาออก โดยระบุว่า จะปิดสี่แยกทางยกระดับดอนจั่น และถนนสายเชียงใหม่-ลำปางทันที เพื่อต่อต้านการรัฐประหาร

รายงานข่าวแจ้งว่า นปช.เชียงใหม่ ยังนำถังแก๊ซ มาโชว์ขู่เพื่อปิดถนน ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของความรุนแรงเหมือนกับว่าจะเตรียมเผาบ้านเผาเมืองอีกครั้ง

ที่จ.อุดรธานี นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร กล่าวว่า จะเดินทางไปอยู่ที่โรงแรมอิมพีเรียล กทม.ร่วมกับแกนนำ นปช.ส่วนกลาง

ส่วนสมาชิกชมรมคนรักอุดรในพื้นที่ หากมีเหตุการณ์อะไรตนจะสั่งการผ่านทางคลื่นสถานีวิทยุชมรมคนรักอุดร 97.5 เมกะเฮิรตซ์ เพื่อระดมคนเสื้อแดงภาคอีสาน 20 จังหวัด โดยจะรอดูรอดูสถานการณ์

รายงานข่าวด้านความมั่นคงแจ้งว่า ขณะนี้กลุ่มมวลชนสีแดงได้มีการเตรียมความพร้อมในการออกมาเคลื่อนไว้ เพื่อนัดแนะจุดที่จะรวมพล หากผลตัดสินแนวโน้มออกมาในทางลบว่าการแก้รัฐธรรมนูญเข้าข่ายล้มล้างการปกครองม.68 อาจถึงขั้นยุบพรรคเพื่อไทย

ส่วนบริเวณกทม.นั้น มีเพียงบางกลุ่มนายชินวัตร ซึ่งไม่ลงรอยกับนางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ โดยมีเพียงแค่ 200 - 300 คน ส่วนใหญ่จะเป็นเจ้าของอู่มวลชนเสื้อแดง ที่เป็นการออกมาแสดงพลังเพียงเท่านั้น

**ประเวศเตือนระวังเกิดมิคสัญญี ในไทย

นายแพทย์ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส กล่าวว่า การสร้างกระพือความเกียจชังกันในสังคมไทย ซึ่งจะนำไปสู่ความรุนแรงที่เรียกกว่าเกิดมิคสัญญีกลียุค ซึ่งมันเกิดประเทศอื่นมาแล้วให้คนเกียจชังกัน เช่น ในอเมริกาเกิดสงครามกลางเมือง มีคนตายกว่า 5แสนคน ในศรีลังกาขัดแย้งกัน 25 ปีมีคนตายไปหลายหมื่นคน ที่ประเทศลาวันดาความขัดแย้งระหว่างเผ่า 3เดือน คนตายไป 8 แสนคน อินโดนีเซียความขัดแย้งเสียชีวิตไปกว่า 5 แสนคน ดังนั้น คนไทยต้องระวังไม่ให้ดกิดมิคสัญญีกลียุค และจุดใกล้ที่สุดคือคนไทยต้องไม่กระพือความเกียจชัง แม้ปัญหาความขัดแย้งยังมีแต่ไม่ควรกระพือความเกียจชัง แต่ควรใช้การสื่อสารทั้งวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ ถ้าผู้สื่อสารทั้งหมดช่วยกันไม่กระพือความเกียจชังแต่ช่วยกันสื่อสารความเป็นเหตุเป็นผล ปัญหาอะไรเกิดจากอะไร เป็นการช่วยป้องกันความรุนแรงได้

**ปูเชื่อเลข'13'โชคดี ให้ทุกฝ่ายสงบ
 
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อยากให้เราฟังคำวินิจฉัยด้วยความสงบ และมีสมาธิไม่อยากให้พี่น้องประชาชนกังวลมากเกินไป ก็คงต้องรอฟังผลก่อน เพราะว่าการกังวลแล้วอาจจะทำให้เกิดความความกังวลใจซึ่งไม่ได้ทำให้เกิดอะไรขึ้น เรารอฟังผลก่อนดีกว่า ตนอยากให้เป็นอย่างนั้น ไม่อยากให้มองว่าเลข 13 เป็นเลขไม่ดี จริงๆแล้วตัวเลข 13 นี้เป็นตัวเลขที่โชคดีสำหรับหลายคนก็มี

ส่วนที่แกนนำพรรคเพื่อไทยมีการออกมากล่าวเชิงปลุกระดมมวลชน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อย่างที่เรียนว่าไม่อยากให้กังวลเกินไปอันนี้ต้องขอทุกส่วนว่าเราน่าจะรอผลก่อน แล้วก็ค่อยๆพูด ค่อยๆจา พูดคุยกัน เพราะเชื่อว่าคนไทยด้วยกันคุยกันได้

ส่วนจะมีการห้ามปรามคนในพรรคที่กดดันศาลหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ต้องขอความร่วมมือไปยังทุกส่วนในการพูดคุยกัน การแสดงความคิดเห็นได้แต่ให้อยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย แล้วก็อย่าใช้ความรุนแรง

** จ่อยื่นฟันก่อแก้วผิดม.113ข่มขู่ศาล

อีกเรื่องนายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ปฏิเสธพูดถึงการต่อสู้แบบแตกหักเป็นเพราะสื่อถามจึงอธิบายไปตามลำดับว่าหากเกิดเหตุการณ์นี้จะนำไปสู่สถานการณ์ใดไม่ใช่การข่มขู่ศาล
 
นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กล่าวเรียกร้องให้ศาลอาญา และอัยการ นำประเด็นคำแถลงของนายก่อแก้วไปพิจารณา และตรวจสอบว่าเข้าข่ายการถอนประกันตัวหรือไม่ ส่วนตัวมองว่าหากเทียบเคียงประเด็นการถอนประกันของนายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ถือว่าเข้าข่ายถูกถอนประกันเช่นเดียวกัน เพราะใช้คำพูดส่อเจตนาข่มขู่ชัดเจน ส่วนประเด็นที่ระบุว่าให้คนเสื้อแดงลาลูก เมีย เพื่อออกมาชุมนุมครั้งใหญ่ ถือเป็นการยั่วยุให้เกิดการจราจลในบ้านเมือง เข้าข่ายมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113 ที่ว่าผู้ใดใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย

**ศาลแพ่งยกคำร้องแดงฟ้องตลก.

เวลา 19.00 น. ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก ได้นัดฟังคำสั่งคดีหมายเลข 2854/2555 ที่นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 8 คน ที่มีมติรับคำร้องขอให้วินิจฉัยการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ ขัดมาตรา 68 ของรัฐธรรมนูญฯ ปี50 หรือไม่ เป็นจำเลยที่ 1-8 โดยขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อขอให้ศาลสั่งระงับคำสั่งวินิจฉัยกรณีดังกล่าวในวันที่ 13 ก.ค. นี้ไว้ก่อน

โดยประเด็นการใช้ดุลพินิจการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จึงยังถือไม่ได้ว่าเป็นการละเมิดต่อโจทก์ คดีจึงไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นอื่นอีกต่อไป พิพากษายกฟ้อง

**ทีมกม.สภา ขอขยายเวลา คดี 416

นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 กล่าวภายหลังการประชุมร่วมกับ ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย, คณะทำงานด้านกฎหมายรัฐสภา และผู้ถูกร้องในประเด็นที่พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยื่นขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้สมาชิกรัฐสภา 416 คน ยกเลิกการกระทำที่สนับสนุนให้มีการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ว่า ในวันพรุ่งนี้ (13 ก.ค.) ช่วงเช้า ตนได้ให้ทีมกฎหมายรัฐสภาไปยื่นคำขอขยายเวลาให้การ ออกไปอีก 30 วัน เนื่องจากขณะนี้มีส.ส.และส.ว.ส่วนใหญ่ ยังไม่ได้รับคำสั่งให้ส่งคำให้การดังกล่าวต่อศาล และล่าสุดทราบว่ามีสมาชิกรัฐสภาที่ถูกร้อง รับทราบคำสั่งเพียง 150 คนเท่านั้น นอกจากนั้นแล้วในคำร้องดังกล่าวมีเนื้อหา และรายละเอียดจำนวนมาก ดังนั้นจึงกังวลว่าจะทำคำให้การส่งให้ศาล ไม่ทันตามที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนด คือวันที่ 16 ก.ค. นี้
 
ที่ประชุมยังมีมติให้คณะทำงานด้านกฎหมายของรัฐสภา ดูรายละเอียดของคำร้อง และเตรียมทำคำชี้แจง เบื้องต้นได้หารือว่าคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญตามคำร้องมีอำนาจสั่งสมาชิกรัฐสภาหรือไม่ โดยที่ประชุมเห็นว่าศาลรัฐธรรมนูญ ไม่มีอำนาจที่จะเข้ามาแทรกแซงการทำงานของสมาชิกรัฐสภา นอกจากนั้นได้ตั้งทีมกฎหมายเฉพาะเพื่อพิจารณาในคำร้องของพล.ต.จำลอง เนื่องจากเห็นว่าคำร้องดังกล่าวนั้นเป็นข้อกล่าวหาที่เป็นเท็จ ซึ่งอาจทำให้สมาชิกรัฐสภาเสียชื่อเสียงได้ เบื้องต้นเตรียมหาแนวทางฟ้องร้องดำเนินคดีกลับกับ พล.ต.จำลองด้วย

ด้านนพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ฐานะ 1 ในผู้ถูกร้อง กล่าวว่า อำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ขอให้ผู้ถูกร้องชี้แจง โดยอาศัยรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 นั้น ถือว่าไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เนื่องจากการทำหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภานั้นได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 99, มาตรา 121, มาตรา 122 และมาตรา 130 ดังนั้นการออกคำสั่งของศาลดังกล่าวจึงถือว่าเป็นการแทรกแซงการทำหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภา

**ฉะ“ปู” อำมหิตลอยตัวหนีปัญหา

นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน (Green Politics) กล่าวว่า ในขณะนี้รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยกำลังเล่นสองหน้าเพื่อกดดันศาลรัฐธรรมนูญ โดยแกนนำรัฐบาลบอกพร้อมเคารพคำวินิจฉัย แค่ในขณะเดียวกันก็ให้ท้ายมวลชนเสื้อแดงและ ส.ส.ของพรรคออกมากดดันข่มขู่คุกคามศาลรายวัน เช่น การขู่จับตัวตุลาการ

ทั้งนี้ การลอยตัวหนีปัญหาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยอ้างภารกิจที่กัมพูชานั้นก็เป็นการออกแบบไว้ล่วงหน้าเพื่อไม่ให้เรื่องถึงตัวนายกฯ การออกแบบเช่นนี้ถือว่าอำมหิตมาก เพราะเป็นวิธีคิดแบ่งแยกแล้วปกครอง

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กรณีการที่พล.ต.จำลองเตรียมยื่นถอดถอน 416 ส.ส. สว.และต้องการให้ศาลมีการชะลอการวินิจฉัยออกไปก่อนว่าศาลในคดีนี้ในคำร้องแล้วก็ในการไต่สวนนั้นกระบวนการก็เสร็จสิ้นไปแล้วและก็คำถอดถอน ไม่คิดว่าจะมีเนื้อหาสาระเพิ่มเติมที่จะมาเป็นผลต่อคดีนี้ในทางกลับกันผมว่าการวินิจฉัยคดีนี้มันอาจจะเป็นคำตอบสำหรับคำร้องในเรื่องนั้นก็ได้เพราะฉะนั้นก็ยังเห็นว่าน่าจะเดินต่อไปให้เสร็จสิ้นกระบวนความแล้วก็มันจะทำให้เกิดความชัดเจนขึ้นเพราะว่าจริง ๆแล้วคิดว่าถ้าเกิดศาลได้ตัดสินเรื่องนี้ก่อนที่จะมีการเปิดสมัยประชุมสภาก็จะเป็นเรื่องที่ดีจะได้ชัดเจนสมมติว่าศาลจะให้เดินหน้าไม่เดินหน้าก็ว่ากันไปถ้าค้างกันอยู่เดี๋ยวก็มีวิกฤติซ้อนวิกฤติขึ้นมาอีก เพราะว่าที่ผ่านมาก็เกิดปัญหาการโต้แย้งถกเถียงขึ้นว่าจะมีการพิจารณาเรื่องนี้โดยไม่รอศาลหรือไม่รอศาลเพราะฉะนั้นจริง ๆเรื่องนี้เมื่อไต่สวนเมื่อดำเนินการมาถึงขั้นนี้แล้วก็น่าจะสามารถดำเนินการไปให้เรียบร้อยได้

**หลายกลุ่มเครือไหวหน้าศาลรธน.

ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญก่อนวันอ่านคำวินิจฉัยคดี ช่วงเวลา 09.30 น. กลุ่มเครือข่ายประชาชนผู้ไม่เห็นด้วยกับความแตกแยกของคนในชาติ นำโดยนายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล ได้ยื่นหนังสือต่อสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเพื่อขอให้คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เลื่อนเวลาการพิจารณาตัดสินคดีนี้ออกไปก่อนอย่างน้อย 1 เดือน เนื่องจากการตัดสินที่จะเกิดขึ้นเร็วเกินไป อาจกลายเป็นความแตกแยกครั้งใหญ่ ซึ่งถ้าเลื่อนการพิจารณาออกไปจะทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ที่เป็นเจ้าของประเทศมีเวลาทำความเข้าใจในรายละเอียด เหตุแลผลอย่างเพียงพอ และนำมาซึ่งการยอมรับในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

ขณะเดียวกัน กองทัพปลดแอกประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประมาณ 500 คน ยังปักหลักอยู่

**รับคำขอพธม.รอพิจารณาหรือไม่

นายพิมล ธรรมพิทักษ์พงษ์ หัวหน้าโฆษกศาลรัฐธรรมนูญ เปิดเผยว่า สำหรับการอ่านคำวินิจฉัยคดีแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 เป็นการล้มล้างการปกครองตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 หรือไม่ คณะตุลาการทั้ง 9 คน จะมีการประชุมในวันเวลา 09.30 น. โดยจะมีการพิจารณาวาระประชุมเรื่องอื่น ๆ ก่อนรวม 3 คดี จากนั้น องค์คณะตุลาการ 8 คน จึงจะมีการอภิปรายแถลงด้วยวาจาและลงมติในคดีแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก่อนจัดทำคำวินิจฉัยกลาง และออกนั่งอ่านคำวินิจฉัยในเวลา 14.00 น.

ส่วนที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และเครือข่ายภาคประชาชน ยื่นคำร้องขอให้ศาลเลื่อนการวินิจฉัยคดีนี้ออกไปก่อนทางสำนักงานก็ได้นำเอกสารแจ้งต่อตุลาการฯทุกคนแล้วขึ้นอยู่องค์คณะจะหยิบยกขึ้นมาพิจารณาหรือไม่ ทั้งนี้การอ่านคำวินิจฉัยของคณะตุลาการคาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง โดยเป็นการสรุปผลการพิจารณาเท่านั้น จากนั้นทีมโฆษกศาลรัฐธรรมนูญก็จะมีการแถลงข่าวทำความเข้าใจในประเด็นทางกฎหมายอีกครั้ง

“การลงมติของคณะตุลาการเป็นไม่ได้ที่เสียงจะออกมาเท่ากัน 4 ต่อ 4 เพราะตามหลักปฏิบัติแล้วจะมีการอภิปรายเพื่อให้ได้ข้อยุติเป็นเสียงข้างมาก เพราะประธานในที่ประชุมไม่มีอำนาจในการลงเสียงชี้ขาด”

**คาดตลก.สั่ง หยุดแก้รธน.ม 291

ช่วงเย็นก่อนที่นายนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวกลับผู้สื่อข่าวก่อนเดินทางออกจากสำนักงานด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ว่า เขียนคำวินิจฉัยส่วนตนเสร็จแล้ว และในการประชุมคณะตุลาการฯในวันพรุ่งนี้ (13 ก.ค.) ก่อนแถลงด้วยวาจาและลงมติคดีแก้ไขรัฐธรรมนูญก็จะมีการพิจารณาคำร้องที่กลุ่มพันธมิตรฯ ขอให้ศาลเลื่อนการวินิจฉัยคดีนี้ออกไปก่อน แต่จะไม่มีการพิจารณากรณีที่มีการเรียกร้องให้ตุลาการบางคนถอนตัวออกจากการเป็นองค์คณะ เพราะที่ประชุมได้เคยมีการพิจารณาเป็นที่ยุติไปแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องนำมาพิจารณาอีก

เมื่อถามว่า พรุ่งนี้ตุลาการฯเตรียมที่จะขึ้น แบล็กฮอว์ก หรือยัง นายวสันต์ กล่าวติดตลกเพียงสั้นๆ ว่า “จะให้ขึ้นไปตกที่แก่งกระจานนะหรือ ” เมื่อถามต่อว่า การพิจารณาคำวินิจฉัยจะไปถึงข้อ 3 ที่ศาลตั้งประเด็นไว้หรือไม่ นายวสันต์ กล่าวว่า
“หวยออกพรุ่งนี้ (13 ก.ค.) วันนี้ไม่รู้”

ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อว่า มติจะออกมามีโอกาสเท่ากัน 4 ต่อ 4 หรือไม่ นายวสันต์ กล่าวติดตลกอีกว่า “เลขหวยวันจันทร์นี่”
 
แหล่งข่าวจากศาลรัฐธรรมนูญเปิดเผยว่า สำหรับการพิจารณาวินิจฉัยของคณะตุลาการฯ ก็จะเรียงตามประเด็นที่ได้ตั้งไว้ 4 ประเด็น ประกอบด้วย 1 ผู้ร้องมีอำนาจร้องตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 หรือไม่ 2.การแก้ไขรัฐธรรมนูญตามมาตรา 291 สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นการยกเลิกรัฐธรรมนูญทั้งฉบับได้หรือไม่ 3.การแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 เป็นการได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 วรรคหนึ่งหรือไม่ และ 4.หากมีการกระทำดังกล่าวจะเป็นเหตุให้มีการยุบพรรคและตัดสิทธิทางการเมืองกรรมการบริหารพรรคตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 วรรคสามและวรรคท้ายหรือไม่ ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่า คำวินิจฉัยที่ออกมา จะระบุว่าผู้ฟ้องมีอำนาจที่จะฟ้องคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากมาตรา 68 อยู่ในหมวดว่าด้วยการพิทักษ์รัฐธรรมนูญ และศาลก็มีอำนาจที่จะรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 มาตราดังกล่าวไม่เปิดช่องให้มีการแก้ไขที่เป็นการยกเลิกรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ อีกทั้งการที่ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ระบุให้มีส.ส.ร.ขึ้นมาดำเนินการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เมื่อแล้วเสร็จก็ให้ส่งให้กับประธานรัฐสภาวินิจฉัยว่า การแก้ไขดังกล่าวมีการล้มล้างการปกครองหรือเปลี่ยนแปลงรูปแบบรัฐหรือไม่ หากเห็นว่าไม่มีการดำเนินการในลักษณะดังกล่าวก็ให้ประธานรัฐสภาส่งให้นายกรัฐมนตรีนำขึ้นทูลเกล้าฯ โดยไม่กลับมาให้รัฐสภาได้พิจารณาก่อน นั้นน่าจะขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 136 (11) และ(16 )

**ไม่เข้าข่ายล้มล้างการปค.ให้ยุบพรรค

สำหรับการกระทำดังกล่าวจะเข้าข่ายประเด็นที่ 3 คือเป็นการล้มล้างการปกครองตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 วรรคหนึ่งหรือไม่ คาดว่า จากข้อเท็จจริงที่ปรากฏต่อศาลฯ ยังไม่พบว่ามีการกระทำที่ชัดเจน เช่น ยังไม่ได้มีการลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 3 หรือ ส.ส.ร.ไปยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มาแล้วมีการตัดทอนในเรื่องพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์

“การพิจารณาวินิจฉัยของศาลน่าที่จะดูเฉพาะเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญเท่านั้น ไม่น่าที่จะมองไปถึงพฤติการณ์ ล้มล้างสถาบันที่ฝ่ายผู้ร้องพยายามนำเสนอมา แล้วนำมาวินิจฉัยด้วย ซึ่งการแก้รัฐธรรมนูญในอดีตที่ผ่านมาแม้จะมีการตั้ง ส.ส.ร.ขึ้นมายกร่าง แต่เมื่อดำเนินการเสร็จแล้ว ก็จะต้องนำกลับมาให้รัฐสภาลงมติเห็นชอบ ซึ่งจะถือว่าขั้นตอนนี้เป็นการให้รัฐสภาตรวจสอบ ร่างรัฐธรรมนูญที่ส.ส.ร.ยกร่างขึ้น และจะเท่ากับว่าฝ่ายนิติบัญญัติเป็นผู้ดำเนินการตามที่กฎหมายบัญญัติเอาไว้ แต่ในครั้งนี้กลับไม่มีขั้นตอนดังกล่าว และยังเอาอำนาจในการที่จะชี้ว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นการล้มล้างการปกครอง หรือเป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบรัฐหรือไม่ ซึ่งเป็นของตุลาการฯ ไปให้ไว้กับประธานรัฐสภาเป็นผู้วินิจฉัยเสียเอง แต่ทั้งหมดยังไม่เป็นรูปร่างที่ชัดเจน เป็นเพียงกระบวนการเริ่มต้นที่หากให้มีการปฏิบัติต่อไป ก็จะเข้าข่ายเป็นการล้มล้างการปกครอง ถ้าเปรียบก็เหมือนเป็นเพียงสีเทา ยังไม่เป็นสีดำ เหมือนกันกรณีที่พรรคไทยรักไทยไปซื้อพรรคเล็กเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้ง โดยจากหลักฐานนั้นเป็นการกระทำที่สำเร็จแล้ว จึงถือได้ว่าเป็นการกระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในทางปกครองประเทศ โดยวิธีการที่ไม่ได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ เป็นเหตุให้ต้องยุบพรรค แต่ครั้งนี้เมื่อเป็นเพียงการเริ่มกระบวนการ ซึ่งศาลก็ได้บอกแล้วว่า มาตรา 68 ให้อำนาจศาลใช้อำนาจในเชิงป้องกัน ดังนั้นเมื่อข้อเท็จจริงปรากฏอยู่ในระดับของการเริ่มกระบวนการ ศาลจึงน่าจะสั่งเพียงให้หยุดการกระทำนั้น ไม่ถึงขั้นที่จะต้องสั่งยุบพรรค ” แหล่งข่าวกล่าวและว่า คำวินิจฉัยของศาลคาดว่าจะไม่มีการบอกว่าวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ถูกต้อง ต้องทำอย่างไร เพราะศาลไม่มีอำนาจ แต่ในคำวินิจฉัยจะอธิบายให้เข้าใจได้ว่า ถ้าจะมีการแก้รัฐธรรมนูญควรเป็นอย่างไร
กำลังโหลดความคิดเห็น