xs
xsm
sm
md
lg

ตร.ล่าชายวัยรุ่น2คน ฆ่าปาดคอแท็กซี่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการรายวัน- เกิดเหตุสะเทือนขวัญ 2 คนร้ายลวงโชเฟอร์แท็กซี่เคราะห์ร้ายเข้าซอยเปลี่ยวในม.สัมมากร ย่านรามคำแหง ก่อนลงมือปาดคอหวังชิงทรัพย์นอนจมกองเลือดเสียชีวิต ตร.ได้เบาะแสสำคัญเป็นภาพที่บันทึกได้โดยกล้องวงจรปิดหน้าป้อมยามหมู่บ้าน พบเป็นชายวัยรุ่น 2 คน คนนั่งหน้าคู่คนขับสวมแว่น รวมทั้งมีพยานบุคคลยืนยัน คาดตามจับคนร้ายได้เร็วๆนี้

วานนี้ (10 ก.ค.) พ.ต.ท.รักศักดิ์ รุ่งแสง พนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.บางชัน รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกทำร้ายร่างกายเสียชีวิตภายในซอยหมู่บ้านสัมมากร 16 ซอยรามคำแหง 112 แขวงและเขตสะพานสูง กทม. จึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.วีรชัย โพธิปัตชา ผกก.สน.บางชัน พ.ต.ท.เจิดเกษม ศิริโชติ สว.สส.สน.บางชัน สถาบันนิติเวช แพทย์เวร รพ.ตำรวจ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

ที่เกิดเหตุเป็นซอยเปลี่ยวภายในหมู่บ้านสัมมากร 16 ที่หน้าบ้านเลขที่ 144/9 ซึ่งเป็นร้านสุกฤตาซักอบรีด พบรถเก๋งแท็กซี่ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลติส สีชมพู ทะเบียน ทศ 3357 กรุงเทพฯ ประตูหน้าด้านคนขับเปิดออก ใกล้กันนั้นพบศพนายเสาร์ นามโพ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 21/17 อาคาร 7 เอื้ออาทรมีนบุรี แขวงและเขตมีนบุรี กทม. โชเฟอร์รถคันดังกล่าวนอนเสียชีวิตอยู่ข้างรถจมกองเลือด สภาพศพมีรอยถูกของมีคมปาดเข้าที่ลำคอ แผลยาวเกือบ 10 เซนติเมตร สวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้า กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบ ตรวจพบว่ากระเป๋าสตางค์ยังอยู่ภายในมีเงินสด 800 บาท

จากการสอบสวน น.ส.บังออน ศรีงาม อายุ 26 ปี ลูกจ้างร้านซักอบรีดให้การว่า ช่วงประมาณตี 1 กว่า ตนได้ยินเสียงคนร้องขอความช่วยเหลือ ตะโกน “ช่วยด้วย” ประมาณ 5 ครั้ง และมีการบีบแตรยาว อีก 2 ครั้งก่อนจะเงียบเสียงไป จึงเปิดไฟร้านและออกไปดูก็พบศพดังกล่าว จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที โดยตนพบว่าผู้ตายมักจะจอดรถหน้าป้ายรถเมล์ใกล้กับหมู่บ้านเป็นประจำเพื่อรอรับผู้โดยสาร แต่สำหรับซอยนี้ปกติเวลากลางคืนมักจะมืดและเปลี่ยวมาก

พ.ต.อ.วีรชัยเปิดเผยว่า เมื่อเจ้าหน้าที่สืบสวนตรวจสอบที่ป้อม รปภ.ของหมู่บ้านทราบว่า รถคันดังกล่าววิ่งเข้ามาแลกบัตรตอน 01.40 น. และภายในรถนอกจากผู้ตาย พบผู้โดยสาร 2 คน เป็นชายวัยรุ่นสวมเสื้อสีขาวทั้งคู่ โดยคนนั่งหน้าข้างผู้ตายสวมแว่น ส่วนคนหลังไม่ได้สวม

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า คนร้ายน่าจะโบกเรียกรถจากหน้าหมู่บ้านให้ไปส่งภายใน เมื่อรถวิ่งเข้ามาถึงจุดเกิดเหตุก็ลงมือก่อเหตุหมายชิงทรัพย์ แต่เมื่อลงมือเสร็จ ปรากฏว่ามีชาวบ้านออกมาดูและเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงเร็วจึงรีบหลบหนีไป ซึ่งจะต้องตรวจสอบกล้องวงจรปิดหน้าป้อม รปภ. และบริเวณใกล้เคียง เพื่อเร่งไล่ล่าตัวคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็วที่สุด

เบื้องต้นพบว่าคนร้ายมี 2 คน แต่ภาพยังคงไม่ชัดเจนจะต้องรอให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคดำเนินการก่อน ขณะนี้ได้ภาพวงจรปิดจากป้อมยามหน้าหมู่บ้านแล้วตั้งแต่รถเข้าในหมู่บ้าน รวมทั้งพยานบุคคลด้วย แต่ขอเวลาเจ้าหน้าที่ทำงานสักระยะ ซึ่งขณะนี้ฝ่ายสืบสวนมีเป้าหมายอยู่ในใจแล้ว คาดว่าน่าจะได้ตัวคนร้ายเร็วนี้

“ฝากถึงคนขับแท็กซี่เรื่องการรับผู้โดยสารให้ใช้ความระมัดระวัง สังเกตและเลือกรับ หากเห็นท่าไม่ดีก็ให้ขับรถไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ใกล้ๆ เพื่อความปลอดภัยของตนเอง รวมถึงหลีกเลี่ยงเส้นทางที่เปลี่ยวเพราะเป็นจุดล่อแหลมให้คนร้ายลงมือก่อเหตุได้ง่ายขึ้น” พ.ต.อ.สาโรช กล่าว

จากนั้น ด้าน พล.ต.ต.พิสิฏฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ รองผบช.น. ดูแลงานด้านสืบสวน กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีนายเสาร์ ถูกคนร้ายฆ่าปาดคอหวังชิงทรัพย์ว่า ก่อนเกิดเหตุคนร้ายได้เรียกแท็กซี่คันดังกล่าวมาจากหน้าปากซอยรามคำแหง 112 เมื่อช่วงเวลาประมาณ 01.40 น. เมื่อเข้าไปภายในหมู่บ้านซึ่งเป็นซอยเปลี่ยวก็ก่อเหตุชิงทรัพย์ แต่ผู้เสียชีวิตได้ร้องตะโกนให้คนช่วยและบีบแตรรถเสียงดัง ทำให้คนร้ายตกใจ จึงรีบวิ่งหลบหนี โดยที่ไม่ได้ทรัพย์สินของผู้ตาย

หลังเกิดเหตุฝ่ายสืบสวนสน.บางชัน ได้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดในละแวกใกล้เคียงพบว่าสามารถจับภาพคนร้ายไว้ได้ชัดเจน 1ราย แต่จะต้องหาภาพวงจรปิดในจุดอื่นๆอีก เพื่อหาเบาะแสเพิ่มเติม

สำหรับสถิติคดีปล้น -ชิงทรัพย์ รถแท็กซี่ในพื้นที่สน.ต่างๆ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.50 - 30 มิ.ย.55 พบว่า มีทั้งหมดจำนวน 28 คดี แบ่งเป็นปล้นทรัพย์ 11 คดี และชิงทรัพย์ 17 คดี พื้นที่ที่เกิดเหตุมากที่สุด ได้แก่สน.ประเวศ สน.บางนา สน.ตลิ่งชัน และสน.อุดมสุข

ด้านน.ส.ศิริพร คำกอง อายุ 39 ปี ภรรยาผู้ตาย ได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน ที่สน.บางชัน พร้อมกล่าวว่า เพิ่งทราบเรื่องที่สามีถูกฆ่าตายเมื่อช่วงเช้าระหว่างเดินทางไปทำงาน ตนรู้สึกมึนงงและตกใจ ไม่คิดว่าสามีจะถูกฆ่าตายจริงๆ เพราะที่ผ่านมาสามีเป็นคนอารมณ์ดี พูดคุยเก่ง ไม่เคยมีเรื่องมีราวกับใคร ส่วนใหญ่สามีจะขับรถแท็กซี่กะกลางคืน ออกไปขับรถตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 6 โมงเย็นจนถึง 6 โมงเช้าเป็นประจำทุกวัน ส่วนสาเหตุที่เกิดขึ้นตนคิดว่าน่าจะเป็นการชิงทรัพย์ แต่ทรัพย์สินของสามีตนไม่มีอะไรมาก ไม่มีสร้อยแหวนเงินทองใส่ มีเพียงเงินสดติดตัวไปนิดหน่อยเท่านั้น หลังจากนี้ยังไม่ทราบว่าจะนำศพไปตั้งไว้ที่วัดไหน ต้องรอญาติพี่น้องสามีที่อยู่จังหวัดขอนแก่นเดินทางมาก่อนจึงจะตกลงกันอีกทีว่าจะนำศพไปไว้ที่ไหน
กำลังโหลดความคิดเห็น