โสภณ องค์การณ์
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์
ป่านนี้ทั่นประธานสมศักดิ์ ฉายาขุนฆ้อนปลอมพะยี่ห้อดูไบสติคืนสู่ร่างหรือยัง หลังจากมีอาการเหมือนผีผู้กล้าเข้าในสิงช่วงจัดงานวันเกิดเมื่อ 27 มิถุนายน ที่ อำเภอน้ำหนาว เพชรบูรณ์! ด้วยคำพูดนานไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เป็นการใขปริศนาการเมือง เปิดโปงพฤติกรรมขบวนการฉ้อฉลทางการเมืองเพื่อยึดกุมอำนาจรัฐ
เป็นเพราะขุนฆ้อนกินดีหมี หัวใจเสือ เหล้าเข้าปากมากเกินระดับปกติ หรือความห้าวหาญล้นพิกัด ทำให้ลิ้นกระดกด้วยความมันปาก เปิดตัว เปิดหัวใจธาตุแท้ของตัวเอง ให้สังคมได้รับรู้ว่าการทำหน้าที่ประธานนั้นเพื่อใครแท้จริง
ใครได้ฟังจบเนื้อความ บอกได้เลยว่าทั่นประธานได้อมระเบิดซีโฟร์ไว้ในปาก ราดน้ำมันในบ้าน จุดไฟเผา แล้วกดปุ่มระเบิด พาพรรคพวกเครือข่ายทาสเงิน เหลี่ยมร้าย โคตรเหง้าของคนหนีคุก และชนเผ่าเสื้อแดง ตายยกครอก
แต่ละประโยคของทั่นประธานนั้นได้สร้างความเสียหายให้เหลี่ยมร้าย ตัวการใหญ่ในขบวนการกุมอำนาจรัฐ ปล้นทรัพย์สินแผ่นดิน ทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองเป็นหลัก และพวกพ้องเครือข่ายได้เศษเนื้อข้างเขียง
ค่ายสะตอ กลุ่มพันธมิตร และกลุ่มอื่นๆ ฝ่ายตรงข้ามของขบวนการเหลี่ยมร้ายได้พยายามพูดปากแทบฉีกถึงใบหู จัดชุมนุมเสี่ยงตายหลายรอบ โดนฆ่าหลายคน มีคดีก่อการร้ายติดตัว ยังสร้างความเสียหายเท่ากับคำพูดขุนฆ้อน
มีประโยคเด็ดๆ หลุดจากปากของทั่นประธาน หนักแน่นเหมือนฆ้อนปอนด์ทุบบนกล่องดวงใจและสมุนผีโม่แป้งของเหลี่ยมร้าย คงแค้นแทบกระอักเลือด! ถ้อยคำพูดเชิงยกย่องตัวเองว่าสามารถเกลี้ยกล่อมให้เหลี่ยมร้ายเชื่อฟังนั้น เท่ากับว่าตัวเองฉลาดเฉลียว มีภูมิปัญญา เหลี่ยมคูชั้นเชิงมากกว่าตัวเหลี่ยมร้าย
จะยกตัวว่าเก่ง ไม่มีปัญหา แต่ความผิดมหันต์คือไปอ้างแบบโชว์พาว์ว่าตัวเองมีสติปัญญาเหนือเหลี่ยมร้ายนี่แหละ เป็นสิ่งที่เหลี่ยมร้ายทนไม่ได้
ประวัติศาสตร์ของพรรคเหลี่ยมนั้นเป็นที่รับรู้ว่าห้ามใครฉลาดเกินหัวหน้าเหลี่ยม และนี่เป็นแนวนโยบาย มรดกตกทอดมาถึงยุคนี้ เป็นกฎไม่จำเป็นต้องเขียนไว้ ว่าบคณะรัฐมนตรีต้องยอมรับว่าฉลาดน้อยกว่าแม่นางโพยปูโพรกเน่าใน
ใครละเมิดกฎของสตรีเหล็กนี้ มีหวังโดนเด้งจากเก้าอี้เข้าสู่จุดอับของชีวิต! เหมือนงานวันเกิดทั่นประธานนั่นแหละ แทนที่จะคุยเฮฮา ตลกไต้สะดือ ดันเอาความจริงเรื่องต้องห้ามมาปูด แล้วโดนอัดเทปมาเปิดให้ชาวบ้านรู้กันทั้งเมือง
แถมชาวบ้านยังรู้อีกด้วยว่าบ้านนี้เมืองนี้มี “โรคแพ้ทักษิณ” และหนึ่งในเหยื่อของโรคเรื้อรังนี้คือ “ชาย ตู้เย็น” ผู้นิยมมองดีไซน์ของม่านหลากสีในห้องสี่เหลี่ยม ซึ่งมีหญิงชายเข้าไปพักผ่อนแต่ละครั้งช่วงสั้นๆ ประมาณ 3 ชั่วโมง
“โรคแพ้ทักษิณ” คือคนมีโอกาสได้พูดประโยคเดียวก็พูดอะไรไม่ได้แล้ว ต้องฟังโดยตลอด รับรู้ความคิด ซึมซับเจตนารมย์ของเหลี่ยมร้ายให้เข้าลึกในกะโหลก! ทำให้ทั่นขุนฆ้อนต้องรับภาระสำคัญ บอกสั้นๆ ว่า “สุดท้ายก็กูอีกใช่ไหม” ฮ่า
ขุนฆ้อนบรรยายให้คนฟังว่าตัวเองมีพลังลิ้นสาลิกาและพาว์อย่างไร!
“เมื่อวานผมโดนรุมกินโต๊ะ แต่วันนี้ผมไม่ได้พูดอะไรเลย ปรากฏว่าคนทางไกลพูดแทนผมหมดเลย เอาเหตุผลที่ผมล้มล้างความคิดของท่านนั้นแหละ เอาเหตุผลมาล้มล้างกรรมการยุทธศาสตร์ของพรรคทั้งหมด หลังจากนั้นหงอกันหมดเลย เหลือจาตุรนต์คนเดียว จาตุรนต์คนเดียวยังไม่เห็นด้วย ยังเห็นว่าต้องรีบลงวาระ 3 แต่พวกขุนศึกทั้งหลายเงียบ”
“....ตั้งแต่วันนั้นจนมาถึงวันนี้ ยุทธศาสตร์การเมืองของประเทศไทยเดินตามผมหมดเลยครับ แล้วจะไม่ให้ภูมิใจได้ยังไงล่ะครับ ที่หนึ่งเดียวคนนี้สามารถควบคุมเกมในสภา สามารถกำหนดทิศทางการเมืองในสภา ใช้ความนิ่งสยบการเคลื่อนไหวใช้ความนิ่งสยบพรรคประชาธิปัตย์จนล่อนจ้อน ไม่เหลือแม้แต่ความเป็นพรรคการเมืองครับ แล้วยังไม่พอ ยังใช้ศักยภาพหนึ่งเดียวลุยเดี่ยวครับ กำหนดทิศทางของประเทศไทยครับ นอกสภาครับ ปุ่มนี้ไม่มีใครรู้ครับ ส.ส.ในพรรคก็ไม่รู้ครับ”
“ผมก็พูดกับท่านไปหมื่นที ผมบอกว่าทนลำบากมาตั้ง 5 ปี แล้วจะลำบากต่ออีก 3 เดือน 6 เดือนมันจะเป็นอะไร” ประโยคนี่ซิเด็ด! เหลี่ยมร้ายคงคำรามในใจ “ไอ้ห่. กูเป็นสัมภเวสีเร่ร่อนมากว่า 5 ปี วันเดียวกูก็รออีกไม่ได้ แล้วมึงดันมาบอกให้กูรออีก? พวกมึงจะหลอกวางบิลกูอีกนานแค่ไหน? มึงไม่ใช่กูนี่โว้ย!
ทั่นประธานยังเปิดแผนลับให้ชาวบ้านได้รู้อีก! “ถึงเวลานั้นใช้เวลา 3 เดือน 6 เดือน เอา พ.ร.บ.ปรองดองกลับเข้ามา ประชาธิปัตย์มึงจะเอายังไง แล้วเสื้อเหลืองมึงจะเอายังไง สรุปแล้วครับ ทนลำบากมา 5 ปีแล้ว ลำบากต่ออีกซัก 6 เดือนจะเป็นอะไรครับ”
“เอาเนียนๆ เอาให้เนียนๆ เราไม่จำเป็นต้องเอาเต็มร้อย เอาห้าสิบก็พอ ไอ้ที่ออกมาเย้วๆ นี่ เย้วเอาอะไรครับ เย้วเพื่อต่อรอง ไม่มีอะไรหรอกออกมาต่อรอง ก็อ่อนให้เขามั่งแบ่งให้เขามั่ง” ฟังดูแล้วทั่นขุนฆ้อนเป็นนักยุทธศาสตร์ตัวเบ้งจริงๆ
อนาคตทั่นประธานจะเป็นอย่างไร พวกเดียวกันคงเร่งมือเลื่อยขาเก้าอี้ มีคนจ้องอยากเป็นเยอะ! อย่างน้อยก็รองฯ เฉ-ลิม และรองโรมานอฟ! ที่รู้แน่ๆ มีคนโทรศัพท์ไปหา ทั่นขุนฆ้อนไม่รับสาย หรือเผ่นแน่บไปเคลียร์กับคนแดนไกลเพื่อรักษาเก้าอี้และชีวิตทางการเมือง! ยังจะโดนบี้คาป่าสะตออีก
แค่พวกเดียวกันรุมยำ ศพก็ไม่สวยหลังจากตายทั้งเป็นทันทีเมื่อพูดจบ!!
รับรองได้ว่าเหลี่ยมร้ายเปิดโอกาสให้แก้ตัวเพื่อทุเลาโทษหนัก! นั่นคือการบีบให้ขุนฆ้อนกล้าทำความชั่วร้ายมากกว่าเดิม อะไรที่ไม่กล้า ปอดแหกนั้น จากนี้ต้องลืมความกลัวทั้งหมด ปล่อยให้ผีกล้าตัวเดิมเข้าสิง แล้วเดินหน้า ห้ามถอย
แต่ขุนฆ้อนมีศักดิ์ศรีสมชื่อหรือ ความน่าเชื่อถือไม่เหลือ ไร้ความเป็นกลาง! ถ้ายังทนนั่งเก้าอี้ประธานสภาได้อีก ชาวบ้านคงแห่กันไปลากเก้าอี้แน่ๆ ไม่ปล่อยให้เจ๊รังสิมาลุยเดี่ยวหรอก! ถ้ายังอยู่ได้ รับรองบ้านเมืองวอดวายวินาศสันตะโร
ถ้าขุนฆ้อนอยากอยู่ในวงการเลือกตั้ง คงเป็นแค่ขุนสากกะเบือ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน สารวัตรกำนันเท่านั้นมั้ง! ถ้ามีชาวบ้านโง่ๆ ยอมให้เป็น!!