ลลิลฯ เดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นในตลาดทุน เตรียมขายหุ้นกู้ อายุ 3 ปี มูลค่ารวม 700 ล้านบาท เริ่มจำหน่าย 13 ก.ค. 2555 ผ่าน บล. เอเซีย พลัสฯ รองรับแผนขยายธุรกิจและเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 6-8 โครงการ พร้อมตั้งเป้ายอดขายปีนี้ 2,550 ล้านบาท เติบโตขึ้น 15%
นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัทลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯได้ลงนามในสัญญาแต่งตั้งให้ บล.เอเซีย พลัส จำกัด(มหาชน) เป็นผู้จัดจำหน่ายหุ้นกู้ของบริษัท อายุ 3 ปี มูลค่า 700 ล้านบาท เพื่อเสนอขายต่อนักลงทุนสถาบัน และ/หรือ นักลงทุนรายใหญ่ โดยมีกำหนดออกวันที่ 13 ก.ค.55 ทั้งนี้การออกหุ้นกู้ดังกล่าว เพื่อนำมารองรับการขยายธุรกิจของบริษัทซึ่งมีแผนที่จะเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 6 - 8 โครงการ โดยแบ่งเป็นโครงการแนวราบจำนวน 2 - 3 โครงการ , คอนโดมิเนียม 2 - 3 โครงการ และจะมีการขยายธุรกิจไปยังต่างจังหวัดที่มีศักยภาพ ทั้งในภาคตะวันออก อาทิ จังหวัดชลบุรี ระยอง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อาทิ ขอนแก่น อุดรธานี นครราชสีมา อุบลราชธานี เป็นต้น อีกอย่างน้อย 3 – 4 โครงการภายในปีนี้
ทั้งนี้ หากพิจารณาจากบริษัทที่มีฐานะทางการเงินแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) อยู่ที่ 0.31 เท่า ในขณะที่ค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมอยู่ในระดับประมาณ1.35 เท่า ซึ่งแม้ภายหลังการออกหุ้นกู้ D/E Ratio ของบริษัทจะยังคงอยู่ในช่วงเพียง 0.4-0.5 เท่า ในส่วนของยอดขายบริษัทตั้งเป้ายอดขายในปีนี้ไว้ที่ 2,550 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดรับรู้รายได้ไว้ที่ 2,150 ล้านบาทเติบโตจากปีที่ผ่านมา 15% และคาดว่าจะมีการเติบโตต่อเนื่องอีกไม่ต่ำกว่าปีละ 15% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า
นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัทลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯได้ลงนามในสัญญาแต่งตั้งให้ บล.เอเซีย พลัส จำกัด(มหาชน) เป็นผู้จัดจำหน่ายหุ้นกู้ของบริษัท อายุ 3 ปี มูลค่า 700 ล้านบาท เพื่อเสนอขายต่อนักลงทุนสถาบัน และ/หรือ นักลงทุนรายใหญ่ โดยมีกำหนดออกวันที่ 13 ก.ค.55 ทั้งนี้การออกหุ้นกู้ดังกล่าว เพื่อนำมารองรับการขยายธุรกิจของบริษัทซึ่งมีแผนที่จะเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 6 - 8 โครงการ โดยแบ่งเป็นโครงการแนวราบจำนวน 2 - 3 โครงการ , คอนโดมิเนียม 2 - 3 โครงการ และจะมีการขยายธุรกิจไปยังต่างจังหวัดที่มีศักยภาพ ทั้งในภาคตะวันออก อาทิ จังหวัดชลบุรี ระยอง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อาทิ ขอนแก่น อุดรธานี นครราชสีมา อุบลราชธานี เป็นต้น อีกอย่างน้อย 3 – 4 โครงการภายในปีนี้
ทั้งนี้ หากพิจารณาจากบริษัทที่มีฐานะทางการเงินแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) อยู่ที่ 0.31 เท่า ในขณะที่ค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมอยู่ในระดับประมาณ1.35 เท่า ซึ่งแม้ภายหลังการออกหุ้นกู้ D/E Ratio ของบริษัทจะยังคงอยู่ในช่วงเพียง 0.4-0.5 เท่า ในส่วนของยอดขายบริษัทตั้งเป้ายอดขายในปีนี้ไว้ที่ 2,550 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดรับรู้รายได้ไว้ที่ 2,150 ล้านบาทเติบโตจากปีที่ผ่านมา 15% และคาดว่าจะมีการเติบโตต่อเนื่องอีกไม่ต่ำกว่าปีละ 15% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า
