จากรณีข่าว นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) ออกมาระบุว่า รัฐบาล
อาจจะอยู่ไม่ถึงสิ้นปี เพราะมีปัญหารุมเร้ามาก เรื่องนี้ทำให้สมาชิกพรรคเพื่อไทย ออกมาแสดง
ความไม่พอใจกันอย่างมาก
โดยนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้า
พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐบาล คงจะอยู่
สักระยะหนึ่งคืออีก 8 ปี แต่ตัวนายสุชาตินั้น ไม่แน่
ส่วนเรื่องปรับครม.นั้นอยู่ในดุลยพินิจของนายกฯ เพียงคนเดียว และการปรับของ
นายกฯจะไม่มีเหตุผลอย่างอื่นนอกจากเพื่อประโยชน์ของการบริหารราชการแผ่นดิน และ
ประชาชน ส่วนจะปรับเมื่อไร อย่างไร ตนไม่สามารถตอบได้
ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนคงไม่ไปโต้แย้งด้วย
เพราะเป็นมุมมองของนายสุชาติ ส่วนตัวมองว่าหากไม่มีเรื่องทุจริต คอร์รัปชัน รัฐบาลอยู่ครบ
เทอมแน่ เพราะคงจะไปเปลี่ยนแปลงอะไรง่ายๆไม่ได้ เนื่องจากประชาชนไม่ยอมรับ พรรคเพื่อ
ไทย ชนะเลือกตั้งมา 265 ที่นั่ง แต่ยอมรับว่าการบริหารบ้านเมืองไม่ราบเรียบ มีอุปสรรคบ้าง
แต่ก็มองไม่เห็นปัจจัยใดที่รัฐบาลจะอยู่ไม่ได้
" คงไม่มีใครเสียขวัญแน่ โดยเฉพาะน.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่มีความแข็งแกร่งไม่ต่างจาก
นางมาร์กาเร็ต แธตเชอร์ อดีตนายกฯอังกฤษ"
อย่างไรก็ตาม ร.ต.อ.เฉลิม ตั้งข้อสังเกตในเรื่องนี้ว่า ผู้สื่อข่าวอาจตีความคำพูดของ
นายสุชาติ คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงก็เป็นได้
ด้านนายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เป็น
อาการของคนทุรนทุราย ที่จะถูกปรับออกจากครม. เมื่อมีข่าวกระทบนิดหน่อย ก็ฟาดหัวฟาด
หาง จุดไฟเผาบ้านตัวเอง การออกมาพูดของนายสุชาติ เป็นการเสียมารยาทมาก ตนในฐานะ
ส.ส.พรรคเดียวกันรับไม่ได้ นั่งเรือลำเดียวกัน แต่กลับตักน้ำใส่ให้เรือล่ม
"ผมรู้สึกเห็นใจนายกรัฐมนตรี ที่ทำงานด้วยความทุ่มเท แต่กลับมาเจอการพูดจาดู
ถูกแบบนี้ ถ้ามีรัฐมนตรีศึกษาธิการเฮงซวยแบบนี้ ก็รีบไสหัวไปให้พ้นๆ ดีกว่า ยิ่งเร็วเท่าไร
ยิ่งดี ที่ผ่านมาก็ไม่เห็นจะมีน้ำยาแก้ไขปัญหาอะไร หลายอย่างในกระทรวงศึกษาฯ ก็ยังเรื้อรัง
นายสุชาติเป็นรัฐมนตรี เข้าพบก็ยาก เงื่อนไขก็เยอะ ยังมีคนในพรรคที่เหมาะสมกว่าเยอะแยะ
ผมอยากถามนายสุชาติว่า รู้ได้อย่างไรว่ารัฐบาลจะอยู่ไม่ถึงสิ้นปี หรือว่าเปลี่ยนสันดานเป็น
อำมาตย์ไปแล้ว" นายประชา กล่าว
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คงเป็นการจินตนาการไปเอง
เหมือนกินยาไม่ได้เขย่าขวด ในฐานะที่ตนอยู่กับพรรคเพื่อไทยมานาน ตั้งแต่เป็นฝ่ายค้านจนมา
เป็นรัฐบาล เห็นว่ารัฐบาลจะอยู่ยาว เพราะมีประชาชนสนับสนุนแน่นหนา อีกทั้งเสียงส.ส.ใน
สภา ก็แข็งแกร่งกว่า 300 เสียง ไม่มีเหตุผลอะไรที่รัฐบาลจะอยู่ไม่ได้ นายสุชาติคงกังวลเกินไป
เหตุจากสถานการณ์ที่รุมเร้ารัฐบาล คนไม่เคยผ่านการต่อสู้ในช่วงวิกฤติ ถูกกระทำอย่างหนัก
จากฝ่ายตรงข้าม คงประเมินสถานการณ์ไม่ออก ส่วนตัวไม่แน่ใจว่านายสุชาติออกมาพูดล้อเล่น
หรือพูดลักษณะน้อยใจใครหรือเปล่า" นายพร้อมพงศ์ กล่าว
** สะท้อนความล้มเหลวของรัฐบาล
นายถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าภาคใต้ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นนี้
แสดงให้เห็นถึงความแตกแยก จากการบริหารงานของครม.อย่างชัดเจน ถึงขั้นที่รมว.ศึกษาฯ
ออกมาขีดเส้นระยะเวลาการทำงานรัฐบาลอย่างที่ไม่น่าเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม การออกมาระบุของนายสุชาติ เท่ากับเป็นการเอ็กซเรย์การทำงานที่
อ่อนหัดของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการขอใช้สนามบินอู่ตะเภา ของนาซา ที่รัฐบาลไม่
ยอมฟังข้อท้วงติงของทุกฝ่าย มัวแต่ทำงานด้วยปาก ไม่ยอมทำงานด้วยมือ ดีแต่ส่งรัฐมนตรี
ออกมากล่าวโต้ประเด็นที่หลายฝ่ายออกมาท้วงติงสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของการกฎหมายปรองดอง ฉบับนิรโทษกรรม การแก้ไขรัฐ
ธรรมนูญ ที่อาจเกิดการปะทะ และแตกแยก ผลผลิตการเกษตรตกต่ำ ปัญหาน้ำท่วม ทั้งหมดนี้
ตนอยากให้รัฐบาลกล้าออกมาตัดสินใจ เพื่อประโยชน์ของประชาชน
** "สุชาติ"ทิ้งบอมบ์มีแต่รมต.คิดโกง
ด้านนายสุชาติ ธาดาธำรงเวช ได้เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล ชี้แจงกับนายกรัฐมนตรี
ถึงกรณีข่าวที่เกิดขึ้น โดยนายสุชาติ ได้เปิดเผยภายหลังจากเข้าชี้แจงนายกรัฐมนตรี ว่า ตนมา
นายกฯ ด้วยตัวเอง นายกฯไม่ได้เรียกมา ซึ่งนายกฯไม่ได้แสดงความเป็นกังวล หรือว่าอะไร
โดยตนชี้แจงนายกฯ ว่า เนื้อหารายละเอียดข่าวนั้น ตรงกันข้ามกับการพาดหัวข่าว ซึ่งมันไม่
แฟร์ และที่ตนบอกว่ากำลังจะรีไทร์ตัวเอง แต่กลับมาบอกว่าตนฉุน สิ่งที่ตนพูดทั้งหมดเป็น
เพียงการวิเคราะห์ ว่าปัญหาทั้งเรื่องศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องนายจตุพร และ เรื่องวิกฤตเศรษฐกิจ
ยุโรป ทำให้รัฐบาลอยู่ยากขึ้น ซึ่งเรื่องการรีไทร์ตัวเองนั้นได้คิดไว้นานแล้ว
"ผมไม่เสียใจ ถ้าจะต้องออกจากตำแหน่ง เพราะผมไม่เคยมาวิ่งเต้นเพื่อนั่งใน
ตำแหน่งช่วงที่ปรับครม. ผมไม่เคยพูดอะไรเลย ตอนที่ตั้งผมเป็นรมว.ศึกษาฯ นายกฯ ก็เป็น
คนโทรบอกผมเอง ผมไม่เคยไปหา เป้าหมายของชีวิต ไม่ใช่การได้เป็นรัฐมนตรี แต่เป้าหมายคือ
การมีความสุขในแต่ละวัน ผมไม่ได้คิดเหมือนคนอื่น เป้าหมายการเป็นรัฐมนตรี คือการรับใช้
สังคม ส่วนเป้าหมายของคนอื่นมาเป็นรัฐมนตรี อาจจะคิดเรื่องของการโกง การใช้อำนาจ ผม
ไม่ชอบสังคมแบบนี้ อยากให้เป็นสังคมตะวันตก ที่ไม่ใส่ร้ายกัน เป็นแบบนี้ถือว่าแย่มาก
ประเทศถึงไม่เจริญ และสังคมต้องไม่รังแกผมด้วย และการที่ผมออกมาพูดตรงนี้ไม่เกี่ยวกับ
ว่ามีกระแสข่าวว่าจะถูกปรับออก มาถึงวันนี้ผมเชื่อว่า ครูทั้งประเทศยอมรับผม" นายสุชาติ
กล่าว
อาจจะอยู่ไม่ถึงสิ้นปี เพราะมีปัญหารุมเร้ามาก เรื่องนี้ทำให้สมาชิกพรรคเพื่อไทย ออกมาแสดง
ความไม่พอใจกันอย่างมาก
โดยนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้า
พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐบาล คงจะอยู่
สักระยะหนึ่งคืออีก 8 ปี แต่ตัวนายสุชาตินั้น ไม่แน่
ส่วนเรื่องปรับครม.นั้นอยู่ในดุลยพินิจของนายกฯ เพียงคนเดียว และการปรับของ
นายกฯจะไม่มีเหตุผลอย่างอื่นนอกจากเพื่อประโยชน์ของการบริหารราชการแผ่นดิน และ
ประชาชน ส่วนจะปรับเมื่อไร อย่างไร ตนไม่สามารถตอบได้
ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนคงไม่ไปโต้แย้งด้วย
เพราะเป็นมุมมองของนายสุชาติ ส่วนตัวมองว่าหากไม่มีเรื่องทุจริต คอร์รัปชัน รัฐบาลอยู่ครบ
เทอมแน่ เพราะคงจะไปเปลี่ยนแปลงอะไรง่ายๆไม่ได้ เนื่องจากประชาชนไม่ยอมรับ พรรคเพื่อ
ไทย ชนะเลือกตั้งมา 265 ที่นั่ง แต่ยอมรับว่าการบริหารบ้านเมืองไม่ราบเรียบ มีอุปสรรคบ้าง
แต่ก็มองไม่เห็นปัจจัยใดที่รัฐบาลจะอยู่ไม่ได้
" คงไม่มีใครเสียขวัญแน่ โดยเฉพาะน.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่มีความแข็งแกร่งไม่ต่างจาก
นางมาร์กาเร็ต แธตเชอร์ อดีตนายกฯอังกฤษ"
อย่างไรก็ตาม ร.ต.อ.เฉลิม ตั้งข้อสังเกตในเรื่องนี้ว่า ผู้สื่อข่าวอาจตีความคำพูดของ
นายสุชาติ คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงก็เป็นได้
ด้านนายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เป็น
อาการของคนทุรนทุราย ที่จะถูกปรับออกจากครม. เมื่อมีข่าวกระทบนิดหน่อย ก็ฟาดหัวฟาด
หาง จุดไฟเผาบ้านตัวเอง การออกมาพูดของนายสุชาติ เป็นการเสียมารยาทมาก ตนในฐานะ
ส.ส.พรรคเดียวกันรับไม่ได้ นั่งเรือลำเดียวกัน แต่กลับตักน้ำใส่ให้เรือล่ม
"ผมรู้สึกเห็นใจนายกรัฐมนตรี ที่ทำงานด้วยความทุ่มเท แต่กลับมาเจอการพูดจาดู
ถูกแบบนี้ ถ้ามีรัฐมนตรีศึกษาธิการเฮงซวยแบบนี้ ก็รีบไสหัวไปให้พ้นๆ ดีกว่า ยิ่งเร็วเท่าไร
ยิ่งดี ที่ผ่านมาก็ไม่เห็นจะมีน้ำยาแก้ไขปัญหาอะไร หลายอย่างในกระทรวงศึกษาฯ ก็ยังเรื้อรัง
นายสุชาติเป็นรัฐมนตรี เข้าพบก็ยาก เงื่อนไขก็เยอะ ยังมีคนในพรรคที่เหมาะสมกว่าเยอะแยะ
ผมอยากถามนายสุชาติว่า รู้ได้อย่างไรว่ารัฐบาลจะอยู่ไม่ถึงสิ้นปี หรือว่าเปลี่ยนสันดานเป็น
อำมาตย์ไปแล้ว" นายประชา กล่าว
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คงเป็นการจินตนาการไปเอง
เหมือนกินยาไม่ได้เขย่าขวด ในฐานะที่ตนอยู่กับพรรคเพื่อไทยมานาน ตั้งแต่เป็นฝ่ายค้านจนมา
เป็นรัฐบาล เห็นว่ารัฐบาลจะอยู่ยาว เพราะมีประชาชนสนับสนุนแน่นหนา อีกทั้งเสียงส.ส.ใน
สภา ก็แข็งแกร่งกว่า 300 เสียง ไม่มีเหตุผลอะไรที่รัฐบาลจะอยู่ไม่ได้ นายสุชาติคงกังวลเกินไป
เหตุจากสถานการณ์ที่รุมเร้ารัฐบาล คนไม่เคยผ่านการต่อสู้ในช่วงวิกฤติ ถูกกระทำอย่างหนัก
จากฝ่ายตรงข้าม คงประเมินสถานการณ์ไม่ออก ส่วนตัวไม่แน่ใจว่านายสุชาติออกมาพูดล้อเล่น
หรือพูดลักษณะน้อยใจใครหรือเปล่า" นายพร้อมพงศ์ กล่าว
** สะท้อนความล้มเหลวของรัฐบาล
นายถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าภาคใต้ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นนี้
แสดงให้เห็นถึงความแตกแยก จากการบริหารงานของครม.อย่างชัดเจน ถึงขั้นที่รมว.ศึกษาฯ
ออกมาขีดเส้นระยะเวลาการทำงานรัฐบาลอย่างที่ไม่น่าเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม การออกมาระบุของนายสุชาติ เท่ากับเป็นการเอ็กซเรย์การทำงานที่
อ่อนหัดของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการขอใช้สนามบินอู่ตะเภา ของนาซา ที่รัฐบาลไม่
ยอมฟังข้อท้วงติงของทุกฝ่าย มัวแต่ทำงานด้วยปาก ไม่ยอมทำงานด้วยมือ ดีแต่ส่งรัฐมนตรี
ออกมากล่าวโต้ประเด็นที่หลายฝ่ายออกมาท้วงติงสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของการกฎหมายปรองดอง ฉบับนิรโทษกรรม การแก้ไขรัฐ
ธรรมนูญ ที่อาจเกิดการปะทะ และแตกแยก ผลผลิตการเกษตรตกต่ำ ปัญหาน้ำท่วม ทั้งหมดนี้
ตนอยากให้รัฐบาลกล้าออกมาตัดสินใจ เพื่อประโยชน์ของประชาชน
** "สุชาติ"ทิ้งบอมบ์มีแต่รมต.คิดโกง
ด้านนายสุชาติ ธาดาธำรงเวช ได้เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล ชี้แจงกับนายกรัฐมนตรี
ถึงกรณีข่าวที่เกิดขึ้น โดยนายสุชาติ ได้เปิดเผยภายหลังจากเข้าชี้แจงนายกรัฐมนตรี ว่า ตนมา
นายกฯ ด้วยตัวเอง นายกฯไม่ได้เรียกมา ซึ่งนายกฯไม่ได้แสดงความเป็นกังวล หรือว่าอะไร
โดยตนชี้แจงนายกฯ ว่า เนื้อหารายละเอียดข่าวนั้น ตรงกันข้ามกับการพาดหัวข่าว ซึ่งมันไม่
แฟร์ และที่ตนบอกว่ากำลังจะรีไทร์ตัวเอง แต่กลับมาบอกว่าตนฉุน สิ่งที่ตนพูดทั้งหมดเป็น
เพียงการวิเคราะห์ ว่าปัญหาทั้งเรื่องศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องนายจตุพร และ เรื่องวิกฤตเศรษฐกิจ
ยุโรป ทำให้รัฐบาลอยู่ยากขึ้น ซึ่งเรื่องการรีไทร์ตัวเองนั้นได้คิดไว้นานแล้ว
"ผมไม่เสียใจ ถ้าจะต้องออกจากตำแหน่ง เพราะผมไม่เคยมาวิ่งเต้นเพื่อนั่งใน
ตำแหน่งช่วงที่ปรับครม. ผมไม่เคยพูดอะไรเลย ตอนที่ตั้งผมเป็นรมว.ศึกษาฯ นายกฯ ก็เป็น
คนโทรบอกผมเอง ผมไม่เคยไปหา เป้าหมายของชีวิต ไม่ใช่การได้เป็นรัฐมนตรี แต่เป้าหมายคือ
การมีความสุขในแต่ละวัน ผมไม่ได้คิดเหมือนคนอื่น เป้าหมายการเป็นรัฐมนตรี คือการรับใช้
สังคม ส่วนเป้าหมายของคนอื่นมาเป็นรัฐมนตรี อาจจะคิดเรื่องของการโกง การใช้อำนาจ ผม
ไม่ชอบสังคมแบบนี้ อยากให้เป็นสังคมตะวันตก ที่ไม่ใส่ร้ายกัน เป็นแบบนี้ถือว่าแย่มาก
ประเทศถึงไม่เจริญ และสังคมต้องไม่รังแกผมด้วย และการที่ผมออกมาพูดตรงนี้ไม่เกี่ยวกับ
ว่ามีกระแสข่าวว่าจะถูกปรับออก มาถึงวันนี้ผมเชื่อว่า ครูทั้งประเทศยอมรับผม" นายสุชาติ
กล่าว