xs
xsm
sm
md
lg

เฟดนิ่งกดหุ้นรูด ค้านตั้งกองทุนอุ้ม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผิดหวังQE3 ไม่คลอด เฟดยังนิ่ง นักลงทุนเทขาย อีกทั้งราคาน้ำมันร่วงกดหุ้นพลังงานรูด ดัชนีปิดลบ 14.19 จุด โบรกฯให้จับตาผลประชุมรมว.คลังยูโรโซนต่อ ด้านอดีตขุนคลังไทย "ธีระชัย" ค้านไอเดียจัดตั้ง "กองทุนพยุงหุ้น" เพื่อรับมือวิกฤตหนี้ยุโรป เพราะเป็นการเอาเงินภาษี ประชาชนเข้าไปเสี่ยง ชี้ การไหลเข้า-ออกของเงิน รัฐบาลควรบริหารจัดการเรื่องของความเชื่อมั่น และความมีเสถียรภาพทางการเมือง จะดีกว่า

ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้(21มิ.ย.) ปรับตัวในแดนลบ โดยปิดที่ระดับ 1,159.05 จุด ลดลง 14.19 จุด หรือ -1.21%มูลค่าการซื้อขาย 22,631.74 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาค เพราะมีแรงขายทำกำไรจากกลุ่มนักลงทุนที่ผิดหวังผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อีกทั้งได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันปรับตัวลงแรง

หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 174 หลักทรัพย์ ลดลง 319 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 158 หลักทรัพย์ โดยหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,794.41 ล้านบาท ปิดที่ 321.00 บาท ลดลง 11.00 บาท KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,224.54 ล้านบาท ปิดที่ 156.50 บาท ลดลง 4.00 บาท PTTGC มูลค่าการซื้อขาย 1,145.86 ล้านบาท ปิดที่ 56.25 บาท ลดลง 1.75 บาท IVL มูลค่าการซื้อขาย 854.69 ล้านบาท ปิดที่ 28.25 บาท ลดลง 1.00 บาท และ SCB มูลค่าการซื้อขาย 841.03 ล้านบาท ปิดที่ 142.00 บาท ลดลง 3.00 บาท

นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์สำหรับลูกค้าสถาบัน บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงแรง โดยเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาค เพราะมีแรงขายทำกำไรจากกลุ่มนักลงทุนที่ผิดหวังผลการประชุมเฟดที่ไม่ได้ออกมาตรการ QE3 ประกอบกับ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวลงแรง โดยเฉพาะน้ำมันดิบ จึงทำให้มีแรงเทขายหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีออกมา อย่างไรก็ตาม มองว่าเฟดกำลังรอดูสถานการณ์ในยุโรป ถ้ามีความรุนแรงขึ้นก็คงจะต้องออกมาตรการ QE3 ในที่สุด ซึ่งอาจจะได้เห็นภายในปีนี้

ทำให้แนวโน้มการลงทุนในวันนี้(22 มิ.ย.) ดัชนีมีโอกาสแกว่งตัวในแดนลบต่อ เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยเปลี่ยนแปลง โดยต้องรอติดตามผลการประชุมรัฐมนตรีคลังยูโรโซนว่าจะมีผลออกมาเช่นไร

**"ธีระชัย" ค้านไอเดียตั้ง "กองทุนพยุงหุ้น"

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า หลังจากคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจสั่งเตรียมมาตราการเพื่อรับมือความผันผวนจากปัญหาเศรษฐกิจของยุโรป ซึ่งเตรียมใช้มาตรการตั้งกองทุนพยุงหุ้น และการออกมาตรการควบคุมเงินทุนเคลื่อนย้าย โดยมองว่า การเตรียมความพร้อมของภาคธุรกิจเป็นเรื่องที่ดี การทำแผนในช่วง 6-12 เดือน จำเป็นต้องมีการเตรียมความพร้อมเรื่องกระสุน และเงินสภาพคล่อง เพื่อรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้น หากเศรษฐกิจยุโรปมีความผันผวน

"ผมมองว่าผลกระทบตลาดเงิน และตลาดทุน จะสะท้อนแค่ชั่วคราว และเราก็จะโดนหางเลขไปด้วย การเตรียมพร้อม ควรหามาตรการตั้งแต่เนิ่นๆ "แนวคิดการตั้งกองทุนพยุงหุ้น ผมไม่เห็นด้วย ผมไม่เห็นด้วยกับการเอาเงินภาษีของประชาชนไปเสี่ยง"

ทั้งนี้ การไหลเข้า-ออกของเงิน เราควรบริหารจัดการเรื่องของความเชื่อมั่น ความมีเสถียรภาพการเมืองมากกว่า ดังนั้น ไอเดียที่ไปตั้งกองทุนพยุงหุ้น ผมจึงไม่เห็นด้วย

นายธีระชัย กล่าวเสริมว่า ในช่วงที่ตนเองเป็นเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในช่วง 2 ปีก่อนหน้า ตนเองได้แนะนำให้รับมือมาตลอด เพราะรัฐบาลในยุโรปใช้จ่ายเกินตัว และทำให้เกิดปัญหาฟองสบู่ จากการใช้จ่ายเกินตัวของภาครัฐ และการเก็งกำไรตลาดอสังหาริมทรัพย์ และปัญหาหนี้เน่าที่มีอยู่ในยุโรป และยังไม่เคลียร์ออกมา

ขณะที่สเปนก็พยายามแก้ปัญหาหนี้ในภาคสถาบันการเงิน และรัฐบาลหลายประเทศก็ถือครองพันธบัตรแบงก์ในยุโรป ทั้งนี้ เชื่อว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวต่อเนื่องจนกว่าจะมีการแก้ไขปัญหาเพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขันในเวทีโลก
กำลังโหลดความคิดเห็น