“กิตติรัตน์” ยันไม่เก็บภาษี “ดีเซล” หลังสิ้นสุดมาตรการในเดือนนี้เพื่อดูแล “ศก.-ปชช.” มั่นใจส่งออกปีนี้โตได้ 15% ตามเป้า “ปู” นั่งหัวโต๊ะ ครม.เศรษฐกิจวันนี้เพื่อติดตามหนี้กลุ่มยูโรโซน กำชับจับตา ศก.กรีซอย่างใกล้ชิด
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจในประเทศ และการแก้ปัญหาค่าครองชีพของประชาชน โดยยืนยันว่ากระทรวงการคลังยังไม่มีนโยบายปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลที่กำหนดจะสิ้นสุดมาตรการภายในสิ้นเดือนนี้ เพื่อไม่ให้กระทบประชาชน และเศรษฐกิจโดยรวม
ดังนั้น กรณีดังกล่าวจึงไม่ใช่ปัจจัยที่น่ากังวล ประกอบกับในตอนนี้รัฐบาลสามารถจัดเก็บรายได้ภาษีเกินเป้าหมาย อย่างไรก็ตาม หากมีการปรับขึ้นภาษีน้ำมันดีเซล คงต้องให้กองทุนน้ำม้นเชื้อเพลิง และกรมสรรพสามิตได้หารือร่วมกันว่าหน่วยงานใดจะดำเนินการ เพราะหากใช้วิธีการส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ รัฐบาลก็จะไม่มีการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล
ส่วนภาคการส่งออกไทยปีนี้ นายกิตติรัตน์มั่นใจว่าการส่งออกจะขยายตัวได้ตามเป้า 15% แม้ในช่วงครึ่งปีแรกการส่งออกจะขยายตัวได้ไม่ดีนัก ซึ่งเป็นผลมาจากภาคการผลิตยังกลับมาได้ไม่เต็มที่ ในขณะที่กำลังซื้อยังมีอยู่ ขณะเดียวกันในไตรมาส 4/2554 ที่เกิดภาวะน้ำท่วม ตัวเลขส่งออกยังเติบโตเกิน 15%
“ผมประเมินแล้วมองว่าในปีนี้ไม่น่าจะมีอะไร ก็น่าจะทำได้ตามเป้าที่ 15% ถือเป็นการมองโลกในแง่ดี การตั้งเป้าไว้ต่ำทำได้ไม่ยาก”
รายงานข่าวระบุเพิ่มเติมว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจวันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางเข้าร่วม และเป็นประธานการประชุมฯ โดยมีนายกิตติรัตน์ พร้อมด้วยรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมฯ
โดยวาระสำคัญเป็นการติดตามสถานการณ์หนี้ในกลุ่มยูโรโซนเพื่อประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจไทย ซึ่งการประชุมในวันนี้เป็นการประชุมต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่มีการออกมาตรการ 10 ข้อในการวางแผนเพื่อป้องกันผลกระทบทางการเงิน เช่น กำหนดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจับตาดูปัญหาของประเทศกรีซอย่างใกล้ชิด การให้กระทรวงการคลังเตรียมความพร้อมล่วงหน้าถึงกรณีเศรษฐกิจยุโรปส่งผลกระทบต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เช่น การจัดตั้งกองทุนพยุงหุ้น เป็นต้น