00 สังเกตหรือไม่ว่าระยะหลังบรรดาองค์กรอิสระประเภทบิ๊กเนมทั้งหลาย เริ่มเปลี่ยนแปลงอย่างน่าสนใจ หรือถ้าเรียกกันแบบหรูๆว่าเปลี่ยนแปลงไปอย่างมี “นัยสำคัญ” เริ่มจากสำนักงานอัยการสูงสุด ในยุคของ จุลสิงห์ วสันตสิงห์ ที่มีการเคลื่อนไหวอย่างผิดปกติ หลังจากที่สั่งฟ้อง ทักษิณ ชินวัตร กับพวก ในคดีเงินกู้ธนาคารกรุงไทย แม้ว่าจะใช้เวลาในการพิจารณาสำนวนนานนับ 4 ปี ก็เถอะ แต่ถึงจะฟ้องช้า แต่ก็ยังดีกว่าไม่ฟ้องไม่ใช่หรือ
00 อาจจะเป็นเพราะระยะหลังถูกกระแสสังคมกดดันหนักขึ้น ถูกไล่ตรวจสอบกันทุกแง่มุมหรือเปล่าก็ไม่รู้ หรือว่าอาจเป็นเพราะฝ่ายเครือข่ายทักษิณ ได้ผ่านจุดสูงสุดมาแล้ว และกำลังมีแนวโน้มสู่ยุคถดถอยหรือเปล่า หรือว่าด้วยเหตุผลอื่นๆ ก็ช่างมันเถอะ แต่เอาเป็นว่าเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ก็น่าชื่นใจแล้ว เพราะถ้ายังขืนอยู่แบบเดิม มันก็ยิ่งกระตุ้นให้สังคมเรียกร้องให้รื้อ ถ้าเป็นนั้นมันก็จะยิ่งไปกันใหญ่
00 มาถึง กกต.ที่ล่าสุดได้ “ชูใบแดง” ให้กับ การุณ โหสกุล ฐานปราศรัยใส่ร้ายผู้สมัครฝ่ายตรงข้ามคือ แทนคุณ จิตต์อิสระ พรรคปชป. ว่ากันว่าองค์ประชุมมีแค่ 4 คน และ คะแนนเสียงเท่ากัน 2 ต่อ 2 ประชุมห่างกันสองวัน ลงมติก็เท่ากันอีก ทำให้ประธานคือ อภิชาต สุขัคคานนท์ ต้องลงคะแนนชี้ขาด ส่วน 2 เสียง ที่ค้านก็ยังเหมือนเดิมนั่นคือ สดศรี สัตยธรรม กับ วิสุทธิ์ โพธิแท่น และงานนี้ยังพอหายใจหายคอได้อีกระยะหนึ่ง เพราะขั้นตอนชี้ขาดยังอยู่ที่ศาลฎีกาฯ แต่ถึงอย่างไร เอาแค่รับฟ้องก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที แต่ถ้าให้เดาล่วงหน้า ก็“ตกเก้าอี้” ค่อนตัวแล้ว
00 แม้ว่าเจ้าเก่งจะพยายามรักษาอาณาจักรตัวเองเอาไว้ให้ได้ ด้วยการจะส่ง “เมีย หรือพี่ชาย” ลงมาแทนก็ตาม แต่แว่วมาว่าพวก “หัวโจก” เสื้อแดงพยายามดันหลัง “ตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ ลงมาวัดดวง หลังจากว่างงานจากการถูกถอดพ้น ส.ส. เนื่องจากขาดคุณสมบัติ งานนี้ถ้าเป็นไปได้จริง รับรองสนุกแน่ เป็นการวัดใจคนกรุง วัดใจเก่ง ว่าจะยอมให้คนอื่นมายึดพื้นที่ของเองหรือไม่ ขณะเดียวกันอีกมุมหนึ่ง ก็ยังเป็นการวัดใจของ ตู่ เองด้วยว่า “ใจถึง” หรือเปล่า เพราะถ้าพลาดขึ้นมาละก็ เละแน่
00 พูดถึง ตู่-จตุพร แล้ว นึกขึ้นมาได้ว่า นับจากนี้ไป ถ้าตำรวจและอัยการไม่งัวเงีย ก็ต้องถึงคราที่ต้องเดินขึ้นลงศาลเป็นว่าเล่น เพราะยังมีคดีติดตัวเป็นหางว่าว ล้วนแล้วแต่ฉกรรจ์ทั้งนั้น ถ้ายังเป็น ส.ส. เมื่อปิดสมัยประชุมแค่เดือนสองเดือน อาจจะยังตื้อประวิงเวลาได้บ้าง แต่เมื่อไร้เอกสิทธิ์คุ้มครอง มันก็ต้องหนาวกันบ้างละ
00 อาจจะเป็นเพราะระยะหลังถูกกระแสสังคมกดดันหนักขึ้น ถูกไล่ตรวจสอบกันทุกแง่มุมหรือเปล่าก็ไม่รู้ หรือว่าอาจเป็นเพราะฝ่ายเครือข่ายทักษิณ ได้ผ่านจุดสูงสุดมาแล้ว และกำลังมีแนวโน้มสู่ยุคถดถอยหรือเปล่า หรือว่าด้วยเหตุผลอื่นๆ ก็ช่างมันเถอะ แต่เอาเป็นว่าเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ก็น่าชื่นใจแล้ว เพราะถ้ายังขืนอยู่แบบเดิม มันก็ยิ่งกระตุ้นให้สังคมเรียกร้องให้รื้อ ถ้าเป็นนั้นมันก็จะยิ่งไปกันใหญ่
00 มาถึง กกต.ที่ล่าสุดได้ “ชูใบแดง” ให้กับ การุณ โหสกุล ฐานปราศรัยใส่ร้ายผู้สมัครฝ่ายตรงข้ามคือ แทนคุณ จิตต์อิสระ พรรคปชป. ว่ากันว่าองค์ประชุมมีแค่ 4 คน และ คะแนนเสียงเท่ากัน 2 ต่อ 2 ประชุมห่างกันสองวัน ลงมติก็เท่ากันอีก ทำให้ประธานคือ อภิชาต สุขัคคานนท์ ต้องลงคะแนนชี้ขาด ส่วน 2 เสียง ที่ค้านก็ยังเหมือนเดิมนั่นคือ สดศรี สัตยธรรม กับ วิสุทธิ์ โพธิแท่น และงานนี้ยังพอหายใจหายคอได้อีกระยะหนึ่ง เพราะขั้นตอนชี้ขาดยังอยู่ที่ศาลฎีกาฯ แต่ถึงอย่างไร เอาแค่รับฟ้องก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที แต่ถ้าให้เดาล่วงหน้า ก็“ตกเก้าอี้” ค่อนตัวแล้ว
00 แม้ว่าเจ้าเก่งจะพยายามรักษาอาณาจักรตัวเองเอาไว้ให้ได้ ด้วยการจะส่ง “เมีย หรือพี่ชาย” ลงมาแทนก็ตาม แต่แว่วมาว่าพวก “หัวโจก” เสื้อแดงพยายามดันหลัง “ตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ ลงมาวัดดวง หลังจากว่างงานจากการถูกถอดพ้น ส.ส. เนื่องจากขาดคุณสมบัติ งานนี้ถ้าเป็นไปได้จริง รับรองสนุกแน่ เป็นการวัดใจคนกรุง วัดใจเก่ง ว่าจะยอมให้คนอื่นมายึดพื้นที่ของเองหรือไม่ ขณะเดียวกันอีกมุมหนึ่ง ก็ยังเป็นการวัดใจของ ตู่ เองด้วยว่า “ใจถึง” หรือเปล่า เพราะถ้าพลาดขึ้นมาละก็ เละแน่
00 พูดถึง ตู่-จตุพร แล้ว นึกขึ้นมาได้ว่า นับจากนี้ไป ถ้าตำรวจและอัยการไม่งัวเงีย ก็ต้องถึงคราที่ต้องเดินขึ้นลงศาลเป็นว่าเล่น เพราะยังมีคดีติดตัวเป็นหางว่าว ล้วนแล้วแต่ฉกรรจ์ทั้งนั้น ถ้ายังเป็น ส.ส. เมื่อปิดสมัยประชุมแค่เดือนสองเดือน อาจจะยังตื้อประวิงเวลาได้บ้าง แต่เมื่อไร้เอกสิทธิ์คุ้มครอง มันก็ต้องหนาวกันบ้างละ
