ศูนย์ข่าวนครราชสีมา-ผบช.ภ. 3 สั่งตำรวจ 2 นาย เอี่ยวโกงข้อสอบนายสิบออกจากราชการ พร้อมสั่งเร่งตามตัว 2 ผู้ต้องหากุญแจสำคัญ ส่วนตำรวจภูธรภาค 5 ทยอยนำตัว 8 ผู้ต้องสงสัยทุจริตสอบตำรวจเข้าสอบปากคำเพิ่มแล้ว พบกระดาษคำตอบมีพิรุธ ด้าน สตช. สั่งกองปราบร่วมสอบสวนทุจริต พร้อมประสาน ปปง. ตรวจเส้นทางการเงินผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด
พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ผู้บังคับบัญชาของ ด.ต.วชิรนุสรณ์ พงษ์พันธ์ ผู้บังคับหมู่ปราบปราม สภ.เมืองศรีสะเกษ และส.ต.อ.ประสาร วงศ์ชา ผู้บังคับหมู่กองพิสูจน์หลักฐานจังหวัดอำนาจเจริญ ให้มีคำสั่งให้ตำรวจทั้ง 2 นายออกจากราชการไว้ก่อน หลังตำรวจทั้ง 2 นาย มีส่วนพัวพันคดีโกงสอบเข้าตำรวจ และศาลจังหวัดนครราชสีมา ได้ออกหมายจับดำเนินคดีอาญาในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนแล้ว
"จากการสอบสวน ส.ต.อ.ประสาน ให้การรับสารภาพว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโกงสอบตำรวจ โดยทำหน้าที่เป็นผู้จัดหาลูกค้ามาให้ และสอนลูกค้าเกี่ยวกับวิธีการถอดรหัสข้อสอบ และได้รับการถ่ายทอดวิธีการมาจากผู้ร่วมขบวนการกลุ่มหนึ่ง แต่ไม่ทราบตัวตนที่แท้จริงว่าเป็นใคร ส่วนด.ต.วชิรานุสรณ์ เป็นสามีของนางเตือนใจ พงศ์พันธ์ ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมชุดแรก และเป็นผู้พาชุดสืบสวนตามไปยึดเงินสดของกลางคืนได้เกือบ 11 ล้านบาท เบื้องต้นยังคงให้การปฏิเสธ อ้างว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับการกระทำของภรรยา"
อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ตำรวจภูธรภาค 3 สามารถจับกุมขบวนการโกงสอบได้แล้วรวม 13 ราย และยังเร่งติดตามตัวผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับอีก 2 ราย คือ นายวิบูลย์ศักดิ์ แสนจักร อายุ 29 ปี ชาวลำปาง และนายอุดมพร พุฒตาล หรือ โต อายุ 26 ปี ชาวพะเยา ซึ่งหนีไปกบดานแถบภาคกลาง ทั้ง 2 คน ถือเป็นกุญแจสำคัญที่จะเชื่อมโยงไปถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลังของขบวนการนี้
ส่วนที่ จ.ลำปาง เมื่อเวลา 10.20 น. วานนี้ (20 มิ.ย.) ที่ห้องประชุมชั้น 2 ของสถานีตำรวจภูธรเมืองลำปาง เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเฉพาะกิจที่ได้ตั้งขึ้นมาเพื่อทำการสืบสวนและสอบสวนกรณีการทุจริตการสอบนายสิบตำรวจของตำรวจภูธรภาค 5 ซึ่งมีด้วยกัน 2 ชุดได้ทยอยนำตัวผู้เข้าสอบ 8 ราย เข้าทำการสอบปากคำเพิ่มเติม โดยส่วนใหญ่เป็นชาว จ.พะเยา ซึ่งล่าสุดได้มีผู้เข้าสอบปากคำแล้ว 4 ราย ส่วนที่เหลืออีก 4 รายคาดว่า จะสามารถเข้ารายงานตัวและให้ปากคำได้ภายในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้
สำหรับผู้เข้าสอบทั้ง 8 รายที่ตำรวจ ได้ใช้หมายเรียกและเชิญตัวมาสอบปากคำเป็นผู้ที่เข้าสอบในสนามสอบที่ จ.ลำปาง ซึ่งเป็นพื้นที่ของตำรวจภูธรภาค 5 โดยมีทั้งที่อยู่ในและนอกพื้นที่ของตำรวจภูธรภาค 5 ด้วย
จากการตรวจสอบข้อสอบที่ผู้เข้าสอบทั้งหมด ทำการสอบเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา พบว่า 8 รายนี้ มีพิรุธในกระดาษข้อสอบ เนื่องจากในแต่ละข้อมีการลงบันทึกรหัสเป็นสัญลักษณ์ และเลขทศนิยมไว้ลักษณะคล้ายคลึงกันทุกคน ทำให้เชื่อได้ว่า ทุกคนมีส่วนในขบวนการทุจริตสอบในครั้งนี้ และคาดว่า น่าจะมีผู้ที่ร่วมในขบวนการอีกจำนวนมาก ซึ่งต้องสืบสวนขยายผลต่อไป
ส่วนความคืบหน้าของการติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายศาลในคดีดังกล่าวของตำรวจภูธรภาค 5 ขณะนี้ยังคงมีเท่าเดิม คือ จำนวน 7 ราย
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พ.ต.อ.จักษ์ จิตตธรรม และ พ.ต.ท.อัญชุลี ธีระพงษ์ไพศาล รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ร่วมกันแถลงข่าวประจำสัปดาห์
พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า ขณะนี้มีความชัดเจนเรื่องสนามสอบ โดยพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผบ.ตร. หัวหน้าคณะทำงานการจัดสอบใหม่ ได้สรุปว่าจะใช้สนามสอบในส่วนภูมิภาคเป็นหลัก แยกเป็นภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคใต้ และส่วนกลางกทม. อีก 1 สนาม ซึ่งจะให้ไปจัดหาสนามสอบที่เป็นมหาวิทยาลัยใหญ่ๆ ในแต่ละภูมิภาคที่สามารถจุคนสอบได้ประมาณ 2 หมื่นคน ที่จะสอบในแต่ละภูมิภาค เพื่อให้สามารถใช้เทคโนโลยีที่ตำรวจพัฒนาขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นเครื่องตรวจโลหะ เครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์และวิทยุความถี่ต่ำ สำหรับข้อสอบ จะออกใหม่ทั้งหมด คณะกรรมการจะใช้ชุดเดิม แต่จะมีปรับปรุงใหม่ และถึงตอนนี้ยังไม่มีการกำหนดวันสอบใหม่ เนื่องจากต้องรอเรื่องสนามสอบที่ต้องเป็นสถานที่ที่ว่างพร้อมกัน และต้องรอขั้นตอนการออกข้อสอบใหม่ด้วย
ในส่วนของการสอบสวน พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัติ รองผบ.ตร. ที่เป็นเป็นหัวคณะกรรมการทำงานด้านการสอบสวน ได้ให้ทางกองปราบปรามมาร่วมทำคดีนี้ด้วย ตอนนี้การสอบสวนมีความคืบหน้าไปมากมีการออกหมายจับและจับกุมได้เป็นระยะ ในสัปดาห์นี้ จะเน้นเรื่องของการยึดทรัพย์ โดยประสานงานกับทาง ปปง. ในการดำเนินการตรวจสอบเส้นทางทางการเงินตลอดจนทรัพย์สิน การโอนย้ายทรัพย์สิน ของผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับแล้ว ถูกจับกุมตัวแล้ว และผู้ที่มีชื่อเข้าไปเกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งนี้ ในส่วนของตำรวจที่เข้าไปเกี่ยวข้องเป็นนายหน้า ยังไม่มีหลักฐานจนสามารถออกหมายจับได้ ให้ดำเนินการทางปกครองไปก่อน
พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ผู้บังคับบัญชาของ ด.ต.วชิรนุสรณ์ พงษ์พันธ์ ผู้บังคับหมู่ปราบปราม สภ.เมืองศรีสะเกษ และส.ต.อ.ประสาร วงศ์ชา ผู้บังคับหมู่กองพิสูจน์หลักฐานจังหวัดอำนาจเจริญ ให้มีคำสั่งให้ตำรวจทั้ง 2 นายออกจากราชการไว้ก่อน หลังตำรวจทั้ง 2 นาย มีส่วนพัวพันคดีโกงสอบเข้าตำรวจ และศาลจังหวัดนครราชสีมา ได้ออกหมายจับดำเนินคดีอาญาในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนแล้ว
"จากการสอบสวน ส.ต.อ.ประสาน ให้การรับสารภาพว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโกงสอบตำรวจ โดยทำหน้าที่เป็นผู้จัดหาลูกค้ามาให้ และสอนลูกค้าเกี่ยวกับวิธีการถอดรหัสข้อสอบ และได้รับการถ่ายทอดวิธีการมาจากผู้ร่วมขบวนการกลุ่มหนึ่ง แต่ไม่ทราบตัวตนที่แท้จริงว่าเป็นใคร ส่วนด.ต.วชิรานุสรณ์ เป็นสามีของนางเตือนใจ พงศ์พันธ์ ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมชุดแรก และเป็นผู้พาชุดสืบสวนตามไปยึดเงินสดของกลางคืนได้เกือบ 11 ล้านบาท เบื้องต้นยังคงให้การปฏิเสธ อ้างว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับการกระทำของภรรยา"
อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ตำรวจภูธรภาค 3 สามารถจับกุมขบวนการโกงสอบได้แล้วรวม 13 ราย และยังเร่งติดตามตัวผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับอีก 2 ราย คือ นายวิบูลย์ศักดิ์ แสนจักร อายุ 29 ปี ชาวลำปาง และนายอุดมพร พุฒตาล หรือ โต อายุ 26 ปี ชาวพะเยา ซึ่งหนีไปกบดานแถบภาคกลาง ทั้ง 2 คน ถือเป็นกุญแจสำคัญที่จะเชื่อมโยงไปถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลังของขบวนการนี้
ส่วนที่ จ.ลำปาง เมื่อเวลา 10.20 น. วานนี้ (20 มิ.ย.) ที่ห้องประชุมชั้น 2 ของสถานีตำรวจภูธรเมืองลำปาง เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเฉพาะกิจที่ได้ตั้งขึ้นมาเพื่อทำการสืบสวนและสอบสวนกรณีการทุจริตการสอบนายสิบตำรวจของตำรวจภูธรภาค 5 ซึ่งมีด้วยกัน 2 ชุดได้ทยอยนำตัวผู้เข้าสอบ 8 ราย เข้าทำการสอบปากคำเพิ่มเติม โดยส่วนใหญ่เป็นชาว จ.พะเยา ซึ่งล่าสุดได้มีผู้เข้าสอบปากคำแล้ว 4 ราย ส่วนที่เหลืออีก 4 รายคาดว่า จะสามารถเข้ารายงานตัวและให้ปากคำได้ภายในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้
สำหรับผู้เข้าสอบทั้ง 8 รายที่ตำรวจ ได้ใช้หมายเรียกและเชิญตัวมาสอบปากคำเป็นผู้ที่เข้าสอบในสนามสอบที่ จ.ลำปาง ซึ่งเป็นพื้นที่ของตำรวจภูธรภาค 5 โดยมีทั้งที่อยู่ในและนอกพื้นที่ของตำรวจภูธรภาค 5 ด้วย
จากการตรวจสอบข้อสอบที่ผู้เข้าสอบทั้งหมด ทำการสอบเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา พบว่า 8 รายนี้ มีพิรุธในกระดาษข้อสอบ เนื่องจากในแต่ละข้อมีการลงบันทึกรหัสเป็นสัญลักษณ์ และเลขทศนิยมไว้ลักษณะคล้ายคลึงกันทุกคน ทำให้เชื่อได้ว่า ทุกคนมีส่วนในขบวนการทุจริตสอบในครั้งนี้ และคาดว่า น่าจะมีผู้ที่ร่วมในขบวนการอีกจำนวนมาก ซึ่งต้องสืบสวนขยายผลต่อไป
ส่วนความคืบหน้าของการติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายศาลในคดีดังกล่าวของตำรวจภูธรภาค 5 ขณะนี้ยังคงมีเท่าเดิม คือ จำนวน 7 ราย
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พ.ต.อ.จักษ์ จิตตธรรม และ พ.ต.ท.อัญชุลี ธีระพงษ์ไพศาล รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ร่วมกันแถลงข่าวประจำสัปดาห์
พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า ขณะนี้มีความชัดเจนเรื่องสนามสอบ โดยพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผบ.ตร. หัวหน้าคณะทำงานการจัดสอบใหม่ ได้สรุปว่าจะใช้สนามสอบในส่วนภูมิภาคเป็นหลัก แยกเป็นภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคใต้ และส่วนกลางกทม. อีก 1 สนาม ซึ่งจะให้ไปจัดหาสนามสอบที่เป็นมหาวิทยาลัยใหญ่ๆ ในแต่ละภูมิภาคที่สามารถจุคนสอบได้ประมาณ 2 หมื่นคน ที่จะสอบในแต่ละภูมิภาค เพื่อให้สามารถใช้เทคโนโลยีที่ตำรวจพัฒนาขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นเครื่องตรวจโลหะ เครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์และวิทยุความถี่ต่ำ สำหรับข้อสอบ จะออกใหม่ทั้งหมด คณะกรรมการจะใช้ชุดเดิม แต่จะมีปรับปรุงใหม่ และถึงตอนนี้ยังไม่มีการกำหนดวันสอบใหม่ เนื่องจากต้องรอเรื่องสนามสอบที่ต้องเป็นสถานที่ที่ว่างพร้อมกัน และต้องรอขั้นตอนการออกข้อสอบใหม่ด้วย
ในส่วนของการสอบสวน พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัติ รองผบ.ตร. ที่เป็นเป็นหัวคณะกรรมการทำงานด้านการสอบสวน ได้ให้ทางกองปราบปรามมาร่วมทำคดีนี้ด้วย ตอนนี้การสอบสวนมีความคืบหน้าไปมากมีการออกหมายจับและจับกุมได้เป็นระยะ ในสัปดาห์นี้ จะเน้นเรื่องของการยึดทรัพย์ โดยประสานงานกับทาง ปปง. ในการดำเนินการตรวจสอบเส้นทางทางการเงินตลอดจนทรัพย์สิน การโอนย้ายทรัพย์สิน ของผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับแล้ว ถูกจับกุมตัวแล้ว และผู้ที่มีชื่อเข้าไปเกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งนี้ ในส่วนของตำรวจที่เข้าไปเกี่ยวข้องเป็นนายหน้า ยังไม่มีหลักฐานจนสามารถออกหมายจับได้ ให้ดำเนินการทางปกครองไปก่อน
