นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ถูกกลุ่มคนเสื้อแดงจ.เชียงใหม่ ขัดขวางระหว่างการลงพื้นที่ช่วย นางกิ่งกาญจน์ ณ เชียงใหม่ ผู้สมัครนายกอบจ.เชียงใหม่ หาเสียงว่า มีคนเสื้อแดงมาไม่กี่คน แต่ทางทีมงานไม่อยากให้มีเรื่องเหมือนที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้
ทั้งนี้มีคนประมาณ 3-4 คน ชูป้ายโจมตี และมีนักศึกษาโห่ไล่ ทีมงานจึงกลัวว่าจะเกิดการปะทะกันเลยพยายามหลีกเลี่ยง สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นถึงความไม่มีจิตวิญญาณประชาธิปไตย มีการขัดขวางการลงพื้นที่ของคู่แข่ง ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เพราะการเลือกตั้งไม่มีทางเที่ยงธรรม หรือเป็นธรรมได้ ถ้าฝ่ายหนึ่งหาเสียงได้โดยอิสระ แต่อีกฝ่ายถูกขัดขวางตลอดเวลา ซึ่งเรื่องนี้ก็ชัดเจน เพราะมีสถานีวิทยุ และกลุ่มเชียงใหม่ 51 ประกาศเชิญชวนให้คนออกมา จึงไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ
ส่วนจะมีการร้องเรียนเอาผิดผู้สมัครได้หรือไม่ ตนไม่ทราบ ไม่ได้ติดใจตรงนี้ แต่ต้องการให้ กกต.มีกติกาที่ชัด และต้องฟ้องกับสังคมว่าพฤติกรรมเหล่านี้ไม่ใช่นักประชาธิปไตย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนเคยเรียกร้องไปยัง กกต.ให้กำหนดกติกาให้ชัดตั้งแต่การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ซึ่งเกิดพฤติการณ์เดียวกัน แต่ก็ไม่เข้าใจว่า กกต.เพิกเฉยเรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร ทั้งที่เป็นเรื่องพื้นฐาน และผิดกฏหมายเลือกตั้งด้วยซ้ำ จึงควรพูดให้ชัดและต่อไปไม่ควรมีการขัดขวางการลงพื้นที่เกิดขึ้น ตนไม่อยากให้มีเรื่อง และอยากสอบถามไปยังพรรคเพื่อไทย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ กกต. ว่า นี่คือประชาธิปไตยแบบไหน ที่ฝ่ายหนึ่งมีอิสระทำทุกอย่าง แต่ไปจำกัดเสรีภาพคนอื่น
" ผมคิดว่า กกต.จะกลัวคนเสื้อแดงไม่ได้ เพราะถ้า กกต.กลัวจนไม่กล้าวางกติกาก็ไม่ต้องมีกกต. ผมคิดว่าการใช้มวลชนกดดันคนอื่นไม่เป็นผลดี เราจำเป็นต้องทบทวนอย่างจริงจังว่า ต้องการอนาคตประชาธิปไตยไทยสังคมไทยแบบไหน ถ้าใช้การข่มขู่คุกคามโดยมวลชนจะทำให้ประเทศชาติถลำลึกลงไปในแนววิกฤติ และกระทบภาพลักษณ์ด้วย และรัฐบาลเอง ก็มีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง ผมจึงยืนยันว่า เมื่อมีการทำผิดเจ้าหน้าที่ต้องทำหน้าที่ เช่น การปราศรัยผิดเงื่อนไขประกันตัว ดีเอสไอ. ต้องไปยื่นถอนการประกันตัวรัฐบาลก็ต้องรับผิดชอบ นายกฯสามารถพูดกับผู้สนับสนุนตัวเองให้เลิกพฤติกรรมแบบนี้ แต่ถ้าไม่พูดเท่ากับเป็นการสนับสนุนกลายๆให้ทำ" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ทั้งนี้มีคนประมาณ 3-4 คน ชูป้ายโจมตี และมีนักศึกษาโห่ไล่ ทีมงานจึงกลัวว่าจะเกิดการปะทะกันเลยพยายามหลีกเลี่ยง สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นถึงความไม่มีจิตวิญญาณประชาธิปไตย มีการขัดขวางการลงพื้นที่ของคู่แข่ง ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เพราะการเลือกตั้งไม่มีทางเที่ยงธรรม หรือเป็นธรรมได้ ถ้าฝ่ายหนึ่งหาเสียงได้โดยอิสระ แต่อีกฝ่ายถูกขัดขวางตลอดเวลา ซึ่งเรื่องนี้ก็ชัดเจน เพราะมีสถานีวิทยุ และกลุ่มเชียงใหม่ 51 ประกาศเชิญชวนให้คนออกมา จึงไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ
ส่วนจะมีการร้องเรียนเอาผิดผู้สมัครได้หรือไม่ ตนไม่ทราบ ไม่ได้ติดใจตรงนี้ แต่ต้องการให้ กกต.มีกติกาที่ชัด และต้องฟ้องกับสังคมว่าพฤติกรรมเหล่านี้ไม่ใช่นักประชาธิปไตย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนเคยเรียกร้องไปยัง กกต.ให้กำหนดกติกาให้ชัดตั้งแต่การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ซึ่งเกิดพฤติการณ์เดียวกัน แต่ก็ไม่เข้าใจว่า กกต.เพิกเฉยเรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร ทั้งที่เป็นเรื่องพื้นฐาน และผิดกฏหมายเลือกตั้งด้วยซ้ำ จึงควรพูดให้ชัดและต่อไปไม่ควรมีการขัดขวางการลงพื้นที่เกิดขึ้น ตนไม่อยากให้มีเรื่อง และอยากสอบถามไปยังพรรคเพื่อไทย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ กกต. ว่า นี่คือประชาธิปไตยแบบไหน ที่ฝ่ายหนึ่งมีอิสระทำทุกอย่าง แต่ไปจำกัดเสรีภาพคนอื่น
" ผมคิดว่า กกต.จะกลัวคนเสื้อแดงไม่ได้ เพราะถ้า กกต.กลัวจนไม่กล้าวางกติกาก็ไม่ต้องมีกกต. ผมคิดว่าการใช้มวลชนกดดันคนอื่นไม่เป็นผลดี เราจำเป็นต้องทบทวนอย่างจริงจังว่า ต้องการอนาคตประชาธิปไตยไทยสังคมไทยแบบไหน ถ้าใช้การข่มขู่คุกคามโดยมวลชนจะทำให้ประเทศชาติถลำลึกลงไปในแนววิกฤติ และกระทบภาพลักษณ์ด้วย และรัฐบาลเอง ก็มีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง ผมจึงยืนยันว่า เมื่อมีการทำผิดเจ้าหน้าที่ต้องทำหน้าที่ เช่น การปราศรัยผิดเงื่อนไขประกันตัว ดีเอสไอ. ต้องไปยื่นถอนการประกันตัวรัฐบาลก็ต้องรับผิดชอบ นายกฯสามารถพูดกับผู้สนับสนุนตัวเองให้เลิกพฤติกรรมแบบนี้ แต่ถ้าไม่พูดเท่ากับเป็นการสนับสนุนกลายๆให้ทำ" นายอภิสิทธิ์ กล่าว