ASTVผู้จัดการรายวัน-บลจ.กรุงไทย เทรดอีทีเอฟอิงดัชนีหุ้นฮ่องกงวันแรกปรับขึ้นเล็กน้อยปิดที่ 4.04 บาทต่อหน่วย แนะชิงจังหวะลงทุนช่วงดัชนี"ฮั่งเส็ง"ปรับฐาน มั่นใจเศรษฐกิจจีนโต 7.5% ช่วยหนุน พร้อมระบุตลาดอีทีเอฟไทยโตได้อีกแต่ทางเลือกยังน้อย เล็งออกกองใหม่เพิ่มทั้งตราสารหนี้-สินค้าโภคภัณฑ์เอาใจนักลงทุน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การซื้อขายวันแรกของกองทุนเปิดเคแทม ฮ่องกง อีทีเอฟ แทร็กเกอร์ (KTAM HONG KONG TRACKER)หรือ HK ที่อ้างอิงกับ “ดัชนีฮั่งเส็ง” ของฮ่องกงกองทุนแรกของประเทศผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวานนี้ (19มิ.ย.55) ที่ราคาไอพีโอ 4.00 บาทต่อหน่วย ได้มีการปรับตัวขึ้นเล็กน้อยระหว่างวันที่ 4.05 บาทต่อหน่วย ก่อนปิดตลาดที่ราคา 4.04 บาทต่อหน่วย
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กองทุนดังกล่าวถือว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนตั้งแต่ก่อนนำเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ โดยมียอดจองซื้อถึง 177 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นเกณฑ์ที่ดีเมื่อเทียบกับสภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนอยู่ในขณะนี้
นอกจากนี้ ประเทศจีนเองยังเพิ่งจะอนุญาตให้มีการเปิดการซื้อขายอีทีเอฟเป็นครั้งแรกซึ่งมีกองทุน Tracker Fund Of Hong Kong เป็นกองทุนแรกที่ได้รับโอกาสดังกล่าว และจะเป็นอีกกองทุนหนึ่งที่เป็นฟีดเดอร์ฟันด์ที่นำเงินเข้ามาลงทุนในกองทุนอีทีเอฟ HKอีกด้วย
"เราอยากแนะนำให้นักลงทุนกระจายความเสี่ยงโดยการลงทุนในกองทุนHK เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมามาดัชนีฮั่งเส็งมีการปรับฐานมาตั้งแต่ต้นปีซึ่งปัจจุบันก็ปรับตัวขึ้นมาในระดับหนึ่งซึ่งในมุมมองเศรษฐกิจจีนของฝ่ายวิจัยบลจ.กรุงไทย ยังมองว่าการเติบโตของประเทศจีนยังมีสูงแม้จีนจะประกาศตัวเลข GDP ไว้ที่ 7.5% แต่นักวิเคราะห์หลายแห่งๆยังมองว่า GDP จะเติบโตกว่าที่จีนตั้งเป้าไว้"นายสมชัยกล่าว
อย่างไรก็ตามหากนักลงทุนมีความสนใจลงทุนในตลาดหุ้นจีนมากกว่าตลาดหุ้นฮ่องกง บริษัทยังมีกองทุนกองทุนเปิดดับเบิลยูไอเอสอี เคแทม ซีเอสไอ 300 ไชน่า แทร็กเกอร์ หรือ CHINA เอาไว้รองรับและน่าจะช่วยกระจายความเสี่ยงเพิ่มขึ้นได้อีก โดยกองทุนนี้จะแตกต่างจากกองทุน HK ตรงที่ลักษณะของนักลงทุนซึ่งส่วนใหญ่นักลงทุนในจีนจะเป็นนักลงทุนรายย่อยมากกว่าสถาบัน เวลาตลาดหุ้นปรับตัวลงจะค่อนข้างลงมากกว่าความเป็นจริงแต่เมื่อเวลาปรับตัวขึ้นก็จะขึ้่นแบบหวือหวา ในขณะที่นักลงทุนในตลาดหุ้นฮ่องกงส่วนใหญ่จะเป็นนักลงทุนสถาบันซึ่งการลงทุนจะค่อนข้างมีระเบียบแบบเเผนทำให้ความหวือหวาในตลาดนี้ค่อนข้างน้อย
นายสมชัย กล่าวอีกว่า นอกจากกองทุนเปิด HKแล้ว บริษัทมีเเผนที่จะเปิดขายกองทุนอีทีเอฟที่ลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาด AFET ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงศึกษาข้อมูลกันอยู่ ขณะเดียวกันเราก็สนใจอีทีเอฟ Fixed income ซึ่งตลาดอีทีเอฟในต่างประเทศได้รับความนิยมค่อนข้างมาก โดยบริษัทเชื่อว่าตลาดอีทีเอฟของประเทศไทยยังขาดกองทุนอีทีเอฟที่น่าสนใจหลายตัวเราก็จะเติมเต็มในส่วนดังกล่าวเข้าไป
ทั้งนี้แม้ว่านักลงทุนรายย่อย หรือนักลงทุนสถาบันยังเข้าใจหรือเข้ามาลงทุนในตลาดอีทีเอฟน้อยไม่ว่าจะเหตุผลใดก็ตาม ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องและบลจ.กรุงไทยเองจะเดินหน้าให้ความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนในกองทุนอีทีเอฟต่อไปเพื่อพัฒนาตลาดในส่วนนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การซื้อขายวันแรกของกองทุนเปิดเคแทม ฮ่องกง อีทีเอฟ แทร็กเกอร์ (KTAM HONG KONG TRACKER)หรือ HK ที่อ้างอิงกับ “ดัชนีฮั่งเส็ง” ของฮ่องกงกองทุนแรกของประเทศผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวานนี้ (19มิ.ย.55) ที่ราคาไอพีโอ 4.00 บาทต่อหน่วย ได้มีการปรับตัวขึ้นเล็กน้อยระหว่างวันที่ 4.05 บาทต่อหน่วย ก่อนปิดตลาดที่ราคา 4.04 บาทต่อหน่วย
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กองทุนดังกล่าวถือว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนตั้งแต่ก่อนนำเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ โดยมียอดจองซื้อถึง 177 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นเกณฑ์ที่ดีเมื่อเทียบกับสภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนอยู่ในขณะนี้
นอกจากนี้ ประเทศจีนเองยังเพิ่งจะอนุญาตให้มีการเปิดการซื้อขายอีทีเอฟเป็นครั้งแรกซึ่งมีกองทุน Tracker Fund Of Hong Kong เป็นกองทุนแรกที่ได้รับโอกาสดังกล่าว และจะเป็นอีกกองทุนหนึ่งที่เป็นฟีดเดอร์ฟันด์ที่นำเงินเข้ามาลงทุนในกองทุนอีทีเอฟ HKอีกด้วย
"เราอยากแนะนำให้นักลงทุนกระจายความเสี่ยงโดยการลงทุนในกองทุนHK เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมามาดัชนีฮั่งเส็งมีการปรับฐานมาตั้งแต่ต้นปีซึ่งปัจจุบันก็ปรับตัวขึ้นมาในระดับหนึ่งซึ่งในมุมมองเศรษฐกิจจีนของฝ่ายวิจัยบลจ.กรุงไทย ยังมองว่าการเติบโตของประเทศจีนยังมีสูงแม้จีนจะประกาศตัวเลข GDP ไว้ที่ 7.5% แต่นักวิเคราะห์หลายแห่งๆยังมองว่า GDP จะเติบโตกว่าที่จีนตั้งเป้าไว้"นายสมชัยกล่าว
อย่างไรก็ตามหากนักลงทุนมีความสนใจลงทุนในตลาดหุ้นจีนมากกว่าตลาดหุ้นฮ่องกง บริษัทยังมีกองทุนกองทุนเปิดดับเบิลยูไอเอสอี เคแทม ซีเอสไอ 300 ไชน่า แทร็กเกอร์ หรือ CHINA เอาไว้รองรับและน่าจะช่วยกระจายความเสี่ยงเพิ่มขึ้นได้อีก โดยกองทุนนี้จะแตกต่างจากกองทุน HK ตรงที่ลักษณะของนักลงทุนซึ่งส่วนใหญ่นักลงทุนในจีนจะเป็นนักลงทุนรายย่อยมากกว่าสถาบัน เวลาตลาดหุ้นปรับตัวลงจะค่อนข้างลงมากกว่าความเป็นจริงแต่เมื่อเวลาปรับตัวขึ้นก็จะขึ้่นแบบหวือหวา ในขณะที่นักลงทุนในตลาดหุ้นฮ่องกงส่วนใหญ่จะเป็นนักลงทุนสถาบันซึ่งการลงทุนจะค่อนข้างมีระเบียบแบบเเผนทำให้ความหวือหวาในตลาดนี้ค่อนข้างน้อย
นายสมชัย กล่าวอีกว่า นอกจากกองทุนเปิด HKแล้ว บริษัทมีเเผนที่จะเปิดขายกองทุนอีทีเอฟที่ลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาด AFET ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงศึกษาข้อมูลกันอยู่ ขณะเดียวกันเราก็สนใจอีทีเอฟ Fixed income ซึ่งตลาดอีทีเอฟในต่างประเทศได้รับความนิยมค่อนข้างมาก โดยบริษัทเชื่อว่าตลาดอีทีเอฟของประเทศไทยยังขาดกองทุนอีทีเอฟที่น่าสนใจหลายตัวเราก็จะเติมเต็มในส่วนดังกล่าวเข้าไป
ทั้งนี้แม้ว่านักลงทุนรายย่อย หรือนักลงทุนสถาบันยังเข้าใจหรือเข้ามาลงทุนในตลาดอีทีเอฟน้อยไม่ว่าจะเหตุผลใดก็ตาม ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องและบลจ.กรุงไทยเองจะเดินหน้าให้ความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนในกองทุนอีทีเอฟต่อไปเพื่อพัฒนาตลาดในส่วนนี้