ASTVผู้จัดการรายวัน - อาร์เอส ปรับราคาเคเบิ้ลทีวี ช่วงซูเปอร์ไพร์มไทม์อีก7เท่าตัว หรือ 20,000 บาทต่อนาที มั่นใจส่งรายได้รวมเคเบิลปีนี้ทะลุเพิ่มอีก 20-30% จากเป้าเดิม 550 ล้านบาท ส่วนลาลีกาดูฟรีทุกรูปแบบแต่แย้มมีเสียเงินเหมือนกัน
นางพรพรรณ เตชรุ่งชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจเคเบิลทีวีของอาร์เอส มีแนวโน้มที่ดีมาก จากข้อมูลของทางPSI พบว่า ช่องรายการทางเคเบิลทีวีของอาร์เอสที่มีอยู่ 4 ช่อง มีเรตติ้งติดอันดับต้นๆอย่างต่อเนื่อง กล่าวคือ ช่องสบายดีทีวี ติดอันดับ1, You Channel ติดอันดับ2 และย๊าค ทีวี ติดอันดับ5 ในกลุ่มมิวสิค ส่วนช่อง8 นั้น ขึ้นแท่นเป็นผู้นำอันดับ1 ในกลุ่มเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ วาไรตี้
จากแนวโน้มที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะกับช่อง 8 พบว่า ในช่วงซูเปอร์ไพร์มไทม์ คือ ช่วงละครที่ผลิตขึ้นมาใหม่ ในเวลาช่วง 18.30-21.00น. มีเรตติ้งตีคู่อยู่ในท็อป3ได้ โดยรวมกับช่อง3 และ7 เห็นผลชัดเจน โดยเฉพาะช่วงที่นำละครเรื่อง “ทองประกายแสด” เข้ามาออกอากาศที่ผ่านมา ส่งผลให้ช่วงเวลาดังกล่าวมีสปอนเซอร์เข้ามาซื้อเวลาจนเต็มและไม่เพียงพอต่อความต้องการของสปอนเซอร์ ซึ่งทางบริษัทพิจารณาแล้วว่า ช่อง8 สามารถแข่งขันได้ จึงได้มีนโยบายขึ้นมาใหม่ในการปรับราคาโฆษณาเพิ่มเฉลี่ย 50% จากปัจจุบันราคาโฆษณาเฉลี่ยอยู่ที่ 3,000 บาทต่อนาที
ขณะที่ในช่วงซูเปอร์ไพร์มไทม์ จะปรับขึ้นเป็น 2 ราคา คือ 11,000 บาท และ 20,000 บาทต่อนาที เฉลี่ยเพิ่มขึ้นราว 7 เท่าตัว ส่วนช่วงไพร์มไทม์เพิ่มขึ้น 1 เท่าตัว เป็น 6,000 ต่อนาที ส่วนนอนไพร์มไทม์ไม่มีการปรับราคา โดยการปรับราคาครั้งนี้จะการันตรีเรื่องเรตติ้งให้สปอนเซอร์ หากทำไม่ได้จะชดเชยคืนให้ในเดือนถัดไป เริ่มใช้ราคาใหม่นี้ตั้งแต่ส.ค.นี้เป็นต้นไป
“การปรับราคาขึ้นครั้งนี้ เบื้องต้นจะปรับทั้งช่อง 8 และช่องสบายดีก่อน ส่วนอีก2 ช่องนั้น จะอยู่ในเฟสถัดไป ขณะที่ช่องสบายดีเฉลี่ยการปรับราคาจะไม่สูงเท่าช่อง8 ซึ่งนโยบายการปรับราคาครั้งนี้ เนื่องจากต้องการเพิ่มขีดการสร้างรายได้ให้แก่ช่องได้สามารถเดินหน้าต่อไปได้ อีกทั้งเพื่อเปิดโอกาสสำหรับสปอนเซอร์ที่จะเข้ามาเพิ่ม โดยเฉพาะช่อง8 ที่ลงทุนสูงกับการผลิตละครขึ้นมาใหม่”
จากแผนการดำเนินงานในครั้งนี้ เชื่อว่าถึงสิ้นปี2555 จากเดิมกลุ่มเคเบิลทีวีที่วางรายได้ไว้ 550 ล้านบาท น่าจะโตเกินเป้าอีก 20-30 % ซึ่งรายได้ส่วนหนึ่งยังมาจากลาลีกาที่รับรู้รายได้เข้ามา 3 เดือนสุดท้ายของปีด้วย และเมื่อรวมกับรายการทีวีด้วยแล้ว ถึงสิ้นปีนี้รายได้จากกลุ่มทีวีทั้งหมดจะทำได้ไม่ต่ำกว่า 750 ล้านบาท คิดเป็น 23% ของรายได้รวม 3,300 ล้านบาทของอาร์เอสทั้งหมดได้
นางพรพรรณ กล่าวต่อว่า สำหรับฟุตบอลลาลีกานั้น จากกระแสความกังวลของผู้บริโภคที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ขอยืนยันว่าโมเดลทางธุรกิจในการบริหารสิทธิ์ลาลีกาครั้งนี้ของอาร์เอส ในส่วนของการให้รับชมฟรี ผู้บริโภคทั้งประเทศสามารถรับชมฟรีได้ทุกรูปแบบ ซึ่งจะมีให้ชมกว่า 50 แมทช์ จากทั้งหมด 380แมทช์ตลอดทั้งปี ส่วนที่ต้องจ่ายค่าดูก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่จะไปพร้อมกับกล่องซันบ็อกซ์ ที่จะแถลงข่าวในเดือนหน้าให้รับทราบอย่างเป็นทางการ
นางพรพรรณ เตชรุ่งชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจเคเบิลทีวีของอาร์เอส มีแนวโน้มที่ดีมาก จากข้อมูลของทางPSI พบว่า ช่องรายการทางเคเบิลทีวีของอาร์เอสที่มีอยู่ 4 ช่อง มีเรตติ้งติดอันดับต้นๆอย่างต่อเนื่อง กล่าวคือ ช่องสบายดีทีวี ติดอันดับ1, You Channel ติดอันดับ2 และย๊าค ทีวี ติดอันดับ5 ในกลุ่มมิวสิค ส่วนช่อง8 นั้น ขึ้นแท่นเป็นผู้นำอันดับ1 ในกลุ่มเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ วาไรตี้
จากแนวโน้มที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะกับช่อง 8 พบว่า ในช่วงซูเปอร์ไพร์มไทม์ คือ ช่วงละครที่ผลิตขึ้นมาใหม่ ในเวลาช่วง 18.30-21.00น. มีเรตติ้งตีคู่อยู่ในท็อป3ได้ โดยรวมกับช่อง3 และ7 เห็นผลชัดเจน โดยเฉพาะช่วงที่นำละครเรื่อง “ทองประกายแสด” เข้ามาออกอากาศที่ผ่านมา ส่งผลให้ช่วงเวลาดังกล่าวมีสปอนเซอร์เข้ามาซื้อเวลาจนเต็มและไม่เพียงพอต่อความต้องการของสปอนเซอร์ ซึ่งทางบริษัทพิจารณาแล้วว่า ช่อง8 สามารถแข่งขันได้ จึงได้มีนโยบายขึ้นมาใหม่ในการปรับราคาโฆษณาเพิ่มเฉลี่ย 50% จากปัจจุบันราคาโฆษณาเฉลี่ยอยู่ที่ 3,000 บาทต่อนาที
ขณะที่ในช่วงซูเปอร์ไพร์มไทม์ จะปรับขึ้นเป็น 2 ราคา คือ 11,000 บาท และ 20,000 บาทต่อนาที เฉลี่ยเพิ่มขึ้นราว 7 เท่าตัว ส่วนช่วงไพร์มไทม์เพิ่มขึ้น 1 เท่าตัว เป็น 6,000 ต่อนาที ส่วนนอนไพร์มไทม์ไม่มีการปรับราคา โดยการปรับราคาครั้งนี้จะการันตรีเรื่องเรตติ้งให้สปอนเซอร์ หากทำไม่ได้จะชดเชยคืนให้ในเดือนถัดไป เริ่มใช้ราคาใหม่นี้ตั้งแต่ส.ค.นี้เป็นต้นไป
“การปรับราคาขึ้นครั้งนี้ เบื้องต้นจะปรับทั้งช่อง 8 และช่องสบายดีก่อน ส่วนอีก2 ช่องนั้น จะอยู่ในเฟสถัดไป ขณะที่ช่องสบายดีเฉลี่ยการปรับราคาจะไม่สูงเท่าช่อง8 ซึ่งนโยบายการปรับราคาครั้งนี้ เนื่องจากต้องการเพิ่มขีดการสร้างรายได้ให้แก่ช่องได้สามารถเดินหน้าต่อไปได้ อีกทั้งเพื่อเปิดโอกาสสำหรับสปอนเซอร์ที่จะเข้ามาเพิ่ม โดยเฉพาะช่อง8 ที่ลงทุนสูงกับการผลิตละครขึ้นมาใหม่”
จากแผนการดำเนินงานในครั้งนี้ เชื่อว่าถึงสิ้นปี2555 จากเดิมกลุ่มเคเบิลทีวีที่วางรายได้ไว้ 550 ล้านบาท น่าจะโตเกินเป้าอีก 20-30 % ซึ่งรายได้ส่วนหนึ่งยังมาจากลาลีกาที่รับรู้รายได้เข้ามา 3 เดือนสุดท้ายของปีด้วย และเมื่อรวมกับรายการทีวีด้วยแล้ว ถึงสิ้นปีนี้รายได้จากกลุ่มทีวีทั้งหมดจะทำได้ไม่ต่ำกว่า 750 ล้านบาท คิดเป็น 23% ของรายได้รวม 3,300 ล้านบาทของอาร์เอสทั้งหมดได้
นางพรพรรณ กล่าวต่อว่า สำหรับฟุตบอลลาลีกานั้น จากกระแสความกังวลของผู้บริโภคที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ขอยืนยันว่าโมเดลทางธุรกิจในการบริหารสิทธิ์ลาลีกาครั้งนี้ของอาร์เอส ในส่วนของการให้รับชมฟรี ผู้บริโภคทั้งประเทศสามารถรับชมฟรีได้ทุกรูปแบบ ซึ่งจะมีให้ชมกว่า 50 แมทช์ จากทั้งหมด 380แมทช์ตลอดทั้งปี ส่วนที่ต้องจ่ายค่าดูก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่จะไปพร้อมกับกล่องซันบ็อกซ์ ที่จะแถลงข่าวในเดือนหน้าให้รับทราบอย่างเป็นทางการ