นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ออกมาโจมตีเรื่องการใช้รถกันกระสุนประจำตำแหน่ง โดยกล่าวหาว่าตนไม่คืนให้ราชการ หลังพ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ว่า เรื่องนี้ นายแทนคุณ จิตต์อิสระ โฆษกผู้นำฝ่ายค้าน ได้นำเอกสารให้สื่อมวลชนได้ดูแล้วว่า มีการขออนุญาตอย่างไร ก็ควรจะจบได้แล้ว แต่ถ้านายพร้อมพงศ์ ยังไม่จบ และยังกล่าวหาต่อเนื่อง ก็คงต้องไปขึ้นศาล เพราะเมื่อนายพร้อมพงศ์ ทราบข้อเท็จจริงแล้ว แต่ยังพูดเท็จอีก ตนก็จะต้องดำเนินการทางศาลต่อไป
ทั้งนี้ตนไม่แปลกใจกับข้อกล่าวหาของนายพร้อมพงศ์ เนื่องจากพรรคเพื่อไทยพยายามที่จะหาเรื่องให้เป็นประเด็นทางการเมืองขึ้นมา ทั้งที่มีเรื่องใหญ่กว่านี้มากในสังคมที่รอให้รัฐบาลแก้ไข และบ้านเมืองต้องการคำตอบที่ชัดเจนในการคลี่คลายปัญหา ตั้งแต่เรื่องเศรษฐกิจ การเตรียมการเรื่องน้ำท่วม แต่คนในรัฐบาลกลับมาวุ่นวายกับเรื่องการกล่าวหาฝ่ายตรงข้าม จึงเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย เพราะพรรคฝ่ายค้านช่วยรัฐบาลผ่านกฎหมายฟอกเงิน แต่รัฐบาลกลับต้องการเล่นการเมืองประเด็นเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งตนก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
** "เด็จพี่"ท้าให้รีบฟ้อง
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายอภิสิทธิ์ จะทำการฟ้องร้องตนเรื่องรถประจำตำแหน่ง ว่า ขอร้องอย่ามาใช้มุขเก่า ขู่ฟ้องปิดปากตน มันใช้ไม่ได้ในยุคนี้ ตนเป็นส.ส. เคยถูกฟ้องร้องมาเยอะ ถ้ากลัวคงไม่มาเป็นนักการเมือง ขอท้าให้นายอภิสิทธิ์ รีบฟ้อง จะได้นำเอกสารหลักฐานมาสาวไส้กันในศาล นายอภิสิทธิ์ เป็นถึงผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร มีตำแหน่งใหญ่โตทำหน้าที่ตรวจสอบคนอื่นๆ ก็ต้องพร้อมที่จะถูกตรวจสอบเช่นเดียวกัน ถ้าเป็นทองแท้จริงต้องไม่กลัวไฟ อย่ากลัวการตรวจสอบ กรณีที่นายอภิสิทธิ์จะฟ้องตน เปรียบไปก็เหมือนมวยมีอาการ ถ้าแน่จริงก็ฟ้องมาเลย
ด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณ๊นายแทนคุณ นำเอกสารการยืมรถแลนด์โรเวอร์กันกระสุน ที่นายอภิสิทธิ์ ใช้อยู่ มาแถลงต่อสื่อมวลชนว่า พรรคประชาธิปัตย์ กำลังหลงประเด็น เพราะสาระสำคัญของเรื่องนี้ไม่ได้อยู่แค่ว่า ขอรถมาใช้ถูกต้องหรือไม่ ใครทำเรื่องขออนุญาต หรือใครอนุมัติ แต่เป็นเรื่องของความเหมาะสม หรือไม่เหมาะสม จำเป็นหรือไม่จำเป็น นายอภิสิทธิ์ เคยมีกฎเหล็ก 9 ข้อ วันนี้กฎเหล็กขึ้นสนิมหมดแล้วหรือ เคยบอกว่าความรับผิดชอบทางการเมือง สำคัญกว่าความรับผิดชอบทางกฎหมาย ถ้ายางไม่แตก ความลับคงไม่แตก
นายอนุสรณ์ กล่าวต่อว่า การอ้างว่าขณะนี้ความเสี่ยงยังไม่ลด หรือสงบลง จึงยังคงต้องยืมใช้รถกันกระสุนต่อไปนั้น เป็นการประเมินแบบหลอกหลอนตัวเอง เพราะสถานการณ์จริงที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ ก็สามารถเดินทางไปได้ทุกที่ ทั้งเชียงใหม่ ลานคนเมือง วงเวียนใหญ่ ไม่มีใครทำร้ายอะไร แม้นายอภิสิทธิ์ จะหวาดระแวงว่า สังคมบางส่วนอาจจะเข้าใจว่าเกี่ยวข้องกับการปราบปรามประชาชน แต่ฐานะอย่างนายอภิสิทธิ์ ซื้อรถรุ่นนี้มาใช้ได้อย่างสบายๆ ที่สำคัญคือ เมื่อพ้นจากตำแหน่งแล้ว ก็ไม่ควรใช้ต่อ ควรจะคืนหลวง อยากให้ทำใจนิ่งสงบ ใดๆในโลกล้วนเป็นอนิจจัง มีเกิด ตั้งอยู่ และดับไป ไม่มีอะไรอยู่อย่างถาวรตลอดไป
" อย่ายึดมั่นถือมั่น เพราะตำแหน่งถาวรของคุณอภิสิทธิ์ มีอย่างเดียวคือ ผู้นำฝ่ายค้านถาวร วันก่อนเราพบทุจริตสอบคัดเลือกเข้านายสิบตำรวจ แอบซุกอุปกรณ์รับส่งสัญญาณซ่อนไว้ในที่ลับเข้าห้องสอบ แต่วันนี้ขนาด อดีตนายร้อย ยังถูกสงสัยว่าคอรัปชั่น ซ่อนรูปเลย อยากให้นายอภิสิทธิ์ สบายใจได้ระดับหนึ่งว่า ตราบที่เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ท่านจะปลอดภัย เพราะท่านเป็นสินทรัพย์ที่มีค่ายิ่งของพรรคเพื่อไทย ทำให้งานการเมืองของพรรคเพื่อไทยง่ายขึ้น ดังนั้น ทุกคนจะเอาใจช่วยให้ท่านปลอดภัย" นายอนุสรณ์ กล่าว
ทั้งนี้ตนไม่แปลกใจกับข้อกล่าวหาของนายพร้อมพงศ์ เนื่องจากพรรคเพื่อไทยพยายามที่จะหาเรื่องให้เป็นประเด็นทางการเมืองขึ้นมา ทั้งที่มีเรื่องใหญ่กว่านี้มากในสังคมที่รอให้รัฐบาลแก้ไข และบ้านเมืองต้องการคำตอบที่ชัดเจนในการคลี่คลายปัญหา ตั้งแต่เรื่องเศรษฐกิจ การเตรียมการเรื่องน้ำท่วม แต่คนในรัฐบาลกลับมาวุ่นวายกับเรื่องการกล่าวหาฝ่ายตรงข้าม จึงเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย เพราะพรรคฝ่ายค้านช่วยรัฐบาลผ่านกฎหมายฟอกเงิน แต่รัฐบาลกลับต้องการเล่นการเมืองประเด็นเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งตนก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
** "เด็จพี่"ท้าให้รีบฟ้อง
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายอภิสิทธิ์ จะทำการฟ้องร้องตนเรื่องรถประจำตำแหน่ง ว่า ขอร้องอย่ามาใช้มุขเก่า ขู่ฟ้องปิดปากตน มันใช้ไม่ได้ในยุคนี้ ตนเป็นส.ส. เคยถูกฟ้องร้องมาเยอะ ถ้ากลัวคงไม่มาเป็นนักการเมือง ขอท้าให้นายอภิสิทธิ์ รีบฟ้อง จะได้นำเอกสารหลักฐานมาสาวไส้กันในศาล นายอภิสิทธิ์ เป็นถึงผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร มีตำแหน่งใหญ่โตทำหน้าที่ตรวจสอบคนอื่นๆ ก็ต้องพร้อมที่จะถูกตรวจสอบเช่นเดียวกัน ถ้าเป็นทองแท้จริงต้องไม่กลัวไฟ อย่ากลัวการตรวจสอบ กรณีที่นายอภิสิทธิ์จะฟ้องตน เปรียบไปก็เหมือนมวยมีอาการ ถ้าแน่จริงก็ฟ้องมาเลย
ด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณ๊นายแทนคุณ นำเอกสารการยืมรถแลนด์โรเวอร์กันกระสุน ที่นายอภิสิทธิ์ ใช้อยู่ มาแถลงต่อสื่อมวลชนว่า พรรคประชาธิปัตย์ กำลังหลงประเด็น เพราะสาระสำคัญของเรื่องนี้ไม่ได้อยู่แค่ว่า ขอรถมาใช้ถูกต้องหรือไม่ ใครทำเรื่องขออนุญาต หรือใครอนุมัติ แต่เป็นเรื่องของความเหมาะสม หรือไม่เหมาะสม จำเป็นหรือไม่จำเป็น นายอภิสิทธิ์ เคยมีกฎเหล็ก 9 ข้อ วันนี้กฎเหล็กขึ้นสนิมหมดแล้วหรือ เคยบอกว่าความรับผิดชอบทางการเมือง สำคัญกว่าความรับผิดชอบทางกฎหมาย ถ้ายางไม่แตก ความลับคงไม่แตก
นายอนุสรณ์ กล่าวต่อว่า การอ้างว่าขณะนี้ความเสี่ยงยังไม่ลด หรือสงบลง จึงยังคงต้องยืมใช้รถกันกระสุนต่อไปนั้น เป็นการประเมินแบบหลอกหลอนตัวเอง เพราะสถานการณ์จริงที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ ก็สามารถเดินทางไปได้ทุกที่ ทั้งเชียงใหม่ ลานคนเมือง วงเวียนใหญ่ ไม่มีใครทำร้ายอะไร แม้นายอภิสิทธิ์ จะหวาดระแวงว่า สังคมบางส่วนอาจจะเข้าใจว่าเกี่ยวข้องกับการปราบปรามประชาชน แต่ฐานะอย่างนายอภิสิทธิ์ ซื้อรถรุ่นนี้มาใช้ได้อย่างสบายๆ ที่สำคัญคือ เมื่อพ้นจากตำแหน่งแล้ว ก็ไม่ควรใช้ต่อ ควรจะคืนหลวง อยากให้ทำใจนิ่งสงบ ใดๆในโลกล้วนเป็นอนิจจัง มีเกิด ตั้งอยู่ และดับไป ไม่มีอะไรอยู่อย่างถาวรตลอดไป
" อย่ายึดมั่นถือมั่น เพราะตำแหน่งถาวรของคุณอภิสิทธิ์ มีอย่างเดียวคือ ผู้นำฝ่ายค้านถาวร วันก่อนเราพบทุจริตสอบคัดเลือกเข้านายสิบตำรวจ แอบซุกอุปกรณ์รับส่งสัญญาณซ่อนไว้ในที่ลับเข้าห้องสอบ แต่วันนี้ขนาด อดีตนายร้อย ยังถูกสงสัยว่าคอรัปชั่น ซ่อนรูปเลย อยากให้นายอภิสิทธิ์ สบายใจได้ระดับหนึ่งว่า ตราบที่เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ท่านจะปลอดภัย เพราะท่านเป็นสินทรัพย์ที่มีค่ายิ่งของพรรคเพื่อไทย ทำให้งานการเมืองของพรรคเพื่อไทยง่ายขึ้น ดังนั้น ทุกคนจะเอาใจช่วยให้ท่านปลอดภัย" นายอนุสรณ์ กล่าว