เบียร์ช้างคุยโว 5 เดือนแรกมีแชร์ตลาดเบียร์ 32% พร้อมอิมเมจแบรนด์ดีขึ้น คาดช่วงยูโรเติบโต 20% ลั่นสิ้นปีนี้ต้องเป็น 37% ด้านซีพี อิงฟุตบอลยูโรฟีเวอร์ จัดงบพิเศษบูมตลาดสแน็ก-อาหารพร้อมทาน รับคอบอลนอนดึก พร้อมอัดงบรวมตลาดทั้งปี 250 ล้านบาท หวังดันแชร์ตลาดอาหารพร้อมทานสิ้นปีนี้เพิ่มเป็น 30%
นายสรกฤต ลัทธิธรรม ผู้จัดการฝ่ายการตลาด กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มตราช้าง บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด เปิดเผยว่า ยอดขายเบียร์รวมของบริษัทตามข้อมูลของกรมสรรพสามิตช่วง 5 เดือนแรกปีนี้ เบียร์ช้างมีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 32% ในตลาดรวมเบียร์ และมีภาพลักษณ์แบรนด์สินค้าที่สูงขึ้น เพราะการจัดกิจกรรมการตลาดต่อเนื่องและปรับภาพลักษณ์แบรนด์เครื่องดื่มตราช้างใหม่หมด
ทั้งนี้เบียร์ที่สร้างยอดขายได้ดีคือ ช้างคลาสสิค และ ช้างเอ็กซ์ปอร์ต ที่เป็น 2 กลุ่มหลักที่เน้นทำกิจกรรมการตลาด ขณะที่ เน้นทำกิจกรรมผ่านร้านค้าเฉพาะกลุ่มใน กทม.เป็นหลัก นอกจากนี้ การสต็อกสินค้าจะหมุนเร็วมากขึ้น ไม่ถึง 15 วัน จากเดิมสต็อกสินค้ามีมากกว่า 20 วัน เพราะสินค้าที่ขายได้ดีมากขึ้น
สำหรับเป้าหมายส่วนแบ่งการตลาดเบียร์ช้างในสิ้นปีนี้ ตั้งเป้าหมายอยู่ที่ประมาณ 34% หรือมียอดขายรวมประมาณ 612 ล้านลิตร เติบโต 10% จากปีที่แล้วมียอดขายเบียร์ช้างประมาณ 600 ล้านลิตร และมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 31% จากตลาดรวมเบียร์ที่มีปริมาณ 2,000 ล้านลิตร คาดว่าจะเติบโต 3% จากปีก่อน
ล่าสุดจัดกิจกรรมต้อนรับฟุตบอลยูโรด้วยงบ 25 ล้านบาท และเป็นผู้สนับสนุนหลักฟุตบอลยูโร 2012 ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ มีพันธมิตรร้านค้าที่ร่วมทำกิจกรรมการมากกว่า 1,000 ร้านอาหาร คาดว่าช่วงการแข่งขันฟุตบอลยูโรครั้งนี้ จะมียอดขายเติบโต 20%
รวมทั้งจัดกิจกรรม “ช้าง โรดโชว์ ทู เอล กลาซิโก้” การแข่งขันฟุตบอล 4 คน และทีมที่ชนะเลิศจะได้ไปชมการแข่งขันระหว่าง ทีม เรอัล มาดริด และบาร์เซโลนา ที่ประเทศสเปนด้วย และของรางวัลมูลค่ากว่า 3.5 ล้านบาท ซึ่งกิจกรรมนี้อยู่ในแคมเปญ “ช้างแชมป์เหนือแชมป์” ภายใต้งบแคมเปญการตลาดนี้รวมกว่า 100 ล้านบาท
ด้าน นายสุพัฒน์ ศรีธนาธร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหาร บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด ผู้ทำตลาดแปรรูปและอาหารพร้อมทานแบรนด์ซีพี กล่าวว่า ในช่วงการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2012 เดือนมิถุนายน-กรกฎาคมนี้ บริษัทฯจัดแคมเปญ สแน็ค แอนด์ สปอร์ต โรดโชว์ "ซีพี อีซี สแน็ก" รองท้อง อร่อยได้ทุกแมตช์ โดยใช้งบประมาณ 5 ล้านบาท ซึ่งทำเฉพาะด้านบีโลว์เดอะไลน์
โดยบริษัทฯวางแผนการทำตลาดเชิงรุกกับ 2 กลุ่มสินค้าหลักแบรนด์ซีพี คือ 1.กลุ่มแสน็ก ไก่และหมูแปรรูปสำหรับทานเล่น เช่น ไก่เทอริยากิ, ไก่ห่อสาหร่าย, เบอร์เกอร์ เป็นต้น และ 2.กลุ่มอาหารหลักพร้อมทาน เมนูต่างๆอาทิ บะหมี่เกี๊ยวกุ้ง, เกี๋ยวกุ้ง. สปาเก็ตตี้ เป็นต้น ซึ่งคาดว่ายอดขายในช่วงฟุตบอลยูโรกลุ่มนี้ของบริษัทฯจะมีการเติบโต 25%
เนื่องจากช่วงดังกล่าวเป็นช่วงการแข่งขันฟุตบอลยูโร ส่งผลให้พฤติกรรมผู้บริโภคโดยเฉพาะวัยรุ่นและวัยทำงาน เปลี่ยนพฤติกรรมพอสมควร เพราะต้องรับชมการแข่งขันฟุตบอลที่ถ่ายทอดสดช่วงกลางคืน ทำให้มีความต้องการรับประทานของว่างไปพร้อมกันด้วย ซึ่งคาดว่าช่วงดังกล่าวนี้ตลาดรวมอาหารขบเคี้ยวจะเติบโตและผลักดันให้ทั้งปีตลาดรวมสแน็กเติบโต 15%
อย่างไรก็ตามทั้งปีนี้บริษัทฯยังมีแผนเชิงรุกตลอด ด้วยงบการตลาดรวมประมาณ 220 – 250 ล้านบาท แบ่งเป็นงบทำตลาดในช่วงครึ่งปีแรก 40% และช่วงครึ่งปีหลังอีก 60% ซึ่งตั้งแต่ที่ทำตลาดมาพบว่า ยอดขายสินค้าอาหารแปรรูปและพร้อมรับประทานแบรนด์ซีพี เป็นไปตามเป้าหมาย เติบโตเฉลี่ย 20% ต่อเดือน ซึ่งบริษัทฯเตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ไม่ต่ำกว่า 6-10 รายการหลัก
ล่าสุดเปิดตัวสินค้าอาหารว่างไก่เกาหลี ด้วยหนังโฆษณาทางโทรทัศน์วันที่ 8 มิถุนายน เพื่อกระตุ้นตลาดและสร้างการรับรู้ให้ผู้บริโภค และในไตรมาสสี่จะทำตลาด สเต็กหมูดำ รสชาติใหม่ออกมาเพิ่มเติม
นายสุพัฒน์กล่าวต่อว่า บริษัทฯตั้งเป้าหมายสิ้นปีนี้จะมีส่วนแบ่งตลาดรวมกลุ่มอาหารพร้อมรับประทานเพิ่มเป็น 30% จากมูลค่าตลาดรวมประมาณ 7,500-9,000 ล้านบาท เติบโต 15% จากปีที่แล้วที่มีรายได้ประมาณ 6,000-8,000 ล้านบาท โดยในช่องทางห้างค้าปลีกสมัยใหม่ 5 แบรนด์หลัก ซีพีครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 สัดส่วน 25%. อันดับ2 แบรนด์พรานทะเล 14% และอันดับ3 แบรนด์ เอสแอนด์พี 8%
นายสรกฤต ลัทธิธรรม ผู้จัดการฝ่ายการตลาด กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มตราช้าง บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด เปิดเผยว่า ยอดขายเบียร์รวมของบริษัทตามข้อมูลของกรมสรรพสามิตช่วง 5 เดือนแรกปีนี้ เบียร์ช้างมีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 32% ในตลาดรวมเบียร์ และมีภาพลักษณ์แบรนด์สินค้าที่สูงขึ้น เพราะการจัดกิจกรรมการตลาดต่อเนื่องและปรับภาพลักษณ์แบรนด์เครื่องดื่มตราช้างใหม่หมด
ทั้งนี้เบียร์ที่สร้างยอดขายได้ดีคือ ช้างคลาสสิค และ ช้างเอ็กซ์ปอร์ต ที่เป็น 2 กลุ่มหลักที่เน้นทำกิจกรรมการตลาด ขณะที่ เน้นทำกิจกรรมผ่านร้านค้าเฉพาะกลุ่มใน กทม.เป็นหลัก นอกจากนี้ การสต็อกสินค้าจะหมุนเร็วมากขึ้น ไม่ถึง 15 วัน จากเดิมสต็อกสินค้ามีมากกว่า 20 วัน เพราะสินค้าที่ขายได้ดีมากขึ้น
สำหรับเป้าหมายส่วนแบ่งการตลาดเบียร์ช้างในสิ้นปีนี้ ตั้งเป้าหมายอยู่ที่ประมาณ 34% หรือมียอดขายรวมประมาณ 612 ล้านลิตร เติบโต 10% จากปีที่แล้วมียอดขายเบียร์ช้างประมาณ 600 ล้านลิตร และมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 31% จากตลาดรวมเบียร์ที่มีปริมาณ 2,000 ล้านลิตร คาดว่าจะเติบโต 3% จากปีก่อน
ล่าสุดจัดกิจกรรมต้อนรับฟุตบอลยูโรด้วยงบ 25 ล้านบาท และเป็นผู้สนับสนุนหลักฟุตบอลยูโร 2012 ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ มีพันธมิตรร้านค้าที่ร่วมทำกิจกรรมการมากกว่า 1,000 ร้านอาหาร คาดว่าช่วงการแข่งขันฟุตบอลยูโรครั้งนี้ จะมียอดขายเติบโต 20%
รวมทั้งจัดกิจกรรม “ช้าง โรดโชว์ ทู เอล กลาซิโก้” การแข่งขันฟุตบอล 4 คน และทีมที่ชนะเลิศจะได้ไปชมการแข่งขันระหว่าง ทีม เรอัล มาดริด และบาร์เซโลนา ที่ประเทศสเปนด้วย และของรางวัลมูลค่ากว่า 3.5 ล้านบาท ซึ่งกิจกรรมนี้อยู่ในแคมเปญ “ช้างแชมป์เหนือแชมป์” ภายใต้งบแคมเปญการตลาดนี้รวมกว่า 100 ล้านบาท
ด้าน นายสุพัฒน์ ศรีธนาธร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหาร บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด ผู้ทำตลาดแปรรูปและอาหารพร้อมทานแบรนด์ซีพี กล่าวว่า ในช่วงการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2012 เดือนมิถุนายน-กรกฎาคมนี้ บริษัทฯจัดแคมเปญ สแน็ค แอนด์ สปอร์ต โรดโชว์ "ซีพี อีซี สแน็ก" รองท้อง อร่อยได้ทุกแมตช์ โดยใช้งบประมาณ 5 ล้านบาท ซึ่งทำเฉพาะด้านบีโลว์เดอะไลน์
โดยบริษัทฯวางแผนการทำตลาดเชิงรุกกับ 2 กลุ่มสินค้าหลักแบรนด์ซีพี คือ 1.กลุ่มแสน็ก ไก่และหมูแปรรูปสำหรับทานเล่น เช่น ไก่เทอริยากิ, ไก่ห่อสาหร่าย, เบอร์เกอร์ เป็นต้น และ 2.กลุ่มอาหารหลักพร้อมทาน เมนูต่างๆอาทิ บะหมี่เกี๊ยวกุ้ง, เกี๋ยวกุ้ง. สปาเก็ตตี้ เป็นต้น ซึ่งคาดว่ายอดขายในช่วงฟุตบอลยูโรกลุ่มนี้ของบริษัทฯจะมีการเติบโต 25%
เนื่องจากช่วงดังกล่าวเป็นช่วงการแข่งขันฟุตบอลยูโร ส่งผลให้พฤติกรรมผู้บริโภคโดยเฉพาะวัยรุ่นและวัยทำงาน เปลี่ยนพฤติกรรมพอสมควร เพราะต้องรับชมการแข่งขันฟุตบอลที่ถ่ายทอดสดช่วงกลางคืน ทำให้มีความต้องการรับประทานของว่างไปพร้อมกันด้วย ซึ่งคาดว่าช่วงดังกล่าวนี้ตลาดรวมอาหารขบเคี้ยวจะเติบโตและผลักดันให้ทั้งปีตลาดรวมสแน็กเติบโต 15%
อย่างไรก็ตามทั้งปีนี้บริษัทฯยังมีแผนเชิงรุกตลอด ด้วยงบการตลาดรวมประมาณ 220 – 250 ล้านบาท แบ่งเป็นงบทำตลาดในช่วงครึ่งปีแรก 40% และช่วงครึ่งปีหลังอีก 60% ซึ่งตั้งแต่ที่ทำตลาดมาพบว่า ยอดขายสินค้าอาหารแปรรูปและพร้อมรับประทานแบรนด์ซีพี เป็นไปตามเป้าหมาย เติบโตเฉลี่ย 20% ต่อเดือน ซึ่งบริษัทฯเตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ไม่ต่ำกว่า 6-10 รายการหลัก
ล่าสุดเปิดตัวสินค้าอาหารว่างไก่เกาหลี ด้วยหนังโฆษณาทางโทรทัศน์วันที่ 8 มิถุนายน เพื่อกระตุ้นตลาดและสร้างการรับรู้ให้ผู้บริโภค และในไตรมาสสี่จะทำตลาด สเต็กหมูดำ รสชาติใหม่ออกมาเพิ่มเติม
นายสุพัฒน์กล่าวต่อว่า บริษัทฯตั้งเป้าหมายสิ้นปีนี้จะมีส่วนแบ่งตลาดรวมกลุ่มอาหารพร้อมรับประทานเพิ่มเป็น 30% จากมูลค่าตลาดรวมประมาณ 7,500-9,000 ล้านบาท เติบโต 15% จากปีที่แล้วที่มีรายได้ประมาณ 6,000-8,000 ล้านบาท โดยในช่องทางห้างค้าปลีกสมัยใหม่ 5 แบรนด์หลัก ซีพีครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 สัดส่วน 25%. อันดับ2 แบรนด์พรานทะเล 14% และอันดับ3 แบรนด์ เอสแอนด์พี 8%
