พรีบิลท์ฯฟุ้งเอกชนรุมจีบสร้างคอนโดฯเพียบ หลังรับเหมารายใหญ่งานล้นมือ เผยอยู่ระหว่างเจรจา 4-5 โครงการ แจงต้นทุนค่าแรง วัสดุทำค่าก่อสร้างขึ้น 10% มั่นใจสิ้นปีรายได้แตะ 4,000 ล้านบาท
นายชัยรัตน์ ธรรมพีร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีบิลท์ จำกัด (มหาชน) (PREB)เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือแล้ว 5,100 ล้านบาท และเตรียมประมูลงานใหม่มูลค่ารวมเกือบ 4,000 ล้านบาท ในจำนวนดังกล่าวเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 4-5 โครงการ คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆนี้ และคาดว่าจะเริ่มลงมือก่อสร้างได้ในปีหน้า จากจำนวนงานที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว ทำให้บริษัทปรับเพิ่มเป้ารายได้ปี 2555 เป็น 4,000 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งไว้ 3,700 ล้านบาท พร้อมกันนี้ยังได้เพิ่มเป้าหมายรับงานใหม่ไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งไว้เพียง 4,000 ล้านบาท
สำหรับการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ทำให้ต้นทุนค่าก่อสร้างของบริษัทปรับขึ้นประมาณ 7% ในขณะที่ค่าวัสดุก่อสร้างได้ปรับขึ้นประมาณ 3% รวมแล้วต้นทุนค่าก่อสร้างในปัจจุบันปรับขึ้นประมาณ 10% ซึ่งบริษัทก็ได้ปรับค่าก่อสร้างขึ้นตาม 10% เช่นกัน โดยเริ่มจากงานที่ปรับมูลเข้ามาใหม่ ส่วนงานเก่าที่ประมูลตามต้นทุนเดิมขณะนี้มีเพียงไม่กี่โครงการ
นอกจากการปรับขึ้นค่าก่อสร้างแล้ว บริษัทยังได้บริหารค่าก่อสร้าง ด้วยการสั่งซื้อวัสดุล่วงหน้าเพื่อควบคุมต้นทุน อาทิ เหล็กได้สั่งซื้อไว้ในสะต๊อกประมาณ 20,000 ตัน ซึ่งจะสามารถรองรับการก่อสร้างไปได้อีกถึง 2 ปี โดยคำนวณจากงานที่มีอยู่ในมือ ส่งปัญหาแรงงานขาดแคลนบริษัทเชื่อว่าไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากยังสามารถหาแรงงานในตลาดได้ โดยตั้งเป้าเพิ่มแรงงานเป็น 4,000 คน จากปัจจุบันที่มีอยู่ 3,200 คน เพื่อให้เพียงพอต่องานที่มีอยู่ในมือและงานใหม่ที่จะประมูลเข้ามาใหม่ นอกจากนี้ยังเพิ่มการใช้เทคโนโลยีในการก่อสร้างให้มากขึ้นเพื่อลดการใช้แรงงานลง
นายชัยรัตน์ กล่าวอีกว่า ในปี 56 บริษัทมีแผนการกระจายการรับงานรับเหมาก่อสร้างไปยังหัวเมืองใหญ่ เช่น พัทยา หัวหิน ระยอง จากปัจจุบันที่เน้นการรับงานในกรุงเทพฯ เป็นหลัก โดยบริษัทตั้งเป้าที่จะมีรายได้เติบโตปีละ 18% ในปี 56-58 จากงานรับเหมาก่อสร้างที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากลูกค้ารายใหม่ เช่น สยาม@สยามของกลุ่มตระกูลพรประภา โครงการไอดีโอ ของกลุ่มอนันดาฯ โครงการเดอะ ไชน์ ของไรมอนแลนด์ และรายอื่นๆ
นายชัยรัตน์ ธรรมพีร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีบิลท์ จำกัด (มหาชน) (PREB)เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือแล้ว 5,100 ล้านบาท และเตรียมประมูลงานใหม่มูลค่ารวมเกือบ 4,000 ล้านบาท ในจำนวนดังกล่าวเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 4-5 โครงการ คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆนี้ และคาดว่าจะเริ่มลงมือก่อสร้างได้ในปีหน้า จากจำนวนงานที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว ทำให้บริษัทปรับเพิ่มเป้ารายได้ปี 2555 เป็น 4,000 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งไว้ 3,700 ล้านบาท พร้อมกันนี้ยังได้เพิ่มเป้าหมายรับงานใหม่ไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งไว้เพียง 4,000 ล้านบาท
สำหรับการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ทำให้ต้นทุนค่าก่อสร้างของบริษัทปรับขึ้นประมาณ 7% ในขณะที่ค่าวัสดุก่อสร้างได้ปรับขึ้นประมาณ 3% รวมแล้วต้นทุนค่าก่อสร้างในปัจจุบันปรับขึ้นประมาณ 10% ซึ่งบริษัทก็ได้ปรับค่าก่อสร้างขึ้นตาม 10% เช่นกัน โดยเริ่มจากงานที่ปรับมูลเข้ามาใหม่ ส่วนงานเก่าที่ประมูลตามต้นทุนเดิมขณะนี้มีเพียงไม่กี่โครงการ
นอกจากการปรับขึ้นค่าก่อสร้างแล้ว บริษัทยังได้บริหารค่าก่อสร้าง ด้วยการสั่งซื้อวัสดุล่วงหน้าเพื่อควบคุมต้นทุน อาทิ เหล็กได้สั่งซื้อไว้ในสะต๊อกประมาณ 20,000 ตัน ซึ่งจะสามารถรองรับการก่อสร้างไปได้อีกถึง 2 ปี โดยคำนวณจากงานที่มีอยู่ในมือ ส่งปัญหาแรงงานขาดแคลนบริษัทเชื่อว่าไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากยังสามารถหาแรงงานในตลาดได้ โดยตั้งเป้าเพิ่มแรงงานเป็น 4,000 คน จากปัจจุบันที่มีอยู่ 3,200 คน เพื่อให้เพียงพอต่องานที่มีอยู่ในมือและงานใหม่ที่จะประมูลเข้ามาใหม่ นอกจากนี้ยังเพิ่มการใช้เทคโนโลยีในการก่อสร้างให้มากขึ้นเพื่อลดการใช้แรงงานลง
นายชัยรัตน์ กล่าวอีกว่า ในปี 56 บริษัทมีแผนการกระจายการรับงานรับเหมาก่อสร้างไปยังหัวเมืองใหญ่ เช่น พัทยา หัวหิน ระยอง จากปัจจุบันที่เน้นการรับงานในกรุงเทพฯ เป็นหลัก โดยบริษัทตั้งเป้าที่จะมีรายได้เติบโตปีละ 18% ในปี 56-58 จากงานรับเหมาก่อสร้างที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากลูกค้ารายใหม่ เช่น สยาม@สยามของกลุ่มตระกูลพรประภา โครงการไอดีโอ ของกลุ่มอนันดาฯ โครงการเดอะ ไชน์ ของไรมอนแลนด์ และรายอื่นๆ