ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-คดีปล้นรถขนเงินของธนาคารกสิกรไทย ที่บริเวณหน้าธนาคารสาขาอินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น.ของวันที่ 26 มี.ค. 2555 ที่ผ่านมา โดยคนร้ายได้เงินไปประมาณ 2 ล้านบาทเศษ ถือเป็นคดีปล้นรถขนเงินธรรมดาที่หลายคนเชื่อว่าอีกไม่นานตำรวจคงจับคนร้ายได้แน่ เพราะคดีนี้คนร้ายไม่ได้มีคนเดียว ลงมือกันหลายคน แถมมีการยิงปืนในที่เกิดเหตุอีก พยานหลักฐานไม่ว่าจะเป็นพยานวัตถุ หรือพยานจากเทคโนโลยี อย่างกล้องวงจรปิด จึงเข้ามามีส่วนสำคัญในการชี้ “เบาะแส” ของคนร้ายแก๊งนี้ได้เป็นอย่างดี
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 มี.ค. 2555 เวลาประมาณ 10.30 น. โดย พ.ต.ท.นิสิต วรณุสิต พนักงานสอบสวน (สบ 2) สภ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี รับแจ้งมีคนร้ายใช้ปืนสงครามยิงถล่มรถขนเงินธนาคารกสิกรไทย บริเวณหน้าธนาคารกสิกรไทย สาขาอินทร์บุรี เลขที่ 193/2 หมู่ที่ 6 ต.อินทร์บุรี อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ขณะพนักงานขนถุงเงินลงมาจากธนาคารเพื่อจะนำมาเก็บไว้ในรถ จึงนำกำลังไปตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุพบนายธเนศ วรยาโณ อายุ 35 ปี พนักงานขนเงินธนาคารกสิกรไทย ถูกยิงเข้าที่ขาขวา 1 นัด อาการสาหัส ถูกช่วยเหลือนำส่ง รพ.อินทร์บุรี ส่วนที่พื้นพบปลอกกระสุนปืนอาก้าตกอยู่กลางถนน 5 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ มีคนร้าย 4 คน ใช้อาวุธปืนสงครามบุกจู่โจมเข้ายิงใส่พนักงานขนเงินจนได้รับบาดเจ็บ จากนั้นได้หยิบถุงใส่เงิน ภายในมีเงินสด 2 ล้าน 1 แสนบาท หลบหนีตามถนนสายเอเชียมุ่งหน้าไป จ.นครสวรรค์ และเจ้าหน้าที่พยายามขับรถไล่ติดตามแต่ไร้วี่แวว
คดีเงียบหายไปเกือบ 2 เดือน แต่ทว่า ทีมสืบสวนสอบสวนของ บช.ภ.1 ภายใต้การควบคุมสั่งการของอดีตมือปราบชั้นเซียนอย่าง"บิ๊กอ๊อด" พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รอง ผบ.ตร. และ “บิ๊กแจ๊ส” พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รรท.ผบช.ภ.1 ที่ลงไปควบคุมสั่งการและกำกับด้วยตนเองไม่ได้เงียบไปด้วย แม้จะต้องใช้เวลาไปเกือบ 2 เดือน มาประสบความสำเร็จในวันที่ 14 พ.ค. โดยชุดสืบสวนสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่ร่วมขบวนการปล้นแก๊งนี้ได้รวม 3 คน เบื้องต้นพบว่า เป็นลูกน้องเจ้าพ่อใหญ่ใน จ.อุทัยธานี ซึ่งตำรวจแกะรอยจากกล้องวงจรปิด ที่จับรถรถกระบะคนร้าย ที่ขับตามรถขนเงินมาตั้งแต่ จ.นครสวรรค์ จนมาถึงหน้าธนาคาร!
เมืองปากน้ำโพ หรือ จ.นครสวรรค์ จึงเป็นเป้าที่ชุดสืบสวนลงพื้นที่หาข้อมูล! เบื้องต้นพบว่า หัวกระสุนที่เจาะเข้าขาของนายธเนศ วรยาโณ พนักงานขนเงินธนาคารกสิกรไทย ที่ถูกยิงในวันเกิดเหตุ ไปตรงกับคดีสามีจ้างวานฆ่าภรรยาตนเอง ซึ่งเป็นหัวกระสุน 9 มม. จึงนำมาเปรียบเทียบกัน ปรากฏว่า หัวกระสุนออกมาจากปากกระบอกปืนเดียวกัน โดยคดีสามีจ้างวานฆ่าภรรยาเกิดขึ้นที่ สภ.พยุหะคีรี ซึ่งโรงพักพยุหะคีรี มีผู้ต้องสงสัยชื่อ “รุธ” หรือนายนิรุธ เพชรรัตน์ อายุ 37 ปี เป็นมือปืนซุ้มอุทัยธานี ชุดจับกุมจึงไปลากคอนายรุธมาเค้นเอาความจริง จนยอมรับว่าเป็นผู้ลงมือในคดีสามีจ้างวานฆ่าภรรยา และร่วมในขบวนการปล้นรถขนเงินของแบงก์กสิกรไทยในครั้งนี้ด้วย!
เมื่อง้างปากนายรุธได้ จึงทราบว่า ผู้ร่วมขบวนการปล้นครั้งนี้ยังมีนายพรชัย พูลเกษม (ถูกจับกุม)อายุ 27 ปี ชาว จ.กำแพงเพชร นายศิวัช วารี (ยังหลบหนี) อายุ 32 ปี ชาวจ.อุทัยธานี นายมนธร ถาวัน (ยังหลบหนี) อายุ 18 ปี ชาว จ.นครสวรรค์ และนายคมกฤช กล้าณรงค์ (ถูกจับกุม) อายุ 36 ปี
ที่สำคัญกลุ่มผู้ต้องหาซัดทอดว่า ผู้สั่งการเป็นนายตำรวจระดับ ผกก.ในพื้นที่ จ.กำแพงเพชร ร่วมกับ ส.ต.อ.ลูกน้องอีกคน!
คดีนี้...ไม่ใช่คดีปล้นรถขนเงินธรรมดาเสียแล้ว?
วันรุ่งขึ้น (15 พ.ค.) “บิ๊กปาน” พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร. ออกให้สัมภาษณ์ยอมรับว่า ศาลจังหวัดสิงห์บุรี ได้อนุมัติออกหมายจับ พ.ต.อ.พิจิตร กรมประสิทธิ์ ผกก.สภ.ไทรงาม จ.กำแพงเพชร และ ส.ต.อ.นารายณ์ ทิพย์ปรีชาธร ผบ.หมู่กก.สส.ภจว.นครสวรรค์ หลายข้อหาหนัก ทั้งร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธปืน ใช้อาวุธปืนยิงเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตราย โดยใช้ยานพาหนะในการกระทำความผิด ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครอง และพกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตโดยไม่มีเหตุอันสมควร
พล.ต.อ.ปานศิริให้เหตุผลถึงการขออนุมัติศาลออกหมายจับว่า สืบเนื่องจากการสืบสวนพบว่า พ.ต.อ.พิจิตร เป็นผู้บงการก่อเหตุปล้นรถขนเงินของธนาคารกสิกรไทย สาขาอินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยมี ส.ต.อ.นารายณ์ทำหน้าที่จัดหาปืนอาก้าให้กับคนร้าย โดยได้เงินไปประมาณ 2 ล้านบาท และจากการตรวจสอบการใช้โทรศัพท์ของ พ.ต.อ.พิจิตร พบว่ามีการติดต่อกับกลุ่มคนร้ายในวันเกิดเหตุ และนำรถยนต์ของตนเองมาจอดบริเวณธนาคาร ที่กล้องวงจรปิดจับภาพไว้ได้ ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญในการออกหมายจับนายตำรวจระดับผกก.รายนี้
พ.ต.อ.พิจิตร กรมประสิทธิ์ เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 40 ถือเป็นนายตำรวจที่ยังมีอนาคตไกล เพราะเหตุผลใด ทำให้พ.ต.อ.พิจิตร คิดสั้น ทำการเยี่ยงโจรในครั้งนี้ ซึ่งเรื่องนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่อาจปล่อยไว้ได้ แม้จะสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาในคดีนี้ได้หมด หรือปิดคดีนี้ลงได้อย่างสะสวยก็ตาม ขณะนี้ พ.ต.อ.พิจิต และส.ต.อ.นารายณ์ยังไม่เข้ามอบตัว แต่ปริศนาดังกล่าวจะต้องถูกไขให้กระจ่าง
เบื้องต้น แกะเหตุผลการบงการปล้นของพ.ต.อ.พิจิตรจากปากของ พล.ต.อ.ปานศิริได้ดังนี้ “พ.ต.อ.พิจิตรอยู่ในตำแหน่งนี้นานปีกว่าแล้ว จึงย้ำสั่งการให้สืบสวนสอบสวนว่าเหตุใดจึงมาก่อเหตุเช่นนี้ ...เหตุจูงใจนั้นจากการสอบสวนผู้ต้องหาที่จับได้ประกอบกับการสืบสวน และหากมีการมอบตัวเพิ่มเติม สอบสวนผู้ต้องหาแล้ว จึงจะบอกได้ แต่ขณะนี้ทราบประเด็นกว้างๆ แล้ว เป็นเรื่องของตัว ผกก.เอง และเกี่ยวกับผู้มีอิทธิพลอีกส่วนหนึ่ง ตอนนี้ขอพูดแค่นี้เพราะกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการ...”
ผู้สื่อข่าวถาม พล.ต.อ.ปานศิริในวันนั้นว่า การสืบสวนพบหรือไม่ว่า ผกก.สภ.ไทรงามก่อเหตุเพื่อทดแทนบุญคุณผู้มีอิทธิพล ซึ่ง พล.ต.อ.ปานศิริตอบว่า รอให้สอบสวนก่อนดีกว่า แต่ไม่ทิ้งประเด็นเหล่านี้อยู่แล้ว จะขยายผลให้ถึงที่สุด
ในขณะเดียวกัน มีรายงานว่า พ.ต.อ.พิจิตรได้พูดกับคนใกล้ชิดว่าจะนำเงินที่ได้ไปใช้จ่าย เพราะหมดเงินไปกับการวิ่งเต้นซื้อตำแหน่งจำนวนมาก!
พล.ต.ต.ประเสริฐ กาฬรัตน์ ผบก.กำแพงเพชร บอกว่า เท่าที่ทราบ พ.ต.อ.พิจิตร เป็นคนทำงานดี เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ การพนันไม่เล่น ไม่ทราบเช่นกันว่า จะปล้นเอาเงินไปทำอะไร?
พ.ต.ท.เดช เขาทอง สว.สส.สภ.อินทร์บุรี ที่เคยเป็นลูกน้อง พ.ต.อ.พิจิตรมาก่อน และต้องเข้ามาทำคดีนี้ในฐานะเจ้าของพื้นที่เล่าให้ฟังว่า ในอดีตเคยร่วมงานกับ พ.ต.อ.พิจิตร ที่สภ.เมืองนครสวรรค์ เมื่อปี 2547 ขณะนั้น พ.ต.อ.พิจิตร ยังครองยศ ร.ต.อ. ตำแหน่งรอง สวส. ถือเป็นนายตำรวจที่ขยันทำงานมาก สามารถปิดคดีฆาตกรรม 5 ศพที่เขาเขียว ซึ่งเป็นข่าวโด่งดังในเวลานั้นได้ในเวลาไม่นาน แต่ไม่ทราบว่ามีปัญหาอะไร หรือคิดอย่างไร จึงลงมือก่อเหตุร้ายแรงในครั้งนี้?
ต่อมาเมื่อวันที่ 23 พ.ค.นายศิวัช หรือใหม่ วารี อายุ 32 ปี ชาว จ.อุทัยธานี หนึ่งในทีมปล้น เดินทางเข้ามอบตัวกับพล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รรท.ผบช.ภ.1 โดยนายศิวัชยอมรับว่า ร่วมวางแผนปล้นด้วยกันจริง แต่ทว่า ได้ถอนตัวออกมาก่อน เนื่องจาก รถที่ได้ติดต่อมาใช้งานนี้ ถูกนำไปก่อคดียิงกันตายในอ.พยุหะคีรีก่อน จึงได้ถอนตัวออกมา และไม่เคยได้ส่วนแบ่ง ทั้งยังไม่รู้จัก พ.ต.อ.พิจิตรด้วย แต่รู้จักกับส.ต.อ.นารายณ์จริง
ขณะที่พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. เพิ่งออกมาพูดถึงคดีนี้ว่า ตำรวจไม่ได้ช่วยเหลือพ.ต.อ.พิจิตร ในคดีนี้แน่นอน และอยากให้ พ.ต.อ.พิจิตรเข้ามามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ดีกว่า เพื่อสู้คดีตามกฎหมายบ้านเมือง หากยังไม่เข้ามอบตัว ทางเจ้าหน้าที่จะติดตามตัวอย่างถึงที่สุด รวมทั้งประสานกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นส่วนที่ต้องดำเนินการต่อไป
นอกจากนี้ พล.ต.อ.เพรียวพนธ์ ยังปฏิเสธถึงสาเหตุของการปล้นครั้งนี้ที่ระบุว่า พ.ต.อ.พิจิตร จะนำเงินไปซื้อตำแหน่ง โดยบอกว่า เรื่องดังกล่าว เป็นเรื่องที่คนพูดกันไปเอง และยังไม่มีหลักฐานยืนยัน ซึ่งอย่าไปกล่าวหาผู้บังคับบัญชา แต่ถ้าตรวจสอบแล้วมีส่วนเกี่ยวข้องจริงก็ต้องมีการดำเนินคดีต่อไป
แม้ขณะนี้ ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่า พ.ต.อ.พิจิตร บงการปล้นรถขนเงินในครั้งนี้ไปเพื่อวิ่งเต้นโยกย้ายหรือไม่ก็ตาม แต่ตำรวจในพื้นที่ต่างรู้กันดีว่า มาจากสาเหตุอะไร โดยเฉพาะสภ.แม่สอด จ.ตากนั้น ผลประโยชน์มันช่างหอมหวนเสียเหลือเกิน ?
แต่อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่มีหลักฐานบ่งชี้ถึงสาเหตุดังกล่าว พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ก็น่าที่จะสั่งการสะสางเรื่องนี้ ให้กระจ่าง ในขณะที่ปมสาเหตุเรื่องการวิ่งเต้นโยกย้าย ยังคงโสมมและถูกหมักหมมให้ทวีคูณเหม็นเน่าขึ้นทุกวัน !...