จับตาอุตฯก่อสร้างชะลอรับงาน แม้งานใหม่ไหลเข้าระบบ หลังต้นทุนก่อสร้างแรงงาน วัสดุก่อสร้างวิ่งไม่หยุด ด้านบริษัทรับสร้างบ้าน "พีดีเฮ้าส์”แจงไตรมาส 2 ไม่โหมรับงานเพิ่ม หวั่นต้นทุนใหม่บีบรายได้หด
นายสิทธิพร สุวรรณสุต ประธานกรรมการ บริษัท ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป จำกัด ผู้ให้บริการแฟรนไชส์ พีดี เฮ้าส์ รายใหญ่ของประเทศไทย กล่าวถึงสถานการณ์ตลาดรับสร้างบ้าน หลังได้ผ่านพ้นเหตุการณ์อุทกภัยน้ำท่วมใหญ่ในช่วงปลายปีที่ผ่านมาว่า ตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 55 ความต้องการของลูกค้าที่ต้องการสร้างบ้านกลับเข้าสู่ภาวะปกติ และมีทิศทางที่ดีขึ้น แต่ในไตรมาส 2 นี้ ทางบริษัทฯยังไม่มีนโยบายเร่งรับงานใหม่จำนวนมาก แม้โดยศักยภาพแล้ว สามารถรับงานสร้างบ้านได้ปริมาณที่มากก็ตาม เนื่องจากต้นทุนก่อสร้าง ค่าแรงงาน และราคาวัสดุก่อสร้างมีแนวโน้มปรับขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ต้นทุนก่อสร้างบ้านค่อนข้างผันผวน หากรับงานมากจนเกินไป บริษัทจะมีภาระต้นทุนใหม่ในอนาคต ขณะเดียวกันบริษัทยังไม่สามารถปรับขึ้นราคาก่อสร้างได้ เพราะจะทำให้ลูกค้าในตลาดชะงักลง
“วัสดุก่อสร้างที่ปรับขึ้นสูงที่สุดในช่วงที่ผ่านมา คือ อิฐมวลเบาปรับไปแล้วกว่า 30% ขณะที่วัสดุสำคัญๆ ที่กำลังจะปรับขึ้นคือ กลุ่มผนังและโครงสร้างสำเร็จรูป เพราะได้รับผลกระทบจากการปรับค่าแรง 300 บาท ต้นทุนส่วนนี้เพิ่มขึ้น 8% นอกจานี้ยังมีวัสดุก่อสร้างกลุ่มเสาเข็ม และวัสดุตัวอื่นๆ ที่จ่อปรับขึ้นอีกหลายรายการ ”
ดังนั้น เพื่อเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ทางพีดีเฮ้าส์ใช้วิธีการเจรจาและขอความร่วมมือกับพันธมิตรวัสดุก่อสร้างและผู้ผลิต(ซับพลายเออร์)ให้ขายสินค้าในราคาเดิม บางส่วนใช้วิธีต่อรองด้วยการสั่งสินค้าจำนวนมาก เพื่อให้ได้ราคาเดิม
สำหรับยอดขายของ พีดี เฮ้าส์ ในไตรมาสแรกที่ผ่าน มียอดขายรวม 267 ล้านบาทจากเป้า 300 ล้านบาท ส่วนในไตรมาส 2 มั่นใจจะเป็นไปตามเป้า เฉพาะแค่เดือนเม.ย.มียอดขายเข้ามาแล้ว 140 ล้านบาท คาดว่าจนถึงสิ้นปีจะมียอดขายตามเป้า 1,400 ล้านบาท
นายสิทธิพร สุวรรณสุต ประธานกรรมการ บริษัท ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป จำกัด ผู้ให้บริการแฟรนไชส์ พีดี เฮ้าส์ รายใหญ่ของประเทศไทย กล่าวถึงสถานการณ์ตลาดรับสร้างบ้าน หลังได้ผ่านพ้นเหตุการณ์อุทกภัยน้ำท่วมใหญ่ในช่วงปลายปีที่ผ่านมาว่า ตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 55 ความต้องการของลูกค้าที่ต้องการสร้างบ้านกลับเข้าสู่ภาวะปกติ และมีทิศทางที่ดีขึ้น แต่ในไตรมาส 2 นี้ ทางบริษัทฯยังไม่มีนโยบายเร่งรับงานใหม่จำนวนมาก แม้โดยศักยภาพแล้ว สามารถรับงานสร้างบ้านได้ปริมาณที่มากก็ตาม เนื่องจากต้นทุนก่อสร้าง ค่าแรงงาน และราคาวัสดุก่อสร้างมีแนวโน้มปรับขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ต้นทุนก่อสร้างบ้านค่อนข้างผันผวน หากรับงานมากจนเกินไป บริษัทจะมีภาระต้นทุนใหม่ในอนาคต ขณะเดียวกันบริษัทยังไม่สามารถปรับขึ้นราคาก่อสร้างได้ เพราะจะทำให้ลูกค้าในตลาดชะงักลง
“วัสดุก่อสร้างที่ปรับขึ้นสูงที่สุดในช่วงที่ผ่านมา คือ อิฐมวลเบาปรับไปแล้วกว่า 30% ขณะที่วัสดุสำคัญๆ ที่กำลังจะปรับขึ้นคือ กลุ่มผนังและโครงสร้างสำเร็จรูป เพราะได้รับผลกระทบจากการปรับค่าแรง 300 บาท ต้นทุนส่วนนี้เพิ่มขึ้น 8% นอกจานี้ยังมีวัสดุก่อสร้างกลุ่มเสาเข็ม และวัสดุตัวอื่นๆ ที่จ่อปรับขึ้นอีกหลายรายการ ”
ดังนั้น เพื่อเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ทางพีดีเฮ้าส์ใช้วิธีการเจรจาและขอความร่วมมือกับพันธมิตรวัสดุก่อสร้างและผู้ผลิต(ซับพลายเออร์)ให้ขายสินค้าในราคาเดิม บางส่วนใช้วิธีต่อรองด้วยการสั่งสินค้าจำนวนมาก เพื่อให้ได้ราคาเดิม
สำหรับยอดขายของ พีดี เฮ้าส์ ในไตรมาสแรกที่ผ่าน มียอดขายรวม 267 ล้านบาทจากเป้า 300 ล้านบาท ส่วนในไตรมาส 2 มั่นใจจะเป็นไปตามเป้า เฉพาะแค่เดือนเม.ย.มียอดขายเข้ามาแล้ว 140 ล้านบาท คาดว่าจนถึงสิ้นปีจะมียอดขายตามเป้า 1,400 ล้านบาท