ธ.ก.ส.จับมือโตโยต้าส่งสินเชื่อปิคอัพขับสบาย 1,000 ล้านบาท แบบลดต้นลดดอก เอาใจลูกค้าเกษตรกร เดินหน้าระดมเงินฝากมาปล่อยสินเชื่อแบงก์
นายอรุณ เลิศวิไลย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรกรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ในงานมหกรรมการเงิน (มันนี่เอ็กซ์โป) ครั้งที่ 12 วันที่ 17-20 พ.ค.นี้ ธ.ก.ส.ได้เตรียมแคมเปญพิเศษ โดยร่วมกับบริษัท โตโยต้ามอเตอร์(ประเทศไทย) จำกัด ปล่อยสินเชื่อปิคอัพขับสบาย วงเงิน 1,000 ล้านบาท โดยเปิดโอกาสให้ลูกค้าธ.ก.ส.ที่ต้องการซื้อรถกระบะโตโยต้า มาซื้อกับธ.ก.ส. ซึ่งจะได้รับดอกเบี้ยพิเศษ 0% นาน 6 เดือน จากปกติดอกเบี้ย 7% และผ่อนค่างวดแบบลดดอกลดต้น ไม่ตายตัวเหมือนบริษัทเช่าซื้อ(ลิสซิ่ง) ทั่วไป เพราะถือว่ารถปิคอัพเป็นเครื่องมือหนึ่งในการทำการเกษตรเช่นกัน
นอกจากนี้จะเปิดตัวสลากออมทรัพย์เงินฝากทวีสินวงเงิน 35,000 บาท ในราคาหน่วยละ 500 บาท อายุ 3 ปี ดอกเบี้ย 1.5% ซึ่งสามารถไถ่ถอนได้ แม้ว่าจะไม่ครบอายุและได้ดอกเบี้ยด้วย จากเดิมที่จะไม่ได้ดอกเบี้ยหากไถ่ถอนก่อนครบอายุด้วย โดยปีนี้ธ.ก.ส.มีแผนที่จะระดมเงินฝากทั้งสิ้น 80,000 ล้านบาท โดยออกสลากฯ ล็อตแรกในงานดังกล่าวนี้ 35,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันจะเปิดตัวเงินฝากพิเศษ 4 เดือน หรือเงินฝากอุ่นใจ วงเงิน 50,000 ล้านบาท จ่ายดอกเบี้ย 3% ต่อปี โดยไม่เสียภาษีแต่อย่างใดด้วย
ขณะเดียวกัน ธ.ก.ส.จะขยายโครงการเงินฝากทวีโชค จากเดิมที่เน้นการออมเงินจากกลุ่มลูกค้าต่างจังหวัด แล้วแลกคูปองเพื่อลุ้นรับรางวัลทุก 6 เดือน เข้ามาในกลุ่มลูกค้าในเมืองด้วย คาดว่าจะได้รับความสนใจเป็นอย่างดี เพราะลักษณะคล้ายกับการเสี่ยงโชค โดยฝากเงินทุก 50 บาท หรือ 100 บาทจะได้รับคูปอง และนำมาลุ้นรับโชคทุก 6 เดือน ซึ่งส่งผลให้มีเงินฝากเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากช่วงแรกที่เริ่มต้นในปี 38 มีเงินฝาก 14 ล้านบาทขณะนี้เพิ่มเป็นกว่าแสนล้านบาทแล้ว
“ปีนี้ธ.ก.ส.มีแผนงานที่จะปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ให้ 75,000 ล้านบาท จากปีก่อนหน้าที่ปล่อยสินเชื่อไปกว่า 775,915 ล้านบาท โดยจ่ายระหว่างปี 450,000 ล้านบาท ทั้งนี้ยังเน้นจ่ายให้เกษตรกรเพื่อใช้หมุนเวียนในภาคการเกษตร 80% ส่วนสินเชื่อนอกภาคเกษตรมีเพียง 20% เท่านั้น ซึ่งในปีที่ผ่านมา ธ.ก.ส.จ่ายสินเชื่อนอกภาคเกษตรไปเพียง 17% เท่านั้น อาทิ ปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคลให้เจ้าหน้าที่ขององค์กรที่มาฝากเงินไว้กับธนาคาร และหักชำระค่างวดจากรายเดือนประมาณ 20,000 ล้านบาท และปล่อยกู้ให้สหกรณ์ออมทรัพย์ สหกรณ์ร้านค้า สหกรณ์บริการต่าง ๆ อีก 50,000 ล้านบาท”.
นายอรุณ เลิศวิไลย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรกรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ในงานมหกรรมการเงิน (มันนี่เอ็กซ์โป) ครั้งที่ 12 วันที่ 17-20 พ.ค.นี้ ธ.ก.ส.ได้เตรียมแคมเปญพิเศษ โดยร่วมกับบริษัท โตโยต้ามอเตอร์(ประเทศไทย) จำกัด ปล่อยสินเชื่อปิคอัพขับสบาย วงเงิน 1,000 ล้านบาท โดยเปิดโอกาสให้ลูกค้าธ.ก.ส.ที่ต้องการซื้อรถกระบะโตโยต้า มาซื้อกับธ.ก.ส. ซึ่งจะได้รับดอกเบี้ยพิเศษ 0% นาน 6 เดือน จากปกติดอกเบี้ย 7% และผ่อนค่างวดแบบลดดอกลดต้น ไม่ตายตัวเหมือนบริษัทเช่าซื้อ(ลิสซิ่ง) ทั่วไป เพราะถือว่ารถปิคอัพเป็นเครื่องมือหนึ่งในการทำการเกษตรเช่นกัน
นอกจากนี้จะเปิดตัวสลากออมทรัพย์เงินฝากทวีสินวงเงิน 35,000 บาท ในราคาหน่วยละ 500 บาท อายุ 3 ปี ดอกเบี้ย 1.5% ซึ่งสามารถไถ่ถอนได้ แม้ว่าจะไม่ครบอายุและได้ดอกเบี้ยด้วย จากเดิมที่จะไม่ได้ดอกเบี้ยหากไถ่ถอนก่อนครบอายุด้วย โดยปีนี้ธ.ก.ส.มีแผนที่จะระดมเงินฝากทั้งสิ้น 80,000 ล้านบาท โดยออกสลากฯ ล็อตแรกในงานดังกล่าวนี้ 35,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันจะเปิดตัวเงินฝากพิเศษ 4 เดือน หรือเงินฝากอุ่นใจ วงเงิน 50,000 ล้านบาท จ่ายดอกเบี้ย 3% ต่อปี โดยไม่เสียภาษีแต่อย่างใดด้วย
ขณะเดียวกัน ธ.ก.ส.จะขยายโครงการเงินฝากทวีโชค จากเดิมที่เน้นการออมเงินจากกลุ่มลูกค้าต่างจังหวัด แล้วแลกคูปองเพื่อลุ้นรับรางวัลทุก 6 เดือน เข้ามาในกลุ่มลูกค้าในเมืองด้วย คาดว่าจะได้รับความสนใจเป็นอย่างดี เพราะลักษณะคล้ายกับการเสี่ยงโชค โดยฝากเงินทุก 50 บาท หรือ 100 บาทจะได้รับคูปอง และนำมาลุ้นรับโชคทุก 6 เดือน ซึ่งส่งผลให้มีเงินฝากเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากช่วงแรกที่เริ่มต้นในปี 38 มีเงินฝาก 14 ล้านบาทขณะนี้เพิ่มเป็นกว่าแสนล้านบาทแล้ว
“ปีนี้ธ.ก.ส.มีแผนงานที่จะปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ให้ 75,000 ล้านบาท จากปีก่อนหน้าที่ปล่อยสินเชื่อไปกว่า 775,915 ล้านบาท โดยจ่ายระหว่างปี 450,000 ล้านบาท ทั้งนี้ยังเน้นจ่ายให้เกษตรกรเพื่อใช้หมุนเวียนในภาคการเกษตร 80% ส่วนสินเชื่อนอกภาคเกษตรมีเพียง 20% เท่านั้น ซึ่งในปีที่ผ่านมา ธ.ก.ส.จ่ายสินเชื่อนอกภาคเกษตรไปเพียง 17% เท่านั้น อาทิ ปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคลให้เจ้าหน้าที่ขององค์กรที่มาฝากเงินไว้กับธนาคาร และหักชำระค่างวดจากรายเดือนประมาณ 20,000 ล้านบาท และปล่อยกู้ให้สหกรณ์ออมทรัพย์ สหกรณ์ร้านค้า สหกรณ์บริการต่าง ๆ อีก 50,000 ล้านบาท”.