ASTVผู้จัดการรายวัน -เกษตรกร 15 อำเภอและเครือข่ายปฏิรูปที่ดินจังหวัดน่าน-แพร่ สุดทน บี้”ปู”โฉนดชุมชนและธนาคารที่ดินไม่คืบ ขณะที่เครือข่ายเกษตรผู้เลี้ยงกุ้งภาคใต้ กว่า 1,000 คนปิดถนนที่เชิงสะพานติณสูลานนท์เรียกร้องเรื่องราคากุ้งตกต่ำ
วานนี้ (8 พ.ค.) เครือข่ายปฏิรูปที่ดินจังหวัดน่าน และจังหวัดแพร่, สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ, ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม พร้อมด้วยเกษตรกรจาก 15 อำเภอในจังหวัดน่าน กว่า 1,000 คน ได้รวมตัวกันที่บริเวณข่วงเมืองน่านเพื่อแสดงพลังเกษตรกรในการเรียกร้องขอให้รัฐบาลเร่งดำเนินการโฉนดชุมชน และผลักดันการจัดตั้งธนาคารที่ดิน หลังพบว่าไม่มีความคืบหน้า โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้ถือธงและป้ายเรียกร้องโฉนดชุมชนเดินไปตามท้องถนน มุ่งหน้าไปยังที่ทำการไปรษณีย์น่าน และร่วมกันนำไปรษณียบัตรระบุชื่อเกษตรกรจำนวน 500 ฉบับ ส่งถึงสำนักนายกรัฐมนตรี จากนั้นได้เดินทางไปชุมนุมที่บริเวณด้านหน้าศาลากลางจังหวัดน่าน เพื่ออ่านแถลงการณ์และยื่นหนังสือผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดน่านถึงรัฐบาล
นายสนิท มณเฑียร ผู้ประสานงานเครือข่ายฯ จังหวัดน่าน กล่าวว่า มีชุมชนได้ยื่นคำขอและรอการพิจารณาอนุมัติให้ดำเนินการโฉนดชุมชนมากถึง 435 ชุมชน 63,345 ครอบครัว โดยมีชุมชนจังหวัดน่าน 223 ชุมชนที่ยังรอการแก้ไขปัญหาจากรัฐบาล การชุมนุมครั้งนี้จึงเป็นการติดตามและทวงถามการดำเนินงานตามนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา
โดยเรียกร้องให้เร่งรัดดำเนินการในเรื่องการแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิและผู้แทนชุมชนในคณะกรรมการบริหารสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) โดยเร็ว เพื่อดำเนินการจัดซื้อที่ดินตามโครงการนำร่องธนาคารที่ดิน ตามมติคณะรัฐมนตรี และเร่งรัดผลักดัน พ.ร.บ.ส่งเสริมสิทธิชุมชนในการจัดการที่ดิน ป่าไม้ เข้าสู่การพิจารณาของ ครม.และผลักดันเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรโดยเร็ว ซึ่งในระหว่างที่ พ.ร.บ.ดังกล่าวยังไม่มีผลบังคับใช้ ขอให้รัฐบาลรับรองสิทธิให้แก่ชุมชนตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดให้มีโฉนดชุมชน พ.ศ. 2553
และขอให้มีคำสั่งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ให้ยุติการจับกุม ข่มขู่ และคุกคาม เกษตรกรและชาวบ้านที่เข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ทำกินเดิม ในระหว่างรอการแก้ไขปัญหาตามนโยบายของรัฐบาล โดยมีนายวิทยา กามนต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ได้เข้ารับหนังสือจากตัวแทนเกษตรกร
ทั้งนี้ชาวบ้านหลายรายในกลุ่มผู้ชุมนุมได้ตะโกนเรียกร้องให้มีการคืนเครื่องมือทำกิน อุปกรณ์การเกษตรที่เจ้าหน้าที่ได้จับกุมยึดไว้เป็นของกลางขณะที่ชาวบ้านเข้าไปทำไร่ในพื้นที่ จึงทำให้การชุมนุมยึดเยื้อ
กระทั่งนายประสิทธิ์ พัฒนใหญ่ยิ่ง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดน่าน ได้เข้าเจรจา รับปากชาวบ้านว่าเจ้าหน้าที่จะไม่เข้าจับกุมหากชาวบ้านทำกินในที่ดินเดิมโดยไม่มีการแผ้วถาง บุกรุกใหม่ แต่หากพบว่าบุกรุกผืนป่าใหม่ก็ต้องว่ากันตามกฎหมาย โดยการเจรจาเป็นที่พอใจ ชาวบ้านจึงพากันแยกย้ายเดินทางกลับ
***ม็อบกุ้งปิดถนนป๋าเปรม
เมื่อเวลา 10.00 น.วานนี้ (8 พ.ค.) เครือข่ายเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งรายย่อย 8 จังหวัดภาคใต้กว่า 1,000 คน ได้รวมตัวชุมนุมใหญ่ที่บริเวณเชิงสะพานติณสูลานนท์ อ.เมือง จ.สงขลา เพื่อประท้วงเรียกร้องรัฐบาล ให้ คชก.หรือ คณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร อนุมัติโครงการจำนำกุ้งขาว จำนวน 30,000 ตันตั้งแต่ พ.ค.-ส.ค.55 โดยให้ขนาดกุ้ง 60 ตัว/กก.ราคา 145 บาท จากราคา 165 บาทเหลือ 105 บาท หลังจาก 2 เดือนที่ผ่านมาทางเครือข่ายเกษตรกรเลี้ยงกุ้งฯได้ดำเนินการขอความช่วยเหลือไปยังรัฐบาลให้เปิดโครงการรับจำนำกุ้งมาโดยตลอด และไม่ได้รับความช่วยเหลือแต่อย่างใด
เวลา 13.30 น. นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้มาไกล่เกลี่ยโดยกล่าวว่า ในส่วนของ จ.สงขลา ได้ทำหนังสือ 1 ฉบับเพื่อสนับสนุนข้อเรียกร้องของเกษตรผู้เลี้ยงกุ้งส่งไปยังรัฐบาล ขณะนี้ขึ้นอยู่กับทาง คชก. กระทรวงพาณิชย์ และเกษตรฯ เป็นแกนหลักในการพิจารณา กระทั่งเวลา 16.00 น.กลุ่มผู้ชุมนุมยกเต็นท์จำนวนสองเต็นท์มาปิดถนนเชิงสะพานติณสูลานนท์เพื่อกดดันให้ คชก.เร่งให้คำตอบเกี่ยวกับแนวทางแก้ไขหลังจากที่รอมาตลอดทั้งวัน ส่งผลให้การจราจรเส้นทางขาออกจากตัวเมืองสงขลาติดขัดอย่างหนักระยะทางกว่า 3 กิโลเมตร ตั้งแต่ห้าแยกเกาะยอจนถึงเชิงสะพานติณสูลานนท์
จนเวลา 17.30 น.ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้รับเอกสารยืนยันจากนายสมชาติ สร้อยทอง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เกี่ยวกับแนวทางการช่วยเหลือและนำมาแจ้งให้กลุ่มผู้ชุมนุมได้รับทราบ
สำหรับเรื่องราคากุ้งในเบื้องต้น ซึ่งเกษตรกรเรียกร้องให้กุ้งขนาด 60 ตัวต่อกิโลกรัมราคา 145 บาท ทาง คชก.ได้เสนอให้ในราคา 135 บาท ซึ่งทางแกนนำพอใจในระดับหนึ่ง โดยในวันที่ 10 พ.ค.นี้ทางผู้ว่าราชราชการจังหวัดสงขลา จะนำแกนนำผู้เลี้ยงกุ้งทั้ง 8 จังหวัด เข้าไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่กรมประมงในเวลา 09.00 น. เพื่อร่วมกันกำหนดในรายละเอียดของราคาที่ชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง
วานนี้ (8 พ.ค.) เครือข่ายปฏิรูปที่ดินจังหวัดน่าน และจังหวัดแพร่, สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ, ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม พร้อมด้วยเกษตรกรจาก 15 อำเภอในจังหวัดน่าน กว่า 1,000 คน ได้รวมตัวกันที่บริเวณข่วงเมืองน่านเพื่อแสดงพลังเกษตรกรในการเรียกร้องขอให้รัฐบาลเร่งดำเนินการโฉนดชุมชน และผลักดันการจัดตั้งธนาคารที่ดิน หลังพบว่าไม่มีความคืบหน้า โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้ถือธงและป้ายเรียกร้องโฉนดชุมชนเดินไปตามท้องถนน มุ่งหน้าไปยังที่ทำการไปรษณีย์น่าน และร่วมกันนำไปรษณียบัตรระบุชื่อเกษตรกรจำนวน 500 ฉบับ ส่งถึงสำนักนายกรัฐมนตรี จากนั้นได้เดินทางไปชุมนุมที่บริเวณด้านหน้าศาลากลางจังหวัดน่าน เพื่ออ่านแถลงการณ์และยื่นหนังสือผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดน่านถึงรัฐบาล
นายสนิท มณเฑียร ผู้ประสานงานเครือข่ายฯ จังหวัดน่าน กล่าวว่า มีชุมชนได้ยื่นคำขอและรอการพิจารณาอนุมัติให้ดำเนินการโฉนดชุมชนมากถึง 435 ชุมชน 63,345 ครอบครัว โดยมีชุมชนจังหวัดน่าน 223 ชุมชนที่ยังรอการแก้ไขปัญหาจากรัฐบาล การชุมนุมครั้งนี้จึงเป็นการติดตามและทวงถามการดำเนินงานตามนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา
โดยเรียกร้องให้เร่งรัดดำเนินการในเรื่องการแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิและผู้แทนชุมชนในคณะกรรมการบริหารสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) โดยเร็ว เพื่อดำเนินการจัดซื้อที่ดินตามโครงการนำร่องธนาคารที่ดิน ตามมติคณะรัฐมนตรี และเร่งรัดผลักดัน พ.ร.บ.ส่งเสริมสิทธิชุมชนในการจัดการที่ดิน ป่าไม้ เข้าสู่การพิจารณาของ ครม.และผลักดันเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรโดยเร็ว ซึ่งในระหว่างที่ พ.ร.บ.ดังกล่าวยังไม่มีผลบังคับใช้ ขอให้รัฐบาลรับรองสิทธิให้แก่ชุมชนตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดให้มีโฉนดชุมชน พ.ศ. 2553
และขอให้มีคำสั่งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ให้ยุติการจับกุม ข่มขู่ และคุกคาม เกษตรกรและชาวบ้านที่เข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ทำกินเดิม ในระหว่างรอการแก้ไขปัญหาตามนโยบายของรัฐบาล โดยมีนายวิทยา กามนต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ได้เข้ารับหนังสือจากตัวแทนเกษตรกร
ทั้งนี้ชาวบ้านหลายรายในกลุ่มผู้ชุมนุมได้ตะโกนเรียกร้องให้มีการคืนเครื่องมือทำกิน อุปกรณ์การเกษตรที่เจ้าหน้าที่ได้จับกุมยึดไว้เป็นของกลางขณะที่ชาวบ้านเข้าไปทำไร่ในพื้นที่ จึงทำให้การชุมนุมยึดเยื้อ
กระทั่งนายประสิทธิ์ พัฒนใหญ่ยิ่ง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดน่าน ได้เข้าเจรจา รับปากชาวบ้านว่าเจ้าหน้าที่จะไม่เข้าจับกุมหากชาวบ้านทำกินในที่ดินเดิมโดยไม่มีการแผ้วถาง บุกรุกใหม่ แต่หากพบว่าบุกรุกผืนป่าใหม่ก็ต้องว่ากันตามกฎหมาย โดยการเจรจาเป็นที่พอใจ ชาวบ้านจึงพากันแยกย้ายเดินทางกลับ
***ม็อบกุ้งปิดถนนป๋าเปรม
เมื่อเวลา 10.00 น.วานนี้ (8 พ.ค.) เครือข่ายเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งรายย่อย 8 จังหวัดภาคใต้กว่า 1,000 คน ได้รวมตัวชุมนุมใหญ่ที่บริเวณเชิงสะพานติณสูลานนท์ อ.เมือง จ.สงขลา เพื่อประท้วงเรียกร้องรัฐบาล ให้ คชก.หรือ คณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร อนุมัติโครงการจำนำกุ้งขาว จำนวน 30,000 ตันตั้งแต่ พ.ค.-ส.ค.55 โดยให้ขนาดกุ้ง 60 ตัว/กก.ราคา 145 บาท จากราคา 165 บาทเหลือ 105 บาท หลังจาก 2 เดือนที่ผ่านมาทางเครือข่ายเกษตรกรเลี้ยงกุ้งฯได้ดำเนินการขอความช่วยเหลือไปยังรัฐบาลให้เปิดโครงการรับจำนำกุ้งมาโดยตลอด และไม่ได้รับความช่วยเหลือแต่อย่างใด
เวลา 13.30 น. นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้มาไกล่เกลี่ยโดยกล่าวว่า ในส่วนของ จ.สงขลา ได้ทำหนังสือ 1 ฉบับเพื่อสนับสนุนข้อเรียกร้องของเกษตรผู้เลี้ยงกุ้งส่งไปยังรัฐบาล ขณะนี้ขึ้นอยู่กับทาง คชก. กระทรวงพาณิชย์ และเกษตรฯ เป็นแกนหลักในการพิจารณา กระทั่งเวลา 16.00 น.กลุ่มผู้ชุมนุมยกเต็นท์จำนวนสองเต็นท์มาปิดถนนเชิงสะพานติณสูลานนท์เพื่อกดดันให้ คชก.เร่งให้คำตอบเกี่ยวกับแนวทางแก้ไขหลังจากที่รอมาตลอดทั้งวัน ส่งผลให้การจราจรเส้นทางขาออกจากตัวเมืองสงขลาติดขัดอย่างหนักระยะทางกว่า 3 กิโลเมตร ตั้งแต่ห้าแยกเกาะยอจนถึงเชิงสะพานติณสูลานนท์
จนเวลา 17.30 น.ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้รับเอกสารยืนยันจากนายสมชาติ สร้อยทอง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เกี่ยวกับแนวทางการช่วยเหลือและนำมาแจ้งให้กลุ่มผู้ชุมนุมได้รับทราบ
สำหรับเรื่องราคากุ้งในเบื้องต้น ซึ่งเกษตรกรเรียกร้องให้กุ้งขนาด 60 ตัวต่อกิโลกรัมราคา 145 บาท ทาง คชก.ได้เสนอให้ในราคา 135 บาท ซึ่งทางแกนนำพอใจในระดับหนึ่ง โดยในวันที่ 10 พ.ค.นี้ทางผู้ว่าราชราชการจังหวัดสงขลา จะนำแกนนำผู้เลี้ยงกุ้งทั้ง 8 จังหวัด เข้าไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่กรมประมงในเวลา 09.00 น. เพื่อร่วมกันกำหนดในรายละเอียดของราคาที่ชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง