xs
xsm
sm
md
lg

24 พ.ค.ชัด!“ฟลัดเวย์กทม.” “ปลัดมท.”ลั่นต้องเสียสละเพื่อชาติ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ (8 พ.ค.55) เมื่อเวลา 15.00 น.ที่มูลนิธิรัฐบุรุษ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ นายพระนาย สุวรรณรัฐ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมคณะกรรมการผังเมืองรวมกทม.ที่ฉบับปัจจุบันจะหมดอายุลงช่วงเดือนพฤษภาคมปี 56 ว่า กระบวนการขั้นตอนที่จะทำผังเมืองรวมฉบับใหม่นั้นทางกทม.ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องโดยตลอด ซึ่งเหลือระยะเวลาอีกไม่นาน เนื่องจากขั้นตอนกระบวนการตามพ.ร.บ.ผังเมืองมีมากกว่า 40 ขั้นตอนและทุกอย่างขั้นตอนต้องมีการประกาศตามกฎหมาย ขณะนี้ผังกทม.ฉบับปัจจุบันได้หมดอายุประมาณเดือนพฤษภาคมปี 56 และขยายมาเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีผังเมืองใหม่ขึ้นมา
“ในผังเมืองใหม่นั้นได้มีการพิจารณาเรื่องฟลัดเวย์ทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตกที่คณะกรรมการฯให้ความสำคัญมาก รวมถึงการจัดโซนนิ่งสีต่างๆ การจัดระยะร่นชิดของถนนแต่แต่ละอาคารควรอยู่ห่างถนนเท่าไหร่อย่างไร การประกาศผังเมืองทุกจุดมีผลกระทบกับประชาชนแน่นอน ไม่มากก็น้อย แต่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะที่จะต้องมีผังเมืองขึ้นมา ไม่มีใครสมประโยชน์ ทุกคนต้องเสียสละ เพราะว่าภาพใหญ่ประโยชน์สุขจะเกิดกับประชาชนทั้งหมด”ปลัดกระทรวงมหาดไทย ระบุ
นายพระนาย กล่าวต่อว่า หลังจากที่คณะกรรมการผังเมืองได้มีมติเห็นชอบแล้วนั้น ทางกทม.จะต้องเตรียมการในส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยผู้ว่าฯกทม.ได้วางแผนว่าจะมีการประกาศผังเมืองรวมที่ได้รับการเห็นชอบในวันที่ 24 พฤษภาคมนี้ และจะติดร่างประกาศกว่า 100 จุดทั่วกทม. ซึ่งเป็นข้อกำหนดตามกฎหมายผังเมือง อย่างไรก็ตามภายในกำหนดระยะเวลา 90 วัน ตั้งแต่วันที่ 24 พฤษภาคมนี้เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม ประชาชนผู้มีส่วนได้เสียในกทม.ทุกคนมีสิทธิศึกษาผังเมืองกทม.และสามารถยื่นเรื่องร้องคัดค้านได้ โดยจะมีคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาคำร้องโดยเฉพาะทำหน้าที่พิจารณาคำร้องโดยเฉพาะและจัดหมวดหมู่คำร้อง
จากการประเมินแล้วคาดว่าจะมีประมาณ 1 หมื่นคำร้อง โดยจะดำเนินการพิจารณาหลังจากครบกำหนดระยะเวลา 90 วัน จากนั้นจะมีขั้นตอนอีกประมาณ 3-4 ขั้นตอนที่จะนำไปสู่การกฎกระทรวงว่าด้วยผังเมืองกทม. หากทำการบ้านกันดีน่าจะสามารถอนุมัติผังเมืองฉบับใหม่ได้ก่อนวันสิ้นอายุครั้งสุดท้ายคือช่วงพฤษภาคมปี 56 ของผังเมืองปัจจุบัน ซึ่งไม่สามารถต่ออายุได้อีก กฎหมายผังเมืองเป็นกฎหมายที่เป็นประชาธิปไตยมากที่สุดฉบับหนึ่งตั้งแต่เรามีกฎหมายมา เพราะฉะนั้นคำร้องทุกคำร้องมีคุณค่าและผู้ทรงคุณวุฒิต้องพิจารณาอย่างรอบคอบด้วยเหตุผล โดยเน้นประโยชน์สาธารณะ
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวว่า ที่ประชุมได้อนุมัติงบประมาณ 955 ล้านบาท ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ เพื่ออนุรักษ์ฟื้นฟูป่าต้นน้ำ โดยเฉพาะการทำฝายกึ่งถาวร และเพาะกล้า หญ้าแฝกไว้คอยกันหน้าดินไม่ให้สไลด์ลงมา โดยมีผู้รับผิดชอบคือกรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ และกรมทรัพยากรทางทะเล ซึ่งจะมีการเร่งรัดให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน ทั้งนี้ ในการเพาะกล้าจะขอยืมกล้าที่กรมอุทยานเพาะไว้มาปลูกก่อน แล้วค่อยนำไปคืน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้ตั้งเป้าหมายในการคืนพื้นที่ป่ากี่เปอร์เซ็นต์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า พื้นที่ป่าที่ยังขาดอยู่ในขณะนี้คือ 8 ล้านไร่ ก็จะมีการปลูกไปเรื่อยๆ ภายในระยะเวลา 5 ปีซึ่งปีนี้จะปลูกประมาณ 5 แสนไร่ และปี 56 จะปลูกไล่เฉลี่ยขึ้นมาเรื่อยๆ จนครบ 8 ล้านไร่ใน 5 ปี โดยจะเน้นพื้นที่ป่าต้นน้ำรวม 17 ลุ่มน้ำ
ขณะที่ในการประชุมครม.นายกรัฐมนตรีได้หยิบยกเรื่องการรายงานสถานการณ์ภัยแล้ง ที่กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เสนอเข้าสู่ครม.เป็นวาระเพื่อทราบ มาหารือพูดคุยในครม. ด้วยน้ำเสียงและท่าทีเคร่งเครียดไม่พอใจว่า จากการที่ ปภ.ได้เสนอรายงานสถานการณ์ภัยแล้งมาเป็นระยะ ๆ จากเดิมที่เคยรายงานมาว่ามีการประกาศพื้นที่ประสบภัยแล้ง 30 จังหวัด แต่ยิ่งรายงานมามันก็ยิ่งเยอะขึ้นทุกวัน มาวันนี้รายงานมาว่ามีจังหวัดที่ประสบภัยแล้งแล้วถึง 50 จังหวัด และ 60 จังหวัดเพิ่มขึ้นมาเรื่อย
"ข้าราชการไทยทำงานแบบนี้ก็ไม่ไหว อยากได้งบภัยแล้ง เวลาที่เกิดภัยแล้งก็ไม่ได้ไปดู สมมติในหมู่บ้านหนึ่ง มันแล้งสักหน่อยหนึ่ง ไม่ได้แล้งทั้งหมู่บ้าน แต่ก็ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยแล้งมันทั้งตำบล ทั้งอำเภอและทั้งจังหวัดเลย เพื่อที่จะเอางบภัยแล้ง แบบนี้ต้องเลิก เหมือนกับตอนน้ำท่วม กรณีน้ำท่วม จริง ๆ แล้วมันป้องกันได้ แต่ไม่ทำ ไม่ป้องกัน พอฝนจะมาก็ต้องไปป้องกัน แต่ว่าไม่ป้องกัน ปล่อยให้น้ำท่วม บางพื้นที่น้ำท่วมยังไม่พอ ก็ปล่อยให้น้ำท่วมเยอะ ๆ เพื่อที่จะประกาศเป็นจังหวัดน้ำท่วมแล้วจะได้งบไปใช้ ภัยหนาวพอหนาวนิดเดียวก็ประกาศเป็นพื้นที่ภัยหนาวเลย เพราะฉะนั้นผวจ. ทุกจังหวัดที่ออกประกาศอย่างนี้ ทางกระทรวงมหาดไทยและรองยงยุทธต้องไปดู" นายกฯกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในขณะที่นายกฯสั่งการให้นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯและรมว.มหาดไทยไปดูแลเรื่องดังกล่าวนั้น ปรากฏว่านายยงยุทธ ซึ่งนั่งนิ่งหลับอยู่ก็รีบพยักหน้าตอบรับ โดยนายกฯได้เน้นย้ำกำชับว่า "รองยงยุทธ ต้องไปดู ไอ้ที่ควรช่วยประชาชนน่ะไม่ได้ช่วย เช่น เงินชดเชยเยียวยา 5 พัน เงินช่วยประชาชนที่บ้านพัง ที่เป็นทุกข์ของชาวบ้าน โดยเป็นเงินงบประมาณของที่อื่น ผวจ.ไม่ไปดู ผวจ.ไม่ไปเร่งรัดอะไรเลย" น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวเสียงเข้ม
ทั้งนี้นายปลดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์ฯได้กล่าวเสริมว่า มีบางจังหวัดที่เบิกจ่ายเงินช่วยเหลือน้ำท่วมไม่ได้เยอะ จังหวัดที่ต้องเร่งจ่ายเงินช่วยเหลือประชาชน ที่น้ำท่วมบ้านจนพัง แทนที่จะไปช่วยประชาชนติเตามดู แต่กลับไม่ได้ไปติดตามเลย นายกฯจึงสั่งเสียงเข้มว่า จังหวัดไหนให้ไปหามา นายปลอดประสพ จึงตอบเพียงว่า เป็นจังหวัดที่ขึ้นต้นชื่อว่า "สมุทร ๆ "
จากนั้นนายกฯ ยังติดใจกล่าวอีกว่า อย่างเรื่องภัยแล้งมันแล้งขนาดนั้นเลยหรือ นายปลอดประสพ จึงยืนยันต่อไปอีก คงไม่ถึงขนาดนั้น ตนไปลงพื้นที่ ยกตัวอย่าง จ.พระนครศรีอยุธยา ผวจ.บอกว่าแล้งอย่างนั้น แล้งอย่างนี้ ตนเลยหางบให้ 6 ล้านบาท ไม่แล้งเลยทีนี้ ทำให้นายกฯกล่าวอีกว่า วิธีการแบบนี้ คนที่ถืองบกลางก็ลำบาก จะอนุมัติงบประมาณ 1.2 แสนล้านหรือ 3.5 แสนล้าน เขียนโครงการไปที่นั่นที่นี่ดักหน้าดักหลังกัน เพราะฉะนั้นกระทรวงมหาดไทยต้องไปสร้างจิตสำนึกและไปอธิบายความให้เข้าใจ ไม่ใช่ประกาศมาเพื่อจะเอางบฉุกเฉินหรืองบซีอีโอไปใช้ ต้องให้ไปดูให้เรียบร้อย ซึ่งนายยงยุทธก็ไม่ได้ชี้แจงอะไร เพียงแต่พยักหน้ารับเท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น