xs
xsm
sm
md
lg

บูรณาการปัญญาปูนิ่มก่อนดีกว่าไหม?!

เผยแพร่:   โดย: ปิยะโชติ อินทรนิวาส

ความรู้สึกแรกที่ได้ยินคำคำนี้หลุดออกจากปากของปูนิ่ม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ระหว่างลงพื้นที่ชายแดนใต้เที่ยวล่าสุด ผมรู้สึกอยากหัวเราะก๊ากออกมาดังๆ แต่ว่าต้องจำใจกั้นเอาไว้

ไม่ใช่เพราะกลัวใครจะหาว่าบ้าอย่างเดียว แต่เพราะในส่วนลึกทราบถึงผลกระทบอันเลวร้ายต่อชีวิตและทรัพย์สินผู้คนจำนวนมากที่เกิดขึ้นมายาวนานและยังไม่มีทีท่าจะสิ้นสุดลงได้

“บูรณาการ?!”

ดูเหมือนเมื่อใดที่ได้พูดคำนี้ด้วยเสียงเนิบนาบแบบเน้นๆ ปูนิ่มจะมีความรู้สึกหน้าบานขึ้นมาทันที

ไม่ต้องมีใครเตรียมสคริปต์ไว้ให้ เธอก็สามารถกล่าวขึ้นมาเองได้อย่างเท่ๆ และหากสามารถนำไปกล่าวประสมกับคำเท่อื่นๆ ได้ยิ่งทำให้เพิ่มความภาคภูมิอกภูมิใจเข้าไปใหญ่

การบูรณาการดับไฟใต้ที่พร่ำพ่นออกจากปากของปูนิ่มในทำนองว่า ได้สั่งการให้ส่วนงานความมั่นคงทั้งหมดบูรณาการกันแล้ว

หรือได้สั่งการให้ 17 กระทรวง 77 หน่วยงานที่ดูแลพื้นที่บูรณาการตามแผนยุทธศาสตร์ให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน

รวมถึงการมอบให้ 3 รองนายกฯ ไปบูรณาการร่วมกันทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม ได้แก่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย และนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และ รมว.คลัง

ในความคิดผมภาพการสั่งการเหล่านั้น แม้จะยังไม่เห็นอะไรที่เป็นรูปธรรมชัดเจน แต่ความที่ยังเบลอๆ อยู่ก็ทำให้สังคมสามารถรับได้

ทว่า กับคำกล่าวที่ระบุไว้อย่างชัดแจ้งว่า ได้สั่งการให้ “กอ.รมน.” กับ “ศอ.บต.” ไปบูรณาการการทำงานร่วมกันเพื่อดับไฟใต้นั้น

พลันที่ได้ยินคำพูดนี้ ผมแวบขึ้นมาทันทีเลยว่า แท้จริงการจะดับไฟใต้ หรืออย่างน้อยทำให้เปลวที่กำลังคุโชนในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ครั้งใหม่ในเวลานี้หรี่ลงได้บ้าง

สมควรต้องมีการบูรณาการทางความคิดผู้นำประเทศไทยเราเสียก่อน และต้องถือเป็นวาระเร่งด่วนระดับชาติเลยด้วย

ในฐานะที่นายกรัฐมนตรีนั่งเป็น “ผอ.กอ.รมน.” โดยตำแหน่ง ผมไม่เชื่อว่าปูนิ่มจะไม่เคยได้ยินหรือรับรู้เรื่องราวความขัดแย้งระหว่าง กอ.รมน. กับ ศอ.บต.ที่กำลังเหยียบตาปลากันอย่างรุนแรง

อย่างน้อยตั้งแต่นักโทษหนีคุกทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นพี่ชายติดสปริงให้ทะยานขึ้นนั่งบัลลังก์เป็นผู้กุมบังเหียนประเทศชาติติดต่อกันมาเกิน 8 เดือน เธอก็น่าจะได้ผ่านตาหนังสือที่ถูกชงจาก กอ.รมน.ขึ้นไปให้ตัดสินใจฉบับหนึ่ง

เกี่ยวกับการเสนอให้ปรับเปลี่ยนโครงสร้างอำนาจการกำกับดูแลพื้นที่ชายแดนใต้ตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือที่มักเรียกกันว่า พ.ร.บ.ศอ.บต. ซึ่งเพิ่งมีผลบังคับใช้มาแค่ปีสองปี

ศอ.บต.ตามกฎหมายใหม่ไม่ใช่แค่หน่วยงานเฉพาะกิจที่ใช้แค่คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีรองรับ แล้วส่งข้าราชการระดับ 10 ตำแหน่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทยอันดับบ๊วยสุดมานั่งเป็น ผอ.ศอ.บต. แถมบุคลากรก็ใช้วิธียืมตัวจากหน่วยงานรัฐอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเหมือนแต่ก่อน

แต่ในวันนี้ ศอ.บต.เป็นหน่วยงานที่มีกฎหมายรองรับชัดเจน ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี มีข้าราชการระดับ 11 นั่งเป็นเลขาธิการ ศอ.บต. และที่สำคัญมีสถานที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ชายแดนใต้ที่ จ.ยะลา

เรื่องนี้จึงเกิดการขบเหลี่ยมกับฝ่ายทหารที่กลับมาใหญ่ในพื้นที่ ภายหลังเกิดไฟใต้คุโชนระลอกใหม่ในปี 2547 จากน้ำมือ นช.ทักษิณ เนื่องจาก “กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” ที่กำกับดูแลพื้นที่อยู่ดูด้อยกว่าฝ่ายพลเรือนไปทันทีที่ พ.ร.บ.ศอ.บต.บังคับใช้

จึงมีการตั้งเรื่องให้ออกคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีปรับดุลอำนาจหน่วยงานรัฐในพื้นที่ใหม่ โดยเสนอให้ ศอ.บต.ย้ายฐานบัญชาการใหญ่ไปตั้งที่กรุงเทพฯ

แล้วย่อส่วนหน่วยงานในพื้นที่ให้เหลือเพียง “ศอ.บต.ส่วนหน้า” พร้อมให้ไปซุกอยู่ใต้ปีกโอบของ “กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” อีกต่างหาก

แม้ในเวลานี้จะยังไม่มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวออกมา แต่ใช่ว่าปัญหาการขบเหลี่ยมหรือเหยียบตาปลาระหว่าง 2 หน่วยงานที่ว่าจะยุติลงได้

แล้วอย่างนี้การจะให้ กอ.รมน.กับ ศอ.บต.ทำงานร่วมกันแบบบูรณาการเพื่อดับไฟใต้นั้น ผมจึงยังรู้สึกว่าน่าจะเป็นได้แค่เพียงคำสั่งเท่ๆ

นี่เป็นเพียงแค่การฉายภาพ 2 หน่วยงานที่ถูกสั่งให้ต้องบูรณาการกันนะครับ

ส่วนจะได้เห็น 77 หน่วยงานจาก 17 กระทรวงทำงานกันแบบบูรณาการเพื่อดับไฟใต้ได้หรือไม่นั้น เราก็คงต้องจับตาดูกันต่อไป

แว่วว่าวันที่ 17 พ.ค.นี้จะมีการระดมไปประชุมปรึกษาหารือกันยกแรก

ความจริงแล้วไม่ใช่เฉพาะแค่ปัญหาไฟใต้เท่านั้น ตอนนี้สังคมไทยกำลังถูกรุมเร้าด้วยวิกฤตมากมาย ซึ่งการจะแก้ไขหรือคลี่คลายได้ก็ต้องอาศัยการบูรณาจากทุกฝ่ายทุกหน่วยงานเช่นกัน

ดังนี้แล้วการบูรณาการสติปัญญาของผู้นำจึงเป็นเรื่องจำเป็นและเร่งด่วน เพราะกว่า 8 เดือนมานี้ก็เป็นที่ประจักษ์มาตลอดว่าอะไรเป็นอะไร

อย่างน้อยก็น่าจะช่วยให้ลดทอนคำพูดเสร่อๆ ที่คอยตามไปหลอกหลอนคนไทยอยู่เนื่องๆ ได้บ้าง อาทิ “จังหวัดหาดใหญ่” “ประธานาธิบดีมาเลเซีย” “พฤศจิกาคม” “คอ-นก-รีต” “เรือดำน้ำ (เรือดันน้ำ)” “หญ้าแพรก (หญ้าแฝก)” หรือแม้กระทั่งอ่านตัวเลขงบประมาณเป็น “ห้าหมื่นสามแสนเก้าร้อยสิบแปดล้านบาท” นี่ยังไม่นับการพูดอังกฤษที่เจ้าของภาษาเขาฟังไม่รู้เรื่องอีกจำนวนมาก

แน่นอนครับ คนไทยชอบผู้หญิงที่มีบุคลิกภาพนิ่มๆ ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์มีอยู่เต็มเปี่ยม

สิ่งนี้ยืนยันได้จากเธอสามารถเอาชนะใจป๋า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ จนใจอ่อนเปิดบ้านให้นำคณะรองนายกฯ เข้าไปรดน้ำดำหัว แล้วก็นำไปสู่การหอบหิ้วกันลงพื้นที่ชายแดนใต้ไปประกาศคำว่า “บูรณาการ” แบบเท่ๆ อีกหนเมื่อสุดสัปดาห์มานี่เอง

บุคลิกภาพนิ่มๆ เป็นเรื่องที่ผู้คนชอบครับ แต่ปัญญานิ่มๆ นี่สังคมไทยรับไม่ได้แน่นอน?!?!
กำลังโหลดความคิดเห็น