เอเจนซีส์ – อองซานซูจี ตกลงยุติการตั้งแง่และเตรียมนำลูกพรรคสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในรัฐสภาวันพุธนี้ (2) ขณะ บัน คีมุน เลขาธิการใหญ่ยูเอ็น เรียกร้องนานาชาติยกเลิก ผ่อนคลาย หรือระงับการคว่ำบาตรพม่า เพื่อส่งเสริมกระบวนการปฏิรูปประชาธิปไตย
ซูจีจะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ครั้งประวัติศาสตร์ในรัฐสภาในวันพุธ โดยจะสาบานตนด้วยข้อความที่จะ “ปกป้อง” รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันที่ร่างโดยทหาร ซึ่งเธอเห็นว่าไม่เป็นประชาธิปไตยและจำเป็นต้องแก้ไข
“ในทางการเมือง สิ่งสำคัญคือการให้และการรับ เราตัดสินใจเข้าร่วมประชุมสภาและสาบานตนเข้ารับตำแหน่งเพื่อยืนยันว่า เราเคารพต่อความปรารถนาของพี่น้องประชาชน และคำร้องขอของสมาชิกรัฐสภาจากพรรคการเมืองอื่นๆ และสมาชิกอิสระ” ซูจีกล่าวเมื่อวันจันทร์ (30 เม.ย.)
การเปลี่ยนใจของซูจี ผู้นำพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี) มีขึ้นขณะที่บัน คีมุน เลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ กล่าวปราศรัยต่อรัฐสภาพม่าในกรุงเนปิดอว์ ระหว่างเดินทางเยือนแดนหม่องเป็นเวลา 3 วัน เริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์ (29 เม.ย.)
ทั้งนี้ ซูจีมีกำหนดพบกับบันในนครย่างกุ้งวันอังคาร (1) ก่อนที่เธอเดินทางไปเนปิดอว์ในวันรุ่งขึ้นเพื่อเข้าร่วมประชุมสภา
เอ็นแอลดีชนะการเลือกตั้งซ่อมเมื่อวันที่ 1 เมษายน โดยกวาดไป43 ที่นั่งจากที่มีให้ชิงชัยทั้งสิ้น 45 ที่นั่ง ระหว่างการรณรงค์หาเสียง ซูจีชูประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันที่เป็นฉบับปี 2008 เนื่องจากให้อำนาจกองทัพอย่างกว้างขวาง เช่น ได้รับจัดสรรที่นั่ง 1 ใน 4 ของสภาโดยไม่ต้องผ่านการเลือกตั้ง อีกทั้งสามารถแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีเข้าบริหารประเทศในสถานการณ์ฉุกเฉิน
การเข้าทำหน้าที่ในรัฐสภาของ ซูจี และสมาชิกพรรคเอ็นแอลดีคนอื่นๆ ต้องเลื่อนช้าออกไป เนื่องจาก เอ็นแอลดีทักท้วงต้องการให้เปลี่ยนถ้อยคำในการปฏิญาณตนเข้ารับตำแหน่งจาก “ปกป้อง” รัฐธรรมนูญ เป็น “เคารพ” แต่พรรครัฐบาลที่มีทหารหนุนหลังไม่ยอม ทำให้เกิดความวิตกว่าจะกลายเป็นการเผชิญหน้าระหว่าง ซูจี กับรัฐบาลประธานาธิบดีเต็งเส่ง ถึงแม้เธอยืนยันเรื่อยมาว่า นี่เป็นเพียงปัญหาทางเทคนิค และเอ็นแอลดีไม่ได้บอยคอตต์การประชุมรัฐสภา ขณะที่นักวิเคราะห์ฝ่ายตะวันตกจำนวนมากก็เสนอแนะว่า ประเด็นนี้ถือเป็นเรื่องเล็ก และเอ็นแอลดีควรเข้าไปทำหน้าที่ในรัฐสภาเพื่อแก้ไขผลักดันการปฏิรูปใหญ่ๆ จะเหมาะสมกว่า
ทางด้าน บัน ก็ได้แสดงความยินดีต่อการประกาศของซูจี พร้อมยกย่องวิสัยทัศน์ ความเป็นผู้นำ และความกล้าหาญของประธานาธิบดีเต็งเส่ง และว่า จากนี้ไปเต็งเส่งและซูจีจะทำงานร่วมกันได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ บัน ซึ่งถือเป็นผู้ทรงเกียรติคนแรกที่กล่าวปราศรัยต่อรัฐสภาพม่าชุดนี้ ยังเรียกร้องให้มหาอำนาจตะวันตกยกเลิก ผ่อนคลาย หรือระงับการคว่ำบาตร เพื่อช่วยเหลือพม่า ทั้งยังระบุว่า พม่าอาจเป็นต้นแบบประชาธิปไตยสำหรับอีกหลายชาติภายหลังอยู่ภายใต้ระบอบเผด็จการทหารนานนับสิบปี
เลขาธิการยูเอ็นแสดงความเชื่อมั่นว่า ภายใต้รัฐบาลพลเรือน พม่าสามารถตามทันเพื่อนบ้านเอเชีย กระนั้น ยังมีความเสี่ยงและหลุมพรางรออยู่อีกมาก
“วันนี้ผมได้กลับมายังพม่าโฉมใหม่ที่กำลังสร้างประวัติศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ทั่วประเทศเป็นแรงบันดาลใจให้แก่โลก
“อย่างไรก็ตาม ยังมีสิ่งต่างๆ มากมายที่จำเป็นต้องทำ และวันนี้ผมขอเรียกร้องให้ประชาคมนานาชาติยกเลิก ผ่อนคลายหรือระงับการคว่ำบาตรทางการค้าและมาตรการลงโทษอื่นๆ ต่อพม่า”
สหภาพยุโรป (อียู) นั้น เมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้ประกาศระงับมาตรการลงโทษพม่าเป็นใหญ่เป็นระยะเวลาหนึ่งปี เพื่อเป็นรางวัลให้แก่การปฏิรูปสำคัญมากมายนับจากกองทัพยุติการบริหารประเทศโดยตรงเมื่อปีที่แล้ว
ทว่า สหรัฐฯ ปฏิเสธที่จะยกเลิกมาตรการลงโทษสำคัญๆ ทันที โดยต้องการรอดูความคืบหน้าในการปฏิรูปของพม่าต่อไป
แต่นอกเหนือจากเรียกร้องฝ่ายตะวันตกแล้ว ในการปราศรัยเมื่อวันจันทร์ บัน ยังแสดงความวิตกที่มีการสู้รบอยู่ในรัฐกะฉิ่น ซึ่งอยู่ทางภาคเหนือของพม่า พร้อมกับเรียกร้องให้ยุติการนองเลือดเช่นนี้
ซูจีจะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ครั้งประวัติศาสตร์ในรัฐสภาในวันพุธ โดยจะสาบานตนด้วยข้อความที่จะ “ปกป้อง” รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันที่ร่างโดยทหาร ซึ่งเธอเห็นว่าไม่เป็นประชาธิปไตยและจำเป็นต้องแก้ไข
“ในทางการเมือง สิ่งสำคัญคือการให้และการรับ เราตัดสินใจเข้าร่วมประชุมสภาและสาบานตนเข้ารับตำแหน่งเพื่อยืนยันว่า เราเคารพต่อความปรารถนาของพี่น้องประชาชน และคำร้องขอของสมาชิกรัฐสภาจากพรรคการเมืองอื่นๆ และสมาชิกอิสระ” ซูจีกล่าวเมื่อวันจันทร์ (30 เม.ย.)
การเปลี่ยนใจของซูจี ผู้นำพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี) มีขึ้นขณะที่บัน คีมุน เลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ กล่าวปราศรัยต่อรัฐสภาพม่าในกรุงเนปิดอว์ ระหว่างเดินทางเยือนแดนหม่องเป็นเวลา 3 วัน เริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์ (29 เม.ย.)
ทั้งนี้ ซูจีมีกำหนดพบกับบันในนครย่างกุ้งวันอังคาร (1) ก่อนที่เธอเดินทางไปเนปิดอว์ในวันรุ่งขึ้นเพื่อเข้าร่วมประชุมสภา
เอ็นแอลดีชนะการเลือกตั้งซ่อมเมื่อวันที่ 1 เมษายน โดยกวาดไป43 ที่นั่งจากที่มีให้ชิงชัยทั้งสิ้น 45 ที่นั่ง ระหว่างการรณรงค์หาเสียง ซูจีชูประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันที่เป็นฉบับปี 2008 เนื่องจากให้อำนาจกองทัพอย่างกว้างขวาง เช่น ได้รับจัดสรรที่นั่ง 1 ใน 4 ของสภาโดยไม่ต้องผ่านการเลือกตั้ง อีกทั้งสามารถแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีเข้าบริหารประเทศในสถานการณ์ฉุกเฉิน
การเข้าทำหน้าที่ในรัฐสภาของ ซูจี และสมาชิกพรรคเอ็นแอลดีคนอื่นๆ ต้องเลื่อนช้าออกไป เนื่องจาก เอ็นแอลดีทักท้วงต้องการให้เปลี่ยนถ้อยคำในการปฏิญาณตนเข้ารับตำแหน่งจาก “ปกป้อง” รัฐธรรมนูญ เป็น “เคารพ” แต่พรรครัฐบาลที่มีทหารหนุนหลังไม่ยอม ทำให้เกิดความวิตกว่าจะกลายเป็นการเผชิญหน้าระหว่าง ซูจี กับรัฐบาลประธานาธิบดีเต็งเส่ง ถึงแม้เธอยืนยันเรื่อยมาว่า นี่เป็นเพียงปัญหาทางเทคนิค และเอ็นแอลดีไม่ได้บอยคอตต์การประชุมรัฐสภา ขณะที่นักวิเคราะห์ฝ่ายตะวันตกจำนวนมากก็เสนอแนะว่า ประเด็นนี้ถือเป็นเรื่องเล็ก และเอ็นแอลดีควรเข้าไปทำหน้าที่ในรัฐสภาเพื่อแก้ไขผลักดันการปฏิรูปใหญ่ๆ จะเหมาะสมกว่า
ทางด้าน บัน ก็ได้แสดงความยินดีต่อการประกาศของซูจี พร้อมยกย่องวิสัยทัศน์ ความเป็นผู้นำ และความกล้าหาญของประธานาธิบดีเต็งเส่ง และว่า จากนี้ไปเต็งเส่งและซูจีจะทำงานร่วมกันได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ บัน ซึ่งถือเป็นผู้ทรงเกียรติคนแรกที่กล่าวปราศรัยต่อรัฐสภาพม่าชุดนี้ ยังเรียกร้องให้มหาอำนาจตะวันตกยกเลิก ผ่อนคลาย หรือระงับการคว่ำบาตร เพื่อช่วยเหลือพม่า ทั้งยังระบุว่า พม่าอาจเป็นต้นแบบประชาธิปไตยสำหรับอีกหลายชาติภายหลังอยู่ภายใต้ระบอบเผด็จการทหารนานนับสิบปี
เลขาธิการยูเอ็นแสดงความเชื่อมั่นว่า ภายใต้รัฐบาลพลเรือน พม่าสามารถตามทันเพื่อนบ้านเอเชีย กระนั้น ยังมีความเสี่ยงและหลุมพรางรออยู่อีกมาก
“วันนี้ผมได้กลับมายังพม่าโฉมใหม่ที่กำลังสร้างประวัติศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ทั่วประเทศเป็นแรงบันดาลใจให้แก่โลก
“อย่างไรก็ตาม ยังมีสิ่งต่างๆ มากมายที่จำเป็นต้องทำ และวันนี้ผมขอเรียกร้องให้ประชาคมนานาชาติยกเลิก ผ่อนคลายหรือระงับการคว่ำบาตรทางการค้าและมาตรการลงโทษอื่นๆ ต่อพม่า”
สหภาพยุโรป (อียู) นั้น เมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้ประกาศระงับมาตรการลงโทษพม่าเป็นใหญ่เป็นระยะเวลาหนึ่งปี เพื่อเป็นรางวัลให้แก่การปฏิรูปสำคัญมากมายนับจากกองทัพยุติการบริหารประเทศโดยตรงเมื่อปีที่แล้ว
ทว่า สหรัฐฯ ปฏิเสธที่จะยกเลิกมาตรการลงโทษสำคัญๆ ทันที โดยต้องการรอดูความคืบหน้าในการปฏิรูปของพม่าต่อไป
แต่นอกเหนือจากเรียกร้องฝ่ายตะวันตกแล้ว ในการปราศรัยเมื่อวันจันทร์ บัน ยังแสดงความวิตกที่มีการสู้รบอยู่ในรัฐกะฉิ่น ซึ่งอยู่ทางภาคเหนือของพม่า พร้อมกับเรียกร้องให้ยุติการนองเลือดเช่นนี้
