xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

'ชาญ พวงเพ็ชร์' ฮีโร่เมืองปทุม แฉสารพัดวิชามาร หวังกุมอำนาจการเมืองท้องถิ่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ชาญ พวงเพ็ชร์
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-ฮือฮากันทั้งประเทศ กับการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้แก่การเมืองไทย เมื่อนักการเมืองท้องถิ่นอย่าง 'ชาญ พวงเพ็ชร์' อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) ปทุมธานี 2 สมัย สามารถชิงตำแหน่งนายก อบจ.ปทุมธานี ท่ามกลางการแข่งขันอันดุเดือด โดยทิ้งห่าง'ว่าที่ร้อยตรี สุเมธ ฤทธาคนี' คู่แข่งจากพรรคการเมืองใหญ่ที่มีบารมีคับประเทศ ถึง 103,456 คะแนน ทั้งๆ ที่ว่าที่ร้อยตรีสุเมธมีดีกรีเป็นถึงอดีต ส.ส.เพื่อไทย จ.ปทุมธานี ที่เคยกวาดคะแนนเสียงได้มากที่สุดในการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งที่ผ่านมา

ว่ากันว่างานนี้ถือเป็นการ 'ตบหน้า' พรรคเพื่อไทยที่เคยมั่นอกมั่นใจว่ามีฐานเสียงชาวปทุม โดยเฉพาะกลุ่มเสื้อแดง ให้การสนับสนุนอย่างหนาแน่น ถึงขนาดยอมลงทุนให้ ว่าที่ รต.สุเมธ ทิ้งเก้าอี้ ส.ส.เพื่อมาลงสมัคร นายก อบจ.โดยเฉพาะ

เกิดอะไรขึ้นกับพรรคเพื่อไทย ? เพราะอะไรคนปทุมจึงปันใจ หันไปเทคะแนนให้นักการเมืองท้องถิ่นตัวเล็กๆ ?

แจ็คผู้ฆ่ายักษ์ 'ชาญ พวงเพ็ชร์' ได้เปิดใจกับ 'ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ' ถึงกลยุทธ์ในการพิชิตใจเสื้อแดงปทุม และสารพัดวิชามารของพรรคการเมืองใหญ่ที่เขาต้องต่อสู้ฝ่าฟันมาตลอดช่วงการหาเสียงที่ผ่านมา
 

คิดว่าปัจจัยอะไรที่ทำให้คุณชาญชนะเลือกตั้งนายก อบจ. ขณะที่คู่แข่งเป็นถึงอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ลาออกจาก ส.ส.มาลงสมัคร นายก อบจ.ปทุมธานี

เราคิดว่าเราทำงานมาเยอะ และทำมาอย่างต่อเนื่อง กิจกรรมในเรื่องการดูแลพี่น้องประชาชน 2 สมัยที่ผ่านมาเนี่ยเราก็สร้างผลงานไว้มากพอสมควร แล้วก็อยู่ในจิตใจของพี่น้องประชาชน ที่ผมต้องตัดสินใจลาออกจากนายก อบจ.เพื่อมาลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้ก็คิดว่าเป็นทางเลือกของพี่น้องประชาชนเพราะผมจะหมดวาระในตำแหน่ง นายก อบจ.ในเดือน ก.ค.ที่จะถึงนี้ แต่ปัญหาจากน้ำท่วมที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้วมันยังไม่หมด และเดือน ส.ค , ก.ย., ต.ค. เนี่ยก็จะเข้าฤดูกาลน้ำหลาก ซึ่งก็ไม่รู้ว่าปีนี้จะท่วมอีกหรือเปล่า เราก็ห่วงพี่น้อง ประชาชน เลยตัดสินใจลงต่ออีกสมัย

ตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะมีใครมาลงแข่งกับเรา ไม่ว่าจะเป็นการเมืองใหญ่ หรือคนทั่วไป แต่พอผมลาออกมาปุ๊บก็ทราบว่ามีพรรคการเมืองส่ง ส.ส.ที่เก่งที่สุด ในการเลือกตั้ง ส.ส.ที่ผ่านมาได้คะแนนเสียงมากที่สุดในกลุ่ม ส.ส.พรรคเดียวกันที่ได้รับเลือกตั้งใน จ.ปทุมธานี ซึ่งก็ถือว่าเป็นคู่แข่งที่น่ากลัว เพราะว่าอำนาจรัฐ อำนาจรัฐบาล ก็อยู่กับเขา ถามว่าเหนื่อยไหม ก็เหนื่อยใจ ถ้าเป็นตะเกียงก็แสงริบหรี่ เพราะถึงแม้เราจะมั่นใจในการทำงานตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แต่เราไม่รู้ว่าประชาชนจะตัดสินใจอย่างไร ที่สำคัญเราไม่มีเกราะกำแพงกั้น ไม่มีใครที่จะยืนข้างหลังเรา เพราะมีแต่ชาวบ้านเท่านั้นเอง ส่วนเขาเป็นทั้งรัฐบาล เป็นรัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงมหาดไทย เป็นอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็น ส.ส.ปทุมธานี พรรคนี้ได้ยกแผง ดูแล และผู้กุมอำนาจรัฐ ทางราชการก็อำนวยความสะดวกเต็มที่ ก็รู้อยู่แล้วใครเป็นรัฐบาลก็ได้เปรียบ เขากับเรานี่มันต่างกันเยอะ ไม่มีทางที่จะสู้ได้

มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กรณีที่คุณสุเมธตัดสินใจลาออกจาก ส.ส.มาลงสมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.เป็นปัจจัยด้านลบที่ทำให้แพ้เลือกตั้ง

ผมมองว่าเขาไม่คิดว่าจะแพ้ไง เขาคิดว่าชนะอย่างเดียว เพราะฝ่ายข้าราชการ ฝ่ายการเมือง ขุมกำลังของตระกูลหาญสวัสดิ์เก่าเป็นของเขาหมด กระแสของตัวบุคคลก็ของเขา อย่าง จ.ปทุมฯ มี 6 เขต ตีว่าเขตละ 30,000 คน อย่างน้อยก็ต้องมีถึง 180,000 เสียงแล้ว แต่ที่เขาแพ้ก็เพราะการตัดสินใจของประชาชน

เหตุการณ์ช่วงน้ำท่วม ปี 54 มีผลต่อการตัดสินมากไหม

มีมากครับ แต่ช่วงน้ำท่วมชาวบ้านเขามองไม่เห็นใคร เขาเห็นแต่นายกฯ ชาญและ ทีมงานที่ทำงานกันอยู่ เห็นเราอยู่กับประชาชน ไม่ทิ้งกัน นี่แหล่ะเป็นปัจจัยสำคัญและเป็นปัจจัยที่มองเห็นอย่างชัดเจนว่ายามที่เขาทุกข์เนี่ยมีแต่นายกฯชาญ เห็นแต่ทีมงาน ส.จ. เห็นแต่ อบต.และชาวบ้านด้วยกันที่ช่วยกันดูแล แต่ไม่รู้ ส.ส.ไปอยู่ตรงไหน ทุกพื้นที่เป็นแบบนี้หมด

ช่วงหาเสียงแข่งกันแรงไหม

แรงสิ แข่งกับอำนาจรัฐ แข่งกับอำนาจของผู้มีอิทธิพลทางการเมือง ผมก็ถูกเขายำน่าดูนะ เวลาหาเสียงก็จะด่าว่าผมด้วยถ้อยคำหยาบคาย ใส่ร้ายใส่ความผมสารพัด มีรถโมบายวิ่งทั้งจังหวัด ปล่อยข่าวให้เราเสียหาย แต่เราหนักแน่นพอ ไม่เคยตอบโต้ในสิ่งที่ไม่ควรพูด ผมพูดแต่สิ่งที่ดี พูดแต่นโยบายที่จะทำ และผลงานที่ผ่านมา

เห็นว่าการเลือกตั้งของ จ.ปทุมธานี ในช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลก็ลงมาช่วยหาเสียงในพื้นที่ค่อนข้างเยอะ ทั้งในสนามเลือกตั้ง ส.ส. และในการเลือกตั้งนายก อบจ.

ก็มากันหมดแหล่ะครับ ณัฐวุฒิก็มา เฉลิมก็มา มารุมเพื่อจะเอาพื้นที่ อบจ.ให้ได้ จะบอกว่าลงมาในพื้นที่แล้วไม่ได้พูดเรื่องนี้ ผมไม่เชื่อหรอก พูดทุกคำ แฝงทุกเรื่อง จัดประชุมกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านเรื่องโครงการต่อต้านยาเสพติดทำไมล่ะ มันไม่ใช่สิ่งที่ต้องเร่งรีบมาประชุม แล้วตอนนั้นเสื้อแดงก็เต็มปทุมฯไปหมดเลย แต่มันเป็นเรื่องจัดตั้ง ไม่ใช่คนพื้นที่แท้ๆ คนเสื้อแดงที่เห็นเย้วๆ กันตอนเลือกตั้งมาจากที่อื่นทั้งนั้นแหล่ะ เป็นขบวนการจัดตั้ง สังเกตตรงไหนรู้ไหม ถ้าคนปทุมฯออกมาจริงๆ จะเห็นรถเต็มไปหมด เพราะทุกคนจะต้องขับรถออกไป เวลาเราไปกินเลี้ยงกัน คนในพื้นที่ต้องมีรถไป ผมให้คนไปดูว่ามีรถมาเยอะไหม ลูกน้องบอก...ไม่มีพี่ มีแต่รถบัส 10 กว่าคัน แปลว่ามากับรถบัส อย่างนี้ไม่ใช่แล้ว มาคันเดียว 50 คน 10 คันก็ 500 คนแล้ว เขาเป็นคนจัดตั้งทั้งนั้นแหล่ะ มาจากอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี สุพรรณบุรีบางส่วน นนทบุรีบางส่วน เพื่อสร้างภาพว่ามีคนให้ความนิยมจำนวนมาก

แต่ที่ปทุมฯ คนเสื้อแดงซึ่งเป็นฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยก็หนาแน่น

โอ้โห..เยอะมาก แต่ไม่ใช่แดงจริงหรอก เพราะถ้าแดงจริงเขาคงไม่เลือกนายกฯชาญหรอก คือที่ปทุมฯเขาเลือกคนทำงาน แดงเดิงอะไรไม่มีหรอก แต่วันที่เลือกตั้งสนามใหญ่ก็ว่ากันไป แต่การเมืองท้องถิ่นเขาเลือกคน ไม่มีการแบ่งสีแบ่งฝ่าย ทุกคนมาช่วยนายกฯชาญเกือบ 60-70 เปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้นที่ใครบอก แดงเยอะ..แดงเยอะ...มันไม่ใช่ เขาเลือกคนทำงาน การเมืองใหญ่ การเมืองเล็ก เขาแยกแยะ

ก่อนวันเลือกตั้ง คุณชาญมั่นใจในคะแนนเสียงของตัวเองไหม

เริ่มต้นเนี่ยผมก็ท้อนะ แต่พอมาสักครึ่งทางก็เริ่มจะมีความมั่นใจมากขึ้น แต่ก็ยังไม่มาก ยิ่งใกล้สัปดาห์สุดท้ายเรายิ่งมั่นใจ เพราะจากที่เราลงไปหาเสียงในครั้งแรก ชาวบ้านจะออกมาให้กำลังใจ ยกนิ้วให้ โดยเฉพาะรถแท็กซี่ มอเตอร์ไซด์ รถเก๋ง รถปิกอัพ รถปูน รถใหญ่ รถเล็ก ร้านค้าและชาวบ้านที่อยู่ข้างทางออกมาชู 1 นิ้วซึ่งเป็นเลขประจำตัวผู้สมัครของผมเพื่อให้กำลังใจ พอใกล้สัปดาห์สุดท้ายเราเวียนไปจุดเดิมกี่รอบหนึ่ง ชาวบ้านก็ยังออกมาให้กำลังใจเหมือนเดิม เราก็มั่นใจแล้วว่าคะแนนต้องเป็นของเราแน่

คิดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะมีผลต่อการเลือกตั้งระดับชาติไหม

จะมีผลไหมก็ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลด้วยว่าทำงานหรือไม่ทำงาน ผมยังเชื่อว่าคนปทุมฯเลือกอย่างนี้นะ ไม่ใช่เลือกตามกระแส เลือกตัวบุคคลต่างหาก อย่างการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ปทุมธานี ครั้งล่าสุด ก็ชี้ให้เห็นเลยว่าเกียรติศักดิ์ (เกียรติศักดิ์ ส่องแสง ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ที่ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ในการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ปมุมธานี ในช่วงที่ผ่านมา)ไม่เคยทิ้งพื้นที่ เป็นเด็กโนเนม เหมือนนายกชาญนี่แหล่ะ แต่เขาได้รับเลือกตั้ง ขณะที่คนที่ลงสมัครแข่งกับเขาเนี่ยมีอำนาจอยู่ในมือ มีภรรยาเป็น ส.ส. ตัวเองเคยเป็นนักการเมืองท้องถิ่นคือเป็นนายกเทศมนตรีเมืองสนั่นรักษ์ จ.ปทุมธานีมาก่อน นี่เห็นชัด แต่เอาชนะเกียรติศักดิ์ไม่ได้ ถามว่าเกียรติศักดิ์มีอำนาจอะไร ไม่มีเลย แต่อาศัยอดทน ก็เหมือนกับนายกฯชาญ คืออาศัยอดทน ยามทุกข์เราทุกข์กับชาวบ้าน ช่วยเขาแก้ปัญหา อย่างน้อยช่วยอะไรไม่ได้ แค่ได้เห็นหน้าเรา เขาก็ชื่นใจ รู้สึกว่ามีคนมาช่วยเขาแล้ว

คิดว่าการที่คุณสุเมธตัดสินใจลาออกจาก ส.ส.เพื่อไทย มาลงสมัครนายก อบจ.เพราะอะไร

เขาจะกุมอำนาจไง เขาจะยึดอำนาจส่วนท้องถิ่นให้เป็นฝ่ายรัฐบาลให้หมด เพราะตอนนี้เขาคุมได้เกือบหมดแล้ว การเมืองระดับชาติก็กุมได้ได้ เขาก็จะมากุมอำนาจส่วนท้องถิ่น เทื่อให้ อบต. อบจ. เทศบาล เป็นแนวทางเดียวกับรัฐบาล จริงๆ แล้วผมว่าในแง่ของการทำงานเนี่ยทั้งท้องถิ่นและส่วนกลางมันเป็นฝ่ายเดียวกันทั้งนั้นแหล่ะ ทุกคนทำงานร่วมกันได้ แต่คนปฏิบัติเนี่ยมันแยกแยะกันเอง โดยเฉพาะ ส.ส.เนี่ยเลือกปฏิบัติ

การที่ ส.ส.สุเมธ ซึ่งเป็นนักการเมืองระดับชาติ มาลงสมัครรับเลือกตั้งนายกฯ อบจ.ซึ่งเป็นการเมืองระดับท้องถิ่น ทางพรรคน่าจะทราบเรื่องนะ พรรคจะบอกว่าไม่รู้ได้ไหม

คือถ้าบอกว่าพรรคไม่รู้เนี่ย มันเป็นเรื่องโกหกประชาชนทั้งประเทศนะ เพราะทางพรรคจะต้องเซ็นอนุมัติให้คุณสุเมธลาออกจากการเป็น ส.ส. แล้วคุณสุเมธต้องเอาหนังสือตัวนี้มายืนยันต่อ อบจ.ถึงจะสมัครได้ แล้ว ส.ส.ปทุมธานี พรรคเพื่อไทย ซึ่งได้รับการเลือกตั้งมาพร้อมกับคุณสุเมธก็ต้องรู้ มันต้องมีการประชุมลงมติว่าจะให้ใครออก แล้ว ส.ส.คนไหนจะมาลงสมัครนายก อบจ.เนี่ย เขาก็ต้องตกลงกันว่าต้องรวมพลังส่ง ไม่ใช่จู่ๆ มาบอกสุเมธว่าคุณออกจาก ส.ส.ไปลงสมัครนายก อบจ.เลยนะ มันไม่ได้ ต้องประชุม มีมติกันว่าพวกผมจะช่วยคุณนะ ไม่งั้นคุณสุเมธจะกล้าลาออกจาก ส.ส.เหรอ

ก็เหมือนอย่างผมจะลาออกจากตำแหน่งนายก อบจ.เพื่อมาลงสมัครชิงนายก อบจ.ต่ออีกสมัย ยังต้องหารือกับบรรดา ส.จ.(สมาชิกสภาจังหวัด)เลยว่า เฮ้ย ! จะช่วยกันไหมเนี่ย ถ้า ส.จ. 30 คนบอก..ถ้านายกฯออกเขาไม่ช่วย แล้วผมจะกล้าลาออกไหมล่ะ แต่ ส.จ.ของผมบอกว่า..โอเค นายกฯออกเลย เราได้เปรียบอยู่ แล้วถ้านายกฯได้เป็นต่ออีกสมัย เราจะได้ไปช่วยชาวบ้านที่เขาเดือดร้อน เพราะถ้านายกฯชาญหมดวาระไปในเดือน ก.ค.นี้ แล้วอีกไม่นาน ส.จ.ชุดนี้ก็หมดวาระ แล้วใครจะไปช่วยชาวบ้าน ผมก็เลยออก

แล้วตอนหาเสียงเนี่ย รัฐบาลมากันครบเลย ณัฐวุฒิก็มา เฉลิมก็มา เพราะฉะนั้นจะบอกว่าพรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วยกับการลาออกจาก ส.ส.มาลงสมัคร นายก อบจ.มันไม่ได้

เพราะฉะนั้นการที่คุณทักษิณบอกว่าพรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วยที่คุณสุเมธจะลาออกจาก ส.ส.มาสมัครนายก อบจ.ตั้งแต่แรกแล้ว ก็ไม่เป็นความจริง

ก็แค่ปาหี่ มันเป็นไปไม่ได้ ป้ายหาเสียงก็ติดชื่อพรรคเพื่อไทยหราเลย จะบอกไม่รู้เรื่องเนี่ย คนปทุมฯไม่โง่นะ มีการศึกษาดี คุณทักษิณโฟนอินมายังที่ประชุมพรรคว่าจะขับสุเมธออกจากพรรคมันก็แค่เกมการเมือง วันนี้ผมเป็นฮีโร่ในสายตานักการเมืองท้องถิ่นในระดับจังหวัดนะ ทั้งนายก อบจ. ทั้ง สจ.โทรศัพท์มากันใหญ่เลย เฮ้ย ! ได้อานิสงส์นายกฯชาญว่ะ เลือกตั้งนายก อบจ.งวดนี้ ส.ส.ไม่มาลงแข่งแน่ คือจริงๆจะมี ส.ส.ลาออกมาลง นายก อบจ.กันหลายจังหวัด เพราะเขาต้องการจะยึดอำนาจการเมืองให้หมด ตั้งแต่ระดับท้องถิ่นถึงระดับชาติเลย แต่ถ้าเลือกนายก อบจ.ครั้งนี้เราแพ้นะ เขากลืนหมดทั้งประเทศแน่ เขาหาตัวส่งหมดแหล่ะ แต่วันนี้เขาคิดหนักละ

วันนี้เขาส่งสมัคร ส.ส.ก็แพ้ เอา ส.ส.มาลงนายก อบจ.ก็แพ้ เขาก็เลยต้องตัดบทเลยว่า ส.ส.คนไหนออกไปลง นายก อบจ.ต้องตัดออกจากมุ้งไปเลย คือเขาต้องปรับยุทธศาสตร์ใหม่ แต่ต้องยอมรับนะว่าพรรคเขาเร็วมาก คิดเร็วทำเร็ว ถ้าเขาจะดันต่อไป ผมว่ายังจะแพ้อีกหลายจังหวัด เพราะว่าความเชื่อมั่นของประชาชนในพื้นที่เนี่ยเขาจะให้น้ำหนักกับนักการเมืองท้องถิ่นมากกว่า แต่ถ้าไม่ทำงานนะ ไม่ว่าใครลงสมัครก็ไม่ได้หรอก อย่างคุณเกียรติศักดิ์ที่ได้รับเลือกเป็น ส.ส.ปทุมฯเนี่ย เขาไม่ได้รับเลือกเพราะพรรคประชาธิปัตย์นะ เขาได้ด้วยตัวเขาเอง ถ้าเอาคะแนนโดยดูจากพรรคที่สังกัดเนี่ย เสื้อแดงไม่เลือกหรอก แต่นี่เขาชอบที่ตัวคุณเกียรติศักดิ์ เพราะดูแลชาวบ้านมาตลอด เลือกตั้ง ส.ส.ครั้งที่แล้วคุณเกียรติศักดิ์ก็ลงสมัครนะ แต่ไม่ได้รับเลือกเพราะยังไม่มีผลงาน แต่ครั้งนี้ได้เพราะดูแลชาวบ้านตอนน้ำท่วม เขาเข็นเรือลอยไปตามบ้านเลย ป้าครับ...ลุงครับ..เอาข้าวมาให้ เขาก็ได้ใจชาวบ้าน

รู้สึกว่าคุณชาญจะเป็นที่รักของชาวบ้านอย่างมาก เป็นเพราะตอนน้ำท่วม ทีมงานของนายกฯชาญทุ่มเทช่วยเหลือชาวบ้านหรือเปล่า

ก็มีส่วนนะ คือผมเต็มที่น่ะ สุดๆเลย ช่วงน้ำท่วม 2-3 เดือนนี่ผมไม่เคยนอนบ้านเลยนะ ไปนอนอยู่ที่สะพานวัดเสด็จโน่น ทั้งวันทั้งคืน ลุยน้ำตลอด เรียกว่า3 วันไม่เคยอาบน้ำเลย เปียก-แห้ง เปียก-แห้ง เสื้อผ้าชุดเดียว ตอนประตูน้ำคลองบ้านพร้าวแตกนี่ผมใส่เสื้อผ้าอยู่ชุดเดียวะลงไปช่วยกันซ่อม ให้คนเอาแผ่นเหล็กชิปพายลงไปฝัง เพราะถ้าประตูน้ำคลองบ้านพร้าวถล่มลงมาเนี่ย เราจะจมหมดทุกอำเภอ ยันไปจนถึงกรุงเทพมหานคร แต่เราเอาอยู่ ทีนี้มวลน้ำมันมาก มากที่สุดที่เคยเห็นในชีวิตเรา มันตีโอบมาจากด้านหลัง จบเลยทีนี้

แต่ถึงพื้นที่จะจมน้ำแต่เราก็ไม่ได้อยู่เฉยนะ เราก็ออกไปตั้งศูนย์ ช่วยเหลือ หาเรือมาช่วยเขา หาของมาช่วยเขา พอน้ำเริ่มยุบเราก็เอารถมาวิ่งเพื่อรับ-ส่งคน วิ่งกันทั้งจังหวัดเลย ไม่ว่าจะเป็นรถเทรลเลอร์ต่อให้สูง รถสิบล้อ รถบัส เราเอามาวิ่งรับ-ส่งพี่น้องประชาชนเราทั้งจังหวัดโดยที่ไม่มีค่าใช้จ่าย พยายามให้ผู้คนสามารถเดินทางได้ เพราะช่วงที่น้ำท่วมเนี่ย รถเมล์วิ่งไม่ได้ รถเตี้ยๆ ก็วิ่งไม่ได้ เราก็เอารถสิบล้อ รถกระบะยกสูง แล้วก็เรือ และรถบัส เราจ้างมาวิ่งทั้งจังหวัด 200-300 คัน ขับๆ คลานๆ เสียบ้างอะไรบ้างก็เอา คือแม้จะมีรถทหารมาวิ่ง แต่เขามีไม่กี่คัน และวิ่งเป็นเวลา มันไม่พอกับความต้องการของประชาชนหรอก แต่รถเราวิ่งกันทั้งวันทั้งคืน

ตอนช่วงน้ำท่วมเจอนักการเมืองระดับชาติมาสร้างปัญหาที่เป็นอุปสรรคต่อการแก้ปัญหาน้ำ ท่วมเยอะไหม

ก็มีนักการเมืองลงมาในพื้นที่ แต่ถ่ายรูปแล้วก็ไป มาเก็บภาพแล้วก็ไป เอานักข่าวมากันเต็มไปหมด แต่ไม่เคยทำอะไรเลย อย่างตอนที่ซ่อมประตูน้ำคลองบ้านพร้าวเนี่ยผมไล่เลยนะ ไล่นักข่าว ไล่ระดับรัฐมนตรี บอกไปเลย..ไปที่อื่น ไปถ่ายกันที่อื่น ไม่ต้องมาถ่ายที่นี่ แกะกะผม เพราะนาทีหนึ่งก็มีค่า ประตูมันจะพัง มันรอไม่ได้ เขาจะมาทำข่าวกันไง มาเกะกะ คนงานจะหิ้วเหล็กออกจะอะไรเกะกะไปหมด คือตอนแรกผมให้รองนายก อบจ.ไล่ เขาไม่กล้าไล่ไง ผมบอกไปเลยไป ไปไกลๆ อย่ามาถ่ายที่นี่ ไม่ทำงานกันแล้วอย่ามาถ่าย

จนถึงวันนี้เชื่อไหมว่าประตูน้ำคลองบ้านพร้าวนี่เรายังไม่เคยได้งบประมาณจากใครเลย แล้วเราก็ไม่เคยเบิกงบจาก อบจ.ด้วย เราทำกันแบบขอยืมคนโน้นบ้างคนนี้บ้าง รัฐบาลลงมาก็บอกเดี๋ยวจะช่วย ผู้ว่าก็บอกเดี๋ยวจะเบิกเงินให้ แต่สุดท้ายไม่มีใครเบิกให้เราเลยแม้แต่คนเดียว ตอนนี้ใครเป็นเจ้าหนี้เราบ้างเราก็ไม่รู้ แล้วไม่มีใครมาทวงเราสักคนเลยนะ จริงๆ เอาของ เอาเหล็ก เอาปูนมาวางตอนซ่อมประตูน้ำคลองบ้านพร้าว ก็ไม่มีใครมาทวงเรา ขณะที่ รัฐบาลไม่ได้อุดหนุนอะไรให้ อบจ.เลย ขอไปก็ไม่ได้ ขอน้ำมันมาใส่เรือเพื่อจะดันน้ำออกก็ไม่ได้ ขออุปกรณ์อะไรก็ไม่ได้

ทั้งที่งบประมาณของ ศปภ.(ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลและแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ในขณะนั้นมีเยอะมาก ?

แต่ไม่ตกมาถึงเราเลย

ช่วงนั้นมีการสั่งย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีด้วย

ก็นี่แหล่ะ คนทำงานก็โดนย้าย ถามว่าคนมาใหม่ทำงานไหม ก็ทำงาน แต่ว่าช่วงวิกฤตเนี่ยไม่ควรจะขยับเขยื้อนกัน คนมาใหม่ก็ทำงาน แต่ว่าต้องใช้เวลาคิด ใช้เวลาศึกษาพื้นที่ ถ้าจะย้ายก็น่าจะรอให้วิกฤตน้ำท่วมผ่านไปก่อน

ตอนนี้การช่วยเหลือของรัฐบาลต่อจังหวัดปทุมธานีที่ถูกน้ำท่วมเนี่ย ครอบคลุมทั้งจังหวัดหรือยัง

ก็ได้กันส่วนหนึ่ง แต่ค่าชดเชยน้ำท่วมครอบครัวละ 5,000 บาทเนี่ยก็ยังไม่ทั่ว ส่วนค่าชดเชยเพิ่มเติมกรณีที่เสียหายหนัก ครอบครัวละไม่เกิน 20,000 บาท ยิ่งไม่ได้รับเลย อะไรก็ไม่ได้ ได้ก็ไม่ครบ อย่างนี้ใครจะรับผิดชอบ มาประกาศปาวๆว่าจะให้บ้านละ 20,000 บาท วันนี้ชาวบ้านออกมาทวงกันเยอะแยะ แต่ยังไม่ได้สักครอบครัวหนึ่ง ส่วนไอ้ 5,000 ก็ยังได้กันไม่ครบ ก็ไม่รู้ว่ามันติดตรงไหน

คือพวกเราหน่วยงานส่วนท้องถิ่นเนี่ยเป็นเสือกระดาษ รับเอกสารจากชาวบ้านส่งให้อำเภอ หลุดจากเราไปแล้วเราไม่รู้แล้วว่าเขาจะจ่ายหรือไม่จ่าย เพราะเขาไม่ได้ให้เราจ่าย ให้ชาวบ้านไปรับที่ธนาคารออมสิน เราก็ไม่รู้ว่าเขาจ่ายหรือยัง หรือไม่จ่าย เพราะมีปัญหาอะไรเขาก็ไม่ได้ตอบเรา อย่างบางบ้านเขาถามเราว่าทำไมยังไม่ได้เงินชดเชย เราก็ถามไปให้ เขาก็บอกว่าเอกสารยังไม่พร้อม เราก็ทำอะไรเขาไม่ได้

จริงๆ เรื่องนี้รัฐบาลน่าจะเชื่อในการทำงานของหน่วยงานส่วนท้องถิ่น อบต.ส่งรายชื่อผู้เสียหายที่ต้องได้รับเงินชดเชยไป 100 หลังคาเรือน คุณก็โอนเงินมา 100 หลังคาเรือน แล้วถามว่าเราจะโกงกินเหรอ.. ขาดบาทเดียวชาวบ้านเขาก็ประจานตายแล้ว เราเป็นนักการเมืองท้องถิ่น ใครก็กลัวแพ้ ใครก็กลัวเสียชื่อ ได้มา 5,000 อยากจะใส่ให้อีก 200 ด้วยซ้ำ ให้เป็นค่ารถที่เขาเดินทางมา ถ้าให้ท้องถิ่นรับผิดชอบผมเชื่อว่าไม่บกพร่อง วันนี้อำนาจรัฐไปจ่ายกันเองเนี่ยเสียหาย แก้ไขก็ไม่ได้ เขาจะรู้ได้ยังไงว่าบ้านไหนได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม เพราะเขาไม่ได้อยู่ในพื้นที่ ผมว่าเราต้องเชื่อมั่นกันว่าเราให้อำนาจท้องถิ่นปกครองกันเองใช่ไหม ไม่อย่างนั้นก็ยกเลิก เอาคืนไปให้หมด ไปอยู่กับรัฐเหมือนเดิม จะได้ไม่ต้องทำอะไรกันไง ไม่ต้องเปลืองภาษีประชาชนที่เอามาจ้าง อบต. จ้าง อบจ.มาจ้างกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านมาทำงาน แล้วไม่ได้ทำกัน

เรื่องตัวเลขงบประมาณมีผลต่อการทำงานไหม

มีผล คือถ้าเป็นพวกของตัวเองให้งบ ถ้าไม่ใช่พวกก็ไม่ให้ ผมเป็นพวกฝ่าย ส.ส.ผมได้ แต่ไม่ใช่พวกเดียวกับ ส.ส. รัฐบาลก็ไม่อนุมัติงบให้ อย่างนี้เรียกว่าเลือกปฏิบัติ แต่ทุกวันนี้อยากให้ท่านลงไปดูว่าทำงานกันจริงกี่เปอร์เซ็นต์ แล้วคนที่กุมอำนาจเรียกผลประโยชน์กันกี่เปอร์เซ็นต์ จนบ้านเมืองเสียหายหมดแล้ว ตอนนี้ตัวเลขงบประมาณของ อบจ.ปทุมธานี ตกปีละประมาณ 1,000 กว่าล้าน แต่ต้องบริหารจัดการทุกด้านนะ ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน ค่าจ้าง พนักงานทั้งหมด

การเลือกตั้ง นายก อบจ.ครั้งนี้ ที่คุณชาญชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย ชนะคู่แข่งจากพรรคการเมืองใหญ่ไปถึง 1 แสนคะแนน นับเป็นบทพิสูจน์ทางการเมืองว่าประชาชนเขาเลือกคนทำงาน

ใช่ครับ นี่คือการเมืองที่ไม่เลือกข้าง แต่ผมบอกเลยนะ ไม่ว่าใครเป็นรัฐบาล ส่วนท้องถิ่นกับภาครัฐทำงานร่วมกันได้ ขออย่างเดียวอย่าเลือกปฏิบัติ งบลงมาปทุมธานีก็จัดสรรลงไปให้ทั่วถึงทุกพื้นที่ ถ้าไม่เลือกปฏิบัติ ระดับไหนก็ไม่มีปัญหาหรอก แต่วันนี้เนี่ยถามว่าส่วนท้องถิ่นชอบไหม ส.ส.ชุดนี้ ? เขาเกลียดขี้หน้ากันหมด เพราะอย่างโครงการฟื้นฟูน้ำท่วมครั้งนี้ ส.ส.ก็เอาอำนาจไปจ้างให้นายอำเภอจัดซื้อจัดจ้างเอง ทั้งที่จริงๆ แล้วคนที่ทำเรื่องของบประมาณในการป้องกันแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่คือ อบต. , อบจ. และเทศบาลเป็นผู้ของบ แต่นายอำเภอเรียกผู้รับเหมาไปจัดซื้อจัดจ้างกันที่อำเภอเอง รัฐบาลไหนเขาก็ไม่ทำกัน

เป็นไปได้ไหมว่า จะเป็นเรื่องของการดึงอำนาจในการจัดสรรผลประโยชน์ ไปอยู่ในมือรัฐบาลเอง

คือนายอำเภอเปรียบเสมือนลูกน้องรัฐบาล เขาสามารถสั่งได้ แต่ถ้าท้องถิ่นเนี่ยเขาอาจจะเก็บผลประโยชน์ไม่ได้ ตอนนี้เรียกผลประโยชน์กันจนเหลือเฟือ ทำให้บ้านเมืองเสียหายมาก เรียกตั้งแต่ 20 ไปจนถึง 40% แล้วจะเหลือเงินที่ไหนไปทำโครงการกัน อย่างที่ปทุมธานีมีโครงการขุดลอกคลอง จำนวนแสนคิว คุณคิดว่าดินที่ขุดขึ้นมาจากคลองจำนวนแสนคิวมันมากมายขนาดไหน ถมที่ได้กี่ไร่ แต่ลองไปดูบริเวณริมคลองต่างๆสิ มันมีดินที่ถูกรอกขึ้นมากองไว้บ้างไหม งบประมาณขุดลอกคลอง 6 สูงถึง 23 ล้านบาทเนี่ยมีดินที่ถูกลอกขึ้นมากี่มากน้อย มีการขุดลอกกันจริงหรือเปล่า ? อยากให้ลองไปดูกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น