อุบลราชธานี-ศาลจังหวัดอุบลราชธานีอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้น ให้จำคุก 2 ปี 8 เดือน ดีเจเสื้อแดงใช้วิทยุชุมชนปลุกปั่นให้คนออกมาชุมนุมจนเกิดเหตุการณ์เผาศาลากลางจังหวัด แต่ให้รอลงอาญา 2 ปี พร้อมให้ทำงานบริการสังคม
วานนี้ (26 เม.ย.) ที่ห้องพิจารณาพิเศษ ศาลจังหวัดอุบลราชธานี ผู้พิพากษาได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 กรณีที่ศาลชั้นต้นตัดสินลงโทษ น.ส.อุบลกาญจน์ อมรสิน หรือดีเจสาวสองฝั่งโขง อายุ 38 ปี ตามฟ้องข้อหาเป็นผู้สนับสนุนให้กระทำการใดอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในพื้นที่ที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง และเป็นผู้สนับสนุนด้วยวาจาให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในกลุ่มประชาชนก่อให้เกิดความไม่สงบในราชอาณาจักร
โดยระหว่างวันที่ 16-19 พ.ค.2553 จำเลยเป็นเจ้าของสถานีวิทยุชุมชนซำบายใจไทยอีสาน คลื่นความถี่ 99.25 เมกะเฮิรตซ์ ตั้งอยู่เลขที่ 169 หมู่ 1 บ้านตำแย ต.ไร่น้อย อ.เมืองอุบลราชธานี ใช้สถานีปลุกปั่นให้ผู้ฟังไปร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดง จนนำไปสู่ความรุนแรง มีการเผายางรถยนต์ และเผาศาลากลางจังหวัด
ต่อมาเมื่อวันที่ 13 ก.ย.2554 ศาลชั้นต้นได้ตัดสินให้ลงโทษจำคุกเป็นเวลา 2 ปี 8 เดือน แต่จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อคดีจึงลดโทษให้เหลือจำคุก 1 ปี 4 เดือน โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้เป็นเวลา 2 ปี และให้รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือน พร้อมทำงานบำเพ็ญประโยชน์ต่อสาธารณะเป็นเวลา 72 ชั่วโมง
แต่พนักงานอัยการได้ยื่นอุทธรณ์ให้ลงโทษจำเลยเพิ่มเติม เพราะเห็นว่าเป็นแกนนำยุยงปลุกปั่นไม่ควรได้รับการรอลงอาญา ซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 3 ได้พิพากษาให้ยืนตามคำตัดสินของศาลชั้นต้น เพราะเห็นว่าจำเลยกระทำผิดเพียงเป็นผู้สนับสนุน โดยใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ในการส่งสัญญาณวิทยุปลุกระดมให้ประชาชนก่อความไม่สงบและล่วงละเมิดกฎหมายทำการเผาศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี
การกระทำของจำเลยจึงไม่ร้ายแรงและเป็นบทเรียนแก่จำเลยในการประกอบวิชาชีพสื่อสารมวลชน ตามที่ศาลชั้นต้นให้โอกาสจำเลยกลับตัวเป็นพลเมืองดี โดยรอการลงโทษและให้คุมประพฤติ จึงเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว
หลังการตัดสิน น.ส.อุบลกาญจน์ หรือดีเจสาวสองฝั่งโขง ได้ลงมาพบมวลชนที่มารอฟังคำตัดสินกว่า 100 คน ซึ่งได้แสดงความยินที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น พร้อมกล่าวขอบคุณศาลที่ให้โอกาสกลับตัวเป็นคนดีอีกครั้ง
สำหรับกรณีคนเสื้อแดงที่ก่อเหตุเผาศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี ศาลจังหวัดอุบลราชธานีได้ตัดสินพิพากษาเมื่อวันที่ 24 ส.ค.2554 ให้จำคุกจำเลยรวม 12 คน คือ น.ส.ปัทมา มูลมิล นายธีรวัฒน์ สัจสุวรรณ นายสนอง เกตุสุวรรณ นายสมศักดิ์ ประสานทรัพย์ จำคุก 33 ปี 4 เดือน ส่วนนายประดิษฐ์ บุญสุข นายลิขิต สุทธิพันธ์ นายไชยา ดีแสง นายพิสิทธิ์ บุตรอำคา จำคุก 2 ปี นายอุบล แสนทวีสุข นายสุพจน์ ดวงงาม และนางอรอนงค์ บรรพชาติ จำคุกคนละ 8 เดือน
โดยผู้ที่ถูกตัดสินจำคุกอัตราโทษน้อยถูกควบคุมตัวเกินกว่าจำนวนโทษ จึงได้ปล่อยตัวจากเรือนจำไปแล้ว ส่วนที่ถูกลงโทษสถานหนัก ปัจจุบันยังถูกควบคุมตัวไว้ในเรือนจำรวม 4 คน
วานนี้ (26 เม.ย.) ที่ห้องพิจารณาพิเศษ ศาลจังหวัดอุบลราชธานี ผู้พิพากษาได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 กรณีที่ศาลชั้นต้นตัดสินลงโทษ น.ส.อุบลกาญจน์ อมรสิน หรือดีเจสาวสองฝั่งโขง อายุ 38 ปี ตามฟ้องข้อหาเป็นผู้สนับสนุนให้กระทำการใดอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในพื้นที่ที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง และเป็นผู้สนับสนุนด้วยวาจาให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในกลุ่มประชาชนก่อให้เกิดความไม่สงบในราชอาณาจักร
โดยระหว่างวันที่ 16-19 พ.ค.2553 จำเลยเป็นเจ้าของสถานีวิทยุชุมชนซำบายใจไทยอีสาน คลื่นความถี่ 99.25 เมกะเฮิรตซ์ ตั้งอยู่เลขที่ 169 หมู่ 1 บ้านตำแย ต.ไร่น้อย อ.เมืองอุบลราชธานี ใช้สถานีปลุกปั่นให้ผู้ฟังไปร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดง จนนำไปสู่ความรุนแรง มีการเผายางรถยนต์ และเผาศาลากลางจังหวัด
ต่อมาเมื่อวันที่ 13 ก.ย.2554 ศาลชั้นต้นได้ตัดสินให้ลงโทษจำคุกเป็นเวลา 2 ปี 8 เดือน แต่จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อคดีจึงลดโทษให้เหลือจำคุก 1 ปี 4 เดือน โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้เป็นเวลา 2 ปี และให้รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือน พร้อมทำงานบำเพ็ญประโยชน์ต่อสาธารณะเป็นเวลา 72 ชั่วโมง
แต่พนักงานอัยการได้ยื่นอุทธรณ์ให้ลงโทษจำเลยเพิ่มเติม เพราะเห็นว่าเป็นแกนนำยุยงปลุกปั่นไม่ควรได้รับการรอลงอาญา ซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 3 ได้พิพากษาให้ยืนตามคำตัดสินของศาลชั้นต้น เพราะเห็นว่าจำเลยกระทำผิดเพียงเป็นผู้สนับสนุน โดยใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ในการส่งสัญญาณวิทยุปลุกระดมให้ประชาชนก่อความไม่สงบและล่วงละเมิดกฎหมายทำการเผาศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี
การกระทำของจำเลยจึงไม่ร้ายแรงและเป็นบทเรียนแก่จำเลยในการประกอบวิชาชีพสื่อสารมวลชน ตามที่ศาลชั้นต้นให้โอกาสจำเลยกลับตัวเป็นพลเมืองดี โดยรอการลงโทษและให้คุมประพฤติ จึงเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว
หลังการตัดสิน น.ส.อุบลกาญจน์ หรือดีเจสาวสองฝั่งโขง ได้ลงมาพบมวลชนที่มารอฟังคำตัดสินกว่า 100 คน ซึ่งได้แสดงความยินที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น พร้อมกล่าวขอบคุณศาลที่ให้โอกาสกลับตัวเป็นคนดีอีกครั้ง
สำหรับกรณีคนเสื้อแดงที่ก่อเหตุเผาศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี ศาลจังหวัดอุบลราชธานีได้ตัดสินพิพากษาเมื่อวันที่ 24 ส.ค.2554 ให้จำคุกจำเลยรวม 12 คน คือ น.ส.ปัทมา มูลมิล นายธีรวัฒน์ สัจสุวรรณ นายสนอง เกตุสุวรรณ นายสมศักดิ์ ประสานทรัพย์ จำคุก 33 ปี 4 เดือน ส่วนนายประดิษฐ์ บุญสุข นายลิขิต สุทธิพันธ์ นายไชยา ดีแสง นายพิสิทธิ์ บุตรอำคา จำคุก 2 ปี นายอุบล แสนทวีสุข นายสุพจน์ ดวงงาม และนางอรอนงค์ บรรพชาติ จำคุกคนละ 8 เดือน
โดยผู้ที่ถูกตัดสินจำคุกอัตราโทษน้อยถูกควบคุมตัวเกินกว่าจำนวนโทษ จึงได้ปล่อยตัวจากเรือนจำไปแล้ว ส่วนที่ถูกลงโทษสถานหนัก ปัจจุบันยังถูกควบคุมตัวไว้ในเรือนจำรวม 4 คน
